ออริจิ้นเซ็นสัญญาร่วมทุนญี่ปุ่น “โนมูระ” ขึ้นคอนโดฯ 4 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท พร้อมปรับเป้าเปิดตัวโครงการ พรีเซล รายได้ขึ้นทั้งหมด หวังอีก 5 ปีก้าวขึ้นท็อป 3 วงการอสังหาฯไทย
พีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ
บริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด บริษัทอสังหาริมทรัพย์จากประเทศญี่ปุ่น โดยที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติขายหุ้นสามัญของบริษัทย่อยในเครือ 4 บริษัท บริษัทละประมาณ 49% ให้กับโนมูระ รวมมูลค่าประมาณ 1,070 ล้านบาท
การร่วมทุนทั้งหมด 4 บริษัทเพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกัน 4 โครงการ ได้แก่ ไนท์บริดจ์ ไพรม์ อ่อนนุช, ไนท์บริดจ์ ไพรม์ รัชโยธิน, ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง ซึ่งจะเปิดตัวในปีนี้ และอีก 1 โครงการที่จะเปิดตัวปีหน้า
สำหรับ
โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ เป็นบริษัทอสังหาฯ ท็อป 3 ของประเทศญี่ปุ่นที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 60 ปี มีสำนักงานใหญ่ใน Tokyo ดำเนินกิจการด้านอสังหาฯ หลายประเภท เช่น คอนโดมิเนียม ออฟฟิศบิลดิ้ง โลจิสติกส์ ห้างสรรพสินค้า บ้านผู้สูงอายุ เป็นต้น โดยมีรายได้ปี 2559 ประมาณ 1.2 แสนล้านบาท และการขยายการลงทุนในต่างประเทศถือเป็นนโยบายหลักของโนมูระ ด้วยงบลงทุนต่างประเทศรวม 2,500 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับช่วงปี 2558-2568 มีการลงทุนแล้วกว่า 10 ประเทศ อาทิ สหรัฐฯ ออสเตรเลีย จีน สิงคโปร์ เวียดนาม
พีระพงศ์ กล่าวว่า การร่วมทุนในอนาคตจะพิจารณาร่วมกันเป็นรายโครงการ
ในส่วนของโครงการอสังหาฯ เพื่อขาย โนมูระสนใจการพัฒนากลุ่มราคาระดับกลางบนเป็นหลัก ขณะที่ออริจิ้นมีความต้องการกระจายพอร์ตด้านอสังหาฯ เพื่อเช่ามากขึ้น เช่น ออฟฟิศบิลดิ้ง โกดังให้เช่า ซึ่งโนมูระมีความเชี่ยวชาญอยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสดีในการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้กับทางบริษัทญี่ปุ่น และอาจมีโอกาสร่วมทุนกันในอนาคต
“โนมูระต้องการมาลงทุนที่ไทยในฐานะดีเวลอปเปอร์มากกว่าเป็นนักลงทุน ทำให้เขามาลงพื้นที่จริงและต้องการสร้างแบรนด์ของเขาเอง เราบรรลุข้อตกลงกันได้เนื่องจากมีวิสัยทัศน์การพัฒนาคล้ายกัน นั่นคือเติบโตจากการขายคอนโดฯเป็นหลัก พร้อมกับกระจายความเสี่ยงไปในอสังหาฯเช่า ซึ่งออริจิ้นมองว่า โนมูระจะเป็นแม่แบบที่ดีสำหรับบริษัท ได้รับองค์ความรู้ด้านการก่อสร้างให้มีข้อผิดพลาดเป็นศูนย์ ดีไซน์น่าอยู่ กลยุทธ์การขาย รวมถึงฐานลูกค้าของเขาในญี่ปุ่นและประเทศจีนน่าจะทำให้สัดส่วนลูกค้าต่างชาติของออริจิ้นเพิ่มจาก 10% เป็น 15-20% ได้” พีระพงศ์กล่าว
ทุนญี่ปุ่นบุกไทยนับ 10 บริษัท
ซีอีโอออริจิ้นกล่าวต่อไปว่า ศักยภาพความเป็น land bridge หรือจุดเชื่อมต่อทางด้านโลจิสติกส์ของประเทศไทยเป็นแรงดึงดูดอย่างสูงต่อกลุ่มทุนต่างชาติ รวมถึงการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมและสาธารณูปโภคที่พร้อมมากกว่าประเทศอื่นในอาเซียน ทำให้บริษัทต่างชาติยังต้องการเข้ามาลงทุน
ภาคอสังหาริมทรัพย์เองมีบริษัทต่างชาติจำนวนมากเข้ามาเจรจาเพื่อร่วมทุนกับบริษัทไทย เฉพาะกลุ่มทุนญี่ปุ่นมีถึง 5-10 บริษัทที่กำลังเดินหน้าเจรจาในขณะนี้ เชื่อว่าบริษัทระดับท็อป 20 ของอสังหาฯญี่ปุ่นล้วนมีความต้องการมาลงทุนในไทยทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีอีกหลายบริษัทจากประเทศจีน ฮ่องกง ที่กำลังหาพันธมิตรบริษัทไทยอยู่
ปรับเป้าหมายดำเนินการขึ้นยกแผง
พีระพงศ์สรุปการดำเนินงานของบริษัทในปี 2560 ว่า ออริจิ้นมีการปรับเป้าการดำเนินงานขึ้นทุกด้าน ทั้งเป้าหมายเปิดตัวโครงการ ยอดพรีเซล รายได้ และยอดขายรอโอน (แบ็กล็อก) ดังนี้
- เปิดตัวโครงการ
เพิ่มจาก 9 โครงการ มูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท
เป็น 12 โครงการ มูลค่ารวม 18,050 ล้านบาท
- ยอดพรีเซล เพิ่มจาก 13,000 ล้านบาท เป็น 14,000 ล้านบาท
- รับรู้รายได้ เพิ่มจาก 6,000 ล้านบาท เป็น 9,000 ล้านบาท
- แบ็กล็อก เพิ่มจาก 14,385 ล้านบาท เป็น 25,285 ล้านบาท
ซึ่งการปรับเป้ารับรู้รายได้และแบ็กล็อกเป็นผลจากการควบรวมกิจการ
บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมียอดแบ็กล็อกเพิ่มจากโครงการพาร์ค 24 ของพราวด์ฯ โดยโครงการดังกล่าวจะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์เฟสแรกได้ตั้งแต่เดือนตุลาคมนี้
ส่วน
การเปิดตัวโครงการในครึ่งปีหลัง 2560 จะมีทั้งหมด 8 โครงการ รวมมูลค่า 8,600 ล้านบาท ไฮไลท์ในไตรมาส 3/60 จะเปิดตัวคอนโดฯแบรนด์ไนท์บริดจ์ 4 โครงการพร้อมกันในวันที่ 16 ก.ย.60 มูลค่ารวม 7,400 ล้านบาท โดยกลุ่มราคาจะอยู่ระหว่าง 1-2 แสนบาทต่อตร.ม. ได้แก่
- ไนท์บริดจ์ ไพรม์ อ่อนนุช ทำเลในซอยอ่อนนุช ตรงข้าม T77 ระยะ 600 เมตรจากสถานี BTS อ่อนนุช
- ไนท์บริดจ์ ไพรม์ รัชโยธิน ทำเลบนถ.พหลโยธิน ตรงข้ามตึกช้าง ระยะ 50 เมตรจากสถานี BTS พหลโยธิน 24 (รถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-คูคต)
- ไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง ทำเลบนถ.รามคำแหง ระยะ 100 เมตรจากสถานี MRT หัวหมาก (รถไฟฟ้าสายสีส้ม ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี)
- ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้ ทำเลสี่แยกเกษตร ระยะ 40 เมตรจากสถานี BTS ม.เกษตรฯ (รถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-คูคต)
ขณะที่อีก 4 โครงการเปิดตัวไตรมาส 4/60 มูลค่ารวม 1,200 ล้านบาท ได้แก่ โครงการบ้านเดี่ยว บริทาเนีย ศรีนครินทร์ ราคาเริ่ม 4-5 ล้านบาท และคอนโดฯขนาดเล็กแบรนด์บีลอฟท์อีก 3 ทำเล
พีระพงศ์ เปิดเผยว่า บริษัทวางเป้าการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยปี 2560 นี้มีเป้ารายได้ 9,000 ล้านบาท เติบโต 181% จากปีก่อน ตามด้วยปี 2561 และ 2562 วางเป้ารายได้ที่ 14,000 ล้านบาทและ 17,000 ล้านบาทตามลำดับ และคาดหวังอีก 5 ปีคือในปี 2565 บริษัทจะสามารถสร้างรายได้มากกว่า 30,000 ล้านบาท เพื่อขึ้นแท่นเป็นท็อป 3 ด้านรายได้ในวงการธุรกิจอสังหาฯไทย