ริสแลนด์ เชื่อมั่นลงทุนไทย เดินหน้าเปิดตัวโครงการมิกซ์ยูส “สกายไรซ์ อเวนิว สุขุมวิท 64” มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท รับเทรนด์ชาวต่างชาติ โดยเฉพาะจีน ฮ่องกง ที่ต้องการย้ายที่อยู่มาไทย หลังควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดี คาดสิ้นปีปิดยอดขาย 1,800 ล้านบาท
หยาน จู้ ผู้อำนวยการโครงการ “สกายไรซ์ อเวนิว สุขุมวิท 64” บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ริสแลนด์ เป็นผู้ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ฮ่องกง และดำเนินธุรกิจในอีก 7 ประเทศ มีการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากกว่า 2,000 โครงการ ทั้งในสหรัฐอเมริกา นิวซีแลนด์ อินเดีย อินโดนีเซีย เวียดนามและไทย รวมมูลค่าโครงการทั่วโลกประมาณ 5.5 แสนล้านบาท สำหรับในประเทศไทย ริสแลนด์ เข้ามาดำเนินธุรกิจเมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา เปิดโครงการแล้ว 6 โครงการ มูลค่าลงทุนประมาณ 5 หมื่นล้านบาท โดยล่าสุดเปิดตัวโครงการ “สกายไรซ์ อเวนิว สุขุมวิท 64” เป็นการพัฒนาโครงการแบบมิกซ์-ยูส มูลค่าโครงการกว่า 15,000 ล้านบาท ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมแบบไฮไรส์ จำนวน 4 โครงการ บนพื้นที่กว่า 22 ไร่ พร้อมพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ 40% เป็นเสมือนโอเอซิสใจกลางเมือง “โครงการดังกล่าวพัฒนาเพื่อตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ ที่มองหาความสมดุลของชีวิตในเมือง ที่ไม่ใช่แค่ต้องการมองหาชีวิตทันสมัย แต่ต้องการใช้ชีวิตสัมผัสธรรมชาติ มองหาความยั่งยืน ซึ่งเป็นเทรนด์เดียวที่เกิดขึ้นทั่วโลก” หยาน จู้ กล่าวว่า สถานการณ์โควิด-19 ที่เกิดขึ้น ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจทั่วโลก ทั้งในยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น ในแง่ของการดำเนินธุรกิจยังเดินหน้าได้ แต่มีอุปสรรคในการเข้าถึงลูกค้า ทำให้ต้องมีการชะลอการลงทุนไปบางส่วน โดยต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในแต่ละตลาด รวมถึงการระบาดรอบ 2 และ 3 ของโรคโควิด-19 ในแต่ละประเทศ แต่หากไม่มีการระบาดระลอกใหม่ เชื่อว่าการลงทุนจะกลับมาภายในกลางปี 2564 สำหรับประเทศไทย โดยเฉพาะกรุงเทพ ถือเป็นเมืองที่น่าลงทุน เช่นเดียวกับเมืองใหญ่ทั่วโลก เช่น ลอนดอน ที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจ ธุรกิจ มีหนุ่มสาวเข้ามาทำงานจำนวนมาก ทำให้เมืองมีการเติบโต โดยเฉพาะชนชั้นกลาง มีกำลังซื้อ ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันทำให้ระมัดระวังในการใช้จ่าย แต่เชื่อว่าหลังจากสถานการณ์คลี่คลาย คาดว่าความเชื่อมั่นและกำลังซื้อจะกลับมา “ในมุมมองผม ในช่วงนี้คนชั้นกลาง (middle class) จะชะลอการตัดสินใจ ซึ่งก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ เนื่องจากเค้าจำเป็นต้องถือเงินสดเอาไว้ ไม่อยากใช้จ่ายตอนนี้ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่ชัดเจน แต่หากสถานการณ์โควิดดีขึ้น ความมั่นใจจะกลับมา” หยาน จู้กล่าว เกษมศักดิ์ สุนทโรทก ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนวโน้มความต้องการที่อยู่อาศัย โดยเฉพาะตลาดระดับกลางถึงบน รวมถึงคนต่างชาติ โดยเฉพาะจีนและฮ่องกง ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของโครงการ มีความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิด เนื่องจากประเทศไทยมีการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคได้ดี ปัจจุบันใน 6 โครงการของริสแลนด์ร้อยละ 70 ของลูกค้าต่างชาติของโครงการ เป็นชาวจีน และฮ่องกง ที่เหลือเป็นลูกค้าคนไทย สำหรับโครงการสกายไรซ์ อเวนิว สุขุมวิท 64 ขณะนี้มียอดจองเข้ามาแล้วประมาณ 700 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าไทย 500 ล้านบาท ลูกค้าต่างชาติ 200 ล้านบาท คาดว่าสิ้นปีนี้จะมียอดขายรวม 1,800 ล้านบาท โดยราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท โดยคาดว่าโครงการจะเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2567 ทั้งนี้ บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ทั้ง่หมด 4 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียม 2 โครงการ และโครงการมิกซ์ ยูส 2 โครงการ โดยเปิดตัวไปแล้ว 3 โครงการ คลาวด์ ทองหล่อ – เพชรบุรี และโครงการ The LIVIN เพชรเกษม และส่าสุดโครงการสกายไรซ์ สุขุมวิท 64 และเตรียมจะเปิดตัวโครงการมิกซ์ ยูส ที่ย่านรามคำแหน่งในปีนี้ อ่านเพิ่มเติม: 3 ผู้ประกอบการอสังหาฯ ร่วมเปิดตัว “อารมณ์ วงศ์อมาตย์” มูลค่า 3.7 พันล้านบาทไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine