Uber: พี่เบิ้มแห่งคลังข้อมูล - Forbes Thailand

Uber: พี่เบิ้มแห่งคลังข้อมูล

Image Credit: Associated Press

ขณะที่ผมเขียนคอลัมน์นี้ที่สำนักงาน บนถนนสายหลักใน San Francisco โดยผมจะมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านที่เขต Richmond เพื่อกลับไปเอากระเป๋าเดินทาง และมุ่งหน้าไปยังสนามบิน San Francisco International Airport แล้วมุ่งตรงไปที่โรงแรม JFK ในย่าน Midtown, นัดประชุม 10 นัด ทั่ว Manhattan ก่อนที่แวะห้าง FAO Swartz เพื่อรับบางสิ่งสำหรับเด็กๆ ก่อนกลับโรงแรม JFK ก่อนเดินทางกลับบ้าน

มีคนแค่ 4 คนหรือหน่วยงานในโลกนี้ที่รู้ตำแหน่งที่อยู่ของผมตลอดเวลา ภรรยา (เพราะผมบอก) Apple (เพรา Siri) เพราะ the NSA (สำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ) และปัจจุบัน Uber

ตั้งแต่การใช้บริการผ่าน Uber โดย Uber แอปฯ ได้สร้างความสะดวกสบายและเพิ่มขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต Uber รู้ว่า ที่ไหนที่ผมอยู่, ที่ไหนที่ผมทำงาน, ที่ไหนที่ผมกิน, ที่ไหนที่ผมเที่ยว, ที่ไหนที่ผมไปเยี่ยมเยี่ยม, และที่ๆ ผมทำทั้งหมด ผมไม่ใช่แค่ผู้โดยสารอย่างที่เป็นอีกต่อไป ผมคือแหล่งข้อมูลขนาดใหญ่ ในขณะที่คุณไม่ได้ทันคิด Uber ได้ใช้ประโยชน์จากมัน

ปีนี้ เราจะได้พบกับการเชื่อมโยงข้อมูลของ Uber เข้ากับ บริษัทข้อมูลยักษ์ใหญ่ เหมือนๆ กับ Google, Facebook และ Visa ที่ใช้ข้อมูลอันล้ำค่าเกี่ยวกับผมและคุณ นำไปต่อยอดการให้บริการและการสร้างรายได้ต่อการขายข้อมูลดังกล่าวสู่แหล่งอื่นๆ

Starwood แค่การเริ่มต้น

ล่าสุด Uber ได้ปล่อยบริการที่ให้ลูกค้าผู้ถือครอง Account ระหว่าง Uber และ Account ของ Starwood เข้าด้วยกัน ซึ่งลูกค้าของ Starwood จะได้รับคะแนนเมื่อเขาใช้บริการ Uber ถือเป็นการยื่นหมูยื่นหมู? เพราะลูกค้า Uber ต้องให้สิทธิ์ในการแชร์ข้อมูลทั้งหมดกับ Starwood ผมหมายถึง ”ข้อมูลทั้งหมด” ดูได้จาก screenshot ด้านล่าง



ฟังแล้วน่ากลัว? แต่มีค่าแน่นอนต่อ Uber ต่อ Starwood และแม้กระทั่งตัวผม ผมบินเดือนละครั้งไปยังที่ทำงานใน Seattle Uber รู้ข้อมูลเหล่านี้ เพราะเขามาส่งผมที่สนามบิน San Francisco International Airport และมาแวะรับก่อนไปส่ง ที่ Seattle–Tacoma International Airport ในหลายชั่วโมงต่อมา

Uber สามารถเดินหน้ากับโปรแกรมแบบนี้ได้กับ สายการบิน ร้านอาหาร ไนท์คลับ, บาร์ ทุกๆ ที่ จากจุด A ไปสู่จุด B ระหว่างการโดยสารใน Uber ไม่ว่าจุด A หรือ B หรือทั้งสองจุด แสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้บริโภคที่มีศักยภาพจากข้อมูลของคุณ
 
ไม่มีข้อมูลที่ไร้ตัวตนอีกต่อไป

แม้จะไม่ใช่ข่าวสำหรับทุกคนที่ว่า Visa, MasterCard และ Amax มีหน่วยงานในการจัดการธุรกิจ การขายข้อมูลลูกค้า ไปยังบริษัทที่ต้องการซื้อ ตอนนี้มียอดขาย 1oo ล้านเหรียญสหรัฐ ส่วนใหญ่จาก Private Equity, Hedge Funds และ  Investment Banks และคาดการณ์จะมีมูลค่า 1 พันล้านเหรียญภายใน 5 ปี โดยข้อแตกต่างของบริษัทบัตรเครดิตเหล่านี้คือการนำข้อมูลตัวตน Personally Identifiable Information (PII) ออกและขายเฉพาะข้อมูลทั่วไป ในสายตาของบริษัทเหล่านี้ คุณจะไม่ใช่แค่คุณ

ความได้เปรียบของ Uber คือการที่ผู้ใช้เองเป็นผู้แลกเปลี่ยนข้อมูลตัวตน (PII) จากหน้าจอเพื่อแลกแปลี่ยนกับ คะแนนพิเศษ/หรือไมล์ต่างๆ นี้คือนัยยะสำคัญ แต่ถ้าคุณจะไม่ได้มอบข้อมูลตัวตน (PII) Uber ยังคงได้ข้อมูลทั่วไปที่ไม่ใช่ข้อมูลตัวตน (PII) อยู่ดี

มีเสียงแซวเล็กๆ จากผู้ลงทุนหลายๆ คนเข้าถึงข้อมูลการใช้งานใช้บัตรเครดิตจากเครือข่ายบัตรจะเห็นมูลค่าที่ว่าจริงๆ ว่า Uber (ลือกันว่ายอดเติบโต 800% ต่อปี) มีมูลค่าซื้อขายราคา 42,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
 
อะไรมาแรง อะไรไม่ Uber รู้

Uber รู้ว่า ไนท์คลับอะไรมาแรง ร้านอาหารยอดเยี่ยม และอะไรยอดเยี่ยมในขณะนี้ ด้วยข้อมูลเกี่ยวกับรูปแบบการเดินทางเหมือน Waze (which coincidentally trades data with local governments) ของสหรัฐฯ

การผสมผสานข้อมูลของ Uber เป็นข้อมูลที่เป็นตัวตนอย่างมาก ซึ่ง ลูกค้า Uber ยินดีจะมอบเพื่อแลกกับสิทธิประโยชน์ต่างๆ นั่นหมายความว่า Uber จะกลายเป็นบริษัทข้อมูลขนาดใหญ่ แม้จะไม่ใช่ธุรกิจหลักของ Uber แต่ข้อมูลจะสร้างนัยยะสำคัญในการสร้างรายได้

และถ้า Uber นำข้อมูลของผมไปใช้และมารับผมและภรรยาในวาระสำคัญที่จะเกิดขึ้นไปยังร้านอาหารใหม่ๆ ดนตรีสดเพราะๆ ผมอาจพิจารณาให้ Uber เป็นผู้ดูแลในส่วนนี้


เรียบเรียงจาก Uber: The Big Data Company โดย Ron Hirson