TOA ลุ้นเศรษฐกิจฟื้น ลงทุนแพลตฟอร์มใหม่ ‘WHO Service’ - Forbes Thailand

TOA ลุ้นเศรษฐกิจฟื้น ลงทุนแพลตฟอร์มใหม่ ‘WHO Service’

‘TOA’ มองแนวโน้มปี 64 เศรษฐกิจฟื้น ทุ่มงบ 600 ล้านบาทขยายลงทุน ปั้นโมเดลธุรกิจใหม่ แพลตฟอร์ม ‘WHO Service’ โซลูชั่นงานก่อสร้าง ซ่อมแซมบ้านครบวงจร เจาะตลาดใหม่ เปิด ‘MEGA PAINT Warehouse’ ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้างและบริการครบวงจร ผลักดันยอดขายโต 10% ปีหน้า

จตุภัทร์ ตั้งคารวคุณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีโอเอ เพ้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ TOA เปิดเผยว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2564 คาดว่าจะกลับมาฟื้นตัว สังเกตจากยอดคำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศมีปริมาณเพิ่มขึ้น รวมทั้งมีความหวังมากขึ้นในเรื่องวัคซีนโควิด-19 ส่งผลดีต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและธุรกิจในประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีการชะลอตัวในปีนี้ ในปี 2563 ภาพรวมของธุรกิจวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะตลาดสีทาบ้าน หดตัวลงร้อยละ 10 ตามภาวะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ชะลอตัวลง รวมทั้งสีในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์จากการระบาดของโควิด-19 สำหรับทีโอเอได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน โดยยอดขายลดลงเล็กน้อยไม่ถึงร้อยละ 5 แต่คาดว่าในปี 2564 จะกลับมาขยายตัวได้ประมาณร้อยละ 10 ทั้งนี้ ทีโอเอ ยังวางแผนลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยใช้งบประมาณ 600 ล้านบาทในปี 2564 ซึ่งใกล้เคียงกับปีนี้ โดยจะให้ความสำคัญกับการพัฒนารูปแบบธุรกิจใหม่ ภายใต้ชื่อ ‘WHO Service’ ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโซลูชั่นงานก่อสร้างและซ่อมแซมบ้านครบวงจร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคแบบครบวงจร ถือเป็นการสร้างตลาดใหม่ในกลุ่มธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปในยุคดิจิทัล “ปัจจุบัน ตลาดวัสดุก่อสร้างมีการเปลี่ยนแปลง ดิจิทัลเข้ามามีส่วนสำคัญในชีวิตของผู้คน รวมไปถึงวิธีการก่อสร้างเปลี่ยน วัสดุก่อสร้างเปลี่ยน ทีโอเอได้ลองถูกลองผิดมาหลายปี จนพร้อมที่จะนำเสนอ WHO Service เป็นแพลตฟอร์มตอบโจทย์คนที่ต้องการซ่อมแซมบ้าน นำเจ้าของบ้าน ผู้รับเหมาและร้านขายสีมาเจอกัน” จตุภัทร์กล่าว WHO Service เป็นแพลตฟอร์มที่เข้ามาตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของบ้าน ที่มี Pain Point ในการหาช่างผู้รับเหมางานก่อสร้างและซ่อมแซมบ้านที่ไว้วางใจได้ ทั้งเรื่องการทำงานที่ได้มาตรฐาน มีความรับผิดชอบไม่ทิ้งงาน รับประกันคุณภาพงาน ราคาที่ยุติธรรม และตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้แม้ในพื้นที่จำกัด อาทิ คอนโดมิเนียม 1 ห้อง ปัญหาห้องน้ำรั่วซึม เป็นต้น นอกจากนี้ WHO Service ยังมุ่งยกระดับบริการงานช่างมาตรฐานใหม่ ด้วยการเป็นช่องทางแนะนำช่างผู้รับเหมามืออาชีพที่ตอบโจทย์เจ้าของบ้าน ด้วยโซลูชั่นงานก่อสร้าง ซ่อมบ้าน รีโนเวทบ้าน ปรับปรุงโรงงานครบระบบ โดยทีมช่างที่ผ่านการตรวจสอบและคัดเลือกจากทีโอเอ เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้และมั่นใจด้วยบริการอย่างใกล้ชิดทุกขั้นตอน ตั้งแต่การแนะนำช่างในระบบ ลงพื้นที่ประเมินหน้างาน เสนอวิธีการแก้ปัญหาอย่างครบระบบ ตลอดจนมีผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความเรียบร้อยหลังจากงานแล้วเสร็จ สำหรับบริการ WHO Service มี 8 โซลูชั่น ได้แก่ 1.บริการรับทาสีอาคารทั้งระบบ 2.บริการติดตั้งระบบกันซึมดาดฟ้า หลังคา 3. บริการติดตั้งระบบกันซึมห้องน้ำและปูกระเบื้อง 4.บริการติดตั้งระบบกันซึมด้วยแผ่นยางชนิดไฟเป่า และแผ่นยางกันซึมชนิดมียางในตัว 5.บริการรับติดตั้งฝ้า เพดานและผนัง  6.บริการระบบพื้นโรงงานอุตสาหกรรม 7.บริการรับซ่อมพื้น ปรับระดับพื้น อีพ็อกซี่ พื้นพียู 8.บริการรับเหมางานฉาบปูนลอฟท์ ปูนฉาบขัดมันสำเร็จรูป จตุภัทร์ กล่าวว่า นอกจากนี้ ทีโอเอ ยังได้นำโมเดลธุรกิจใหม่มาต่อยอดผ่านคู่ค้าร้านขายสี (Retail Dealers) กว่า 7,000 ร้านค้าทั่วประเทศ เป็นการพัฒนาธุรกิจให้ร้านขายสีแบบดั้งเดิมได้กลายเป็น ศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง (Light Construction Materials) และบริการแบบครบวงจร ในชื่อ “MEGA PAINT Warehouse” ตั้งแต่การจำหน่าย ผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง (ปูนกาวซีเมนต์ปูกระเบื้อง) แผ่นยิปซั่มบอร์ด (TOA Gypsum Board) ผลิตภัณฑ์สีตกแต่งผนังลอฟท์สำเร็จรูป (TOA Loft) ผลิตภัณฑ์สีทาอาคาร ผลิตภัณฑ์งานไม้ (TOA Wood Expert) และศูนย์บริการโซลูชั่นงานก่อสร้างและซ่อมแซมบ้าน (TOA Protect & Repair Center) สำหรับปี 2564 คาดว่าจะเปิด “MEGA PAINT Warehouse” จำนวน 15 สาขา และภายใน 3 ปี จะมีร้าน “MEGA PAINT Warehouse” เกิดขึ้นมากกว่า 50 สาขา ครอบคลุมในจังหวัดหัวเมืองใหญ่ๆ ทั่วประเทศ “โมเดลธุรกิจแพลตฟอร์มใหม่นี้ จะช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นตอบสนองการใช้งานแบบครบวงจร (Total Solution) เพื่อสร้าง Synergy ให้แก่ Product Line อื่นๆ ของทีโอเอได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งยังเป็นแรงสนับสนุนสร้างการเติบโตของบริษัทฯ พร้อมกับการพลิกฟื้นของเศรษฐกิจไทยในปี 2564 ได้อย่างแน่นอน” จตุภัทร์กล่าว สำหรับผลประกอบการงวด 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.63) มีรายได้รวม 12,332.54 มีกำไร 1,538.16 ล้านบาท โดยบริษัทมีต้นทุนค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3 แต่เนื่องจากเป็นช่วงเข้าสู่ฤดูฝน ซึ่งเป็นโลว์ ซีซั่น ทำให้รายได้และกำไรลดลง อ่านเพิ่มเติม: เชลล์ เผยเทรนด์การคมนาคมแห่งอนาคต

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine