กลุ่ม KTIS สุดปัง! ผลิตน้ำตาลทรายได้มากกว่าปีก่อน 31.4% หลังรณรงค์ส่งอ้อยสดเข้าหีบได้ผล - Forbes Thailand

กลุ่ม KTIS สุดปัง! ผลิตน้ำตาลทรายได้มากกว่าปีก่อน 31.4% หลังรณรงค์ส่งอ้อยสดเข้าหีบได้ผล

FORBES THAILAND / ADMIN
21 Apr 2025 | 03:59 PM
READ 106

กลุ่ม KTIS เปิดข้อมูลหลังปิดรับอ้อยเข้าหีบของฤดูการผลิตปี 2567/68 พบว่า ได้ผลผลิตอ้อยเข้าหีบรวมทั้ง 3 โรงงาน จำนวน 6.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 28.0% ผลิตน้ำตาลได้ 6.7 ล้านกระสอบ มากกว่าปีก่อนถึง 31.4% เนื่องจากคุณภาพอ้อยดีขึ้นมาก จากการรณรงค์ให้ชาวไร่ตัดอ้อยสด ลดอ้อยไฟไหม้อย่างได้ผล โดยโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ มีสัดส่วนอ้อยไฟไหม้เพียง 2% เป็นอ้อยสดถึง 98% ชี้จากปริมาณอ้อยและน้ำตาลที่สูงขึ้น จะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS ปี 2568 ดีกว่าปี 2567 อย่างมีนัยสำคัญ


    สมชาย สุวจิตตานนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจน้ำตาล และผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่ม KTIS เปิดเผยว่า ภายหลังการปิดหีบอ้อยของกลุ่ม KTIS สำหรับฤดูการผลิตปี 2567/68 พบว่า ได้รับอ้อยเข้าหีบประมาณ 6.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 28.0% เมื่อเทียบกับปริมาณอ้อยเข้าหีบของปี 2566/67 และสามารถผลิตน้ำตาลทรายได้ประมาณ 6.7 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้น 31.4% เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำตาลทรายที่ผลิตได้ในปี 2566/67 ที่ 5.1 ล้านกระสอบ

    ทั้งนี้ หากดูตัวเลขรวมของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในปีผลิต 2567/68 ซึ่งได้อ้อย 92.2 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลทรายได้ 100.4 ล้านกระสอบ จะเห็นว่ามีอ้อยเพิ่มจากปีก่อน 11.9% และน้ำตาลเพิ่มขึ้น 23.8% สะท้อนว่า การเพิ่มขึ้นของอ้อยและน้ำตาลของกลุ่ม KTIS สูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม

    “ปัจจัยหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพอ้อยและทำให้ยิลด์ในการผลิตน้ำตาลทรายเพิ่มสูงขึ้นมาก มาจากการที่กลุ่ม KTIS สามารถควบคุมสัดส่วนอ้อยไฟไหม้ให้อยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ ที่มีสัดส่วนอ้อยไฟไหม้เพียง 2% และเป็นอ้อยสดถึง 98% ซึ่งนโยบายการส่งเสริมการตัดอ้อยสดนี้ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มผลผลิตน้ำตาล แต่ยังสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ลดมลพิษและฝุ่นละอองจากการเผาอ้อย

    อีกทั้งยังสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการและความร่วมมือระหว่างโรงงานกับชาวไร่อ้อยที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น” สมชายกล่าว

    ทั้งนี้ ด้วยปริมาณอ้อยและน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีไปยังอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆ ทุกสายธุรกิจ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงงานผลิตเยื่อกระดาษจากชานอ้อย จึงมั่นใจว่า ปี 2568 นี้ ผลการดำเนินงานของกลุ่ม KTIS จะดีขึ้นกว่าปี 2567 อย่างมีนัยสำคัญ

    สมชายกล่าวด้วยว่า ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายที่เพิ่มมากขึ้นนั้น นอกจากเรื่องของสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยแล้ว ยังสะท้อนถึงความสำเร็จในการส่งเสริมและสนับสนุนทั้งองค์ความรู้และเครื่องมือต่างๆ ให้กับชาวไร่อ้อยคู่สัญญาของกลุ่ม KTIS เพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับชาวไร่อ้อยที่มีส่วนแบ่งรายได้จากการขายน้ำตาล 70% จะมีรายได้มากขึ้นด้วย สอดคล้องกับปณิธาณของกลุ่ม KTIS ที่ว่า “ชาวไร่อ้อยมั่งคั่ง กลุ่ม KTIS มั่นคง”



ภาพ: กลุ่ม KTIS



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เพียง 2 แบรนด์ไทย! ‘กสิกรไทย’ และ ‘มาม่า’ ติด Top20 การจัดอันดับแบรนด์ชั้นนำของไทยประจำปี 68 นอกนั้นเป็นแบรนด์ต่างชาติ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine