“ตลาดประเทศไทยมีจำนวนประชากรมาก มี SME จำนวนเยอะ ที่พร้อมพัฒนาธุรกิจ จึงอยากเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดันตลาดสตาร์อัพไทยให้โต” Jeffrey Paine ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเดินทาง มาร่วมโครงการกับ dtac ในโครงการ dtac Accelerate Boot camp Batch ทั้งยังกล่าวเสริมอีกว่า
“Startup ไทย มี 2 เรื่องที่ต้องทำ คือ ใช้ทักษะภาษาอังกฤษ และเดินทางให้มากขึ้นเพื่อสร้าง Connection กับนักลงทุนในต่างประเทศเพื่อสั่งสมประสบการณ์จากโลกกว้างมากขึ้น”
สไตล์สำหรับมุมมองการลงทุนของ Venture แต่ละแห่งต่างกัน บางแห่งต้องการ Startup ที่วางตำแหน่งตนองในตลาดภูมิภาค บาง Venture เน้น Startup ที่ลงทุนในตลาดบ้านเกิด ซึ่งเป็นรูปแบบที่ Jeffrey Paine ชื่นชอบ โดยเฉพาะ Startup ที่ต่อยอดจากธุรกิจครอบครัวหรือประสบการณ์งานที่ถนัด
ในมุมมองของ Jeffrey เขาให้ความสนใจกับ Startup ผ่านการพูดคุยในเรื่องของ แรงบันดาลใจหลัก มีวิสัยทัศน์ที่โดดเด่นมีตำแหน่งหน้าที่หลากหลายเพื่อรับผิดชอบหน้าที่ที่แตกต่างและมีความคิดเป็นหนึ่งเดียวกันภายในทีม พร้อมไปด้วยความมุ่งมั่นไปให้ถึงเป้าหมายอย่างมุ่งมั่น
สำหรับภาพรวมของ Startup ไทยด้วยจำนวนประชากรกว่า 67 ล้านคน และการเติบโตของผู้ประกอบการ SME ของไทยที่แข็งแกร่งและหลายหลายคือศักยภาพสำคัญที่จะดึงเงินลงทุนจาก Venture จากต่างประเทศ แม้ประเทศไทยยังไม่อยู่ในเป้าหมายของนักลงทุนค่ายต่างๆ อันเนื่องจากการขาดแคลนวิศวกรผู้สร้างนวัตกรรมใหม่ ทำให้ไทยรั้งท้ายกว่า อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย
โดยเขาทิ้งท้ายสำหรับโอกาส Startup ที่กำลังกระโดดเข้ามาสร้างตัวตนในเวที Tech Startup นี้คือการพัฒนาต่อยอดกับ Platform ที่มี open API อาทิ Line เนื่องจากมีฐานลูกค้าที่ใหญ่ที่ภูมิภาคนี้