CPN เดินหน้าตามแผนลงทุน 5 ปี 1 หมื่นล้าน พร้อมเปิดตัวโรงแรมเซ็นทารา โคราช - Forbes Thailand

CPN เดินหน้าตามแผนลงทุน 5 ปี 1 หมื่นล้าน พร้อมเปิดตัวโรงแรมเซ็นทารา โคราช

CPN เปิด โรงแรมเซ็นทารา โคราช ย้ำเดินตามแผนเปิดโรงแรม 37 แห่งใน 27 จังหวัดทั่วประเทศใน 5 ปี คิดเป็นมูลค่าลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท ด้านเครือเซ็นทาราคาดธุรกิจโรงแรมเริ่มค่อยๆ พลิกฟื้นหลังจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 แต่ก็กังวลด้านขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาพลังงานแพง จะเป็นตัวฉุดรั้ง

โรงแรมเซ็นทารา โคราช เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 13 กันยายนที่ผ่านมา ถือเป็นโครงการแรกภายใต้แผนธุรกิจ 5 ปี ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีโรงแรมทั้งสิ้นราว 37 แห่งและมีห้องจำนวนกว่า 4,000 ห้องในปี 2569 ทั้งนี้ การเปิดตัวของโรงแรมเซ็นทารา โคราช ยังช่วยเพื่อเติมเต็มเมืองโคราชให้เป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยว เนื่องจากการยกระดับมาตรฐานการบริการสู่มาตรฐานระดับนานาชาติ ทั้งยังช่วยส่งเสริม Korat Mice City และกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของโคราชทั้งระบบ สุรางค์ จิรัฐิติกาลโชติ head of Hotel Development ของ CPN กล่าวว่า นครราชสีมาเป็นจังหวัดแรกที่ CPN ได้เข้าไปบุกเบิกโครงการมิกซ์ยูสที่ครบสมบูรณ์ทั้ง 3 ส่วนคือ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช, โรงแรมเซ็นทารา โคราช และเอสเซ็นท์ โคราช เฟส 1 และเฟส 2 โดยในส่วนของโรงแรมนั้น บริษัทได้ผสมผสานความเชี่ยวชาญของสองบริษัทคือ CPN ในฐานะผู้ลงทุนและพัฒนาโครงการ และ Centara Hotels & Resorts ผู้บริหารโรงแรม เพื่อสร้างโรงแรมและการบริการที่ดีที่สุดให้กับเมืองโคราช “การบุกเบิกธุรกิจโรงแรมของเซ็นทรัลพัฒนา เราเล็งเห็นโอกาสในการสร้างมาตรฐานของการพักอาศัยในโรงแรม และเติมเต็ม Travel Ecosystem ของเมืองและจังหวัดต่างๆ ที่เราไปถึงตามที่เราได้ประกาศแผนธุรกิจ 5 ปี ตั้งเป้าขยายโรงแรมรวม 37 โครงการใน 27 จังหวัด รวมกว่า 4,000 ห้อง ภายในปี 2569” สุรางค์ กล่าว ธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โรงแรมและรีสอร์ทในเครือเซ็นทารา กล่าวว่า การร่วมมือจากสองบริษัทครั้งนี้ก็เพื่อต้องการผลักดันศักยภาพของเมืองโคราชให้เป็น Gateway ของอีสานและศูนย์กลางของภูมิภาค และยังต้องการให้โรงแรมเซ็นทารา โคราช เป็นจุดหมายปลายทางอันดับหนึ่ง เป็น The Place to Be ที่จะสร้างความประทับใจให้กับนักเดินทางทั้งชาวไทยและต่างชาติ แม้ว่าตอนนี้ อัตราการเข้าห้องพักอยู่ในระดับราว 55% ในปีแรกของการเปิด โดยมีผู้เข้าพักส่วนใหญ่เป็นคนในประเทศ แต่คาดว่าตัวเลขนี้จะค่อยๆเพิ่มขึ้นในปีต่อๆ ไป สอดคล้องกับอุตสาหกรรมการโรงแรมและท่องเที่ยวโดยรวม ซึ่งเขาคาดว่า ธุรกิจโรงแรมเริ่มค่อยๆพลิกฟื้นหลังจากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ก็กังวลด้านขาดแคลนแรงงานในภาคอุตสาหกรรม ภาวะเงินเฟ้อ และปัญหาพลังงานแพง ที่อาจจะส่งผลกระทบ โรงแรมเซ็นทารา โคราช มีห้องพัก 217 ห้อง มีจุดเด่นที่น่าสนใจเช่น การผสมผสานความทันสมัยผ่านทางการดีไซน์และการสะท้อนเอกลักษณ์อันมีเสน่ห์ของโคราชเข้ากับ Thai Hospitality ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของโรงแรมในเครือเซ็นทารา พร้อมเติมเต็มทุกจุดประสงค์ของการเดินทางในทริปเดียวในคอนเซ็ปต์ Business + Leisure พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รองรับลูกค้าได้แบบ Multi-Generation และทุกห้องของโรงแรมมี Daybed เป็นพื้นที่พักผ่อน มี Dining Table สำหรับทำงานและทานอาหาร พร้อมชุดอุปกรณ์รับประทานอาหารอย่างดี ซึ่งต่างจากโรงแรมโดยทั่วไปและถือเป็นการตอบโจทย์การท่องเที่ยวที่เปลี่ยนไปหลังจากการโควิดระบาด ต้องการสถานที่ทำงานและการใช้ชีวิตที่ปลอดภัยในเวลาเดียวกัน นอกจากนี้ โรงแรมยังรองรับการการจัดงานและการประชุมต่างๆ เนื่องจากมีพื้นที่ห้องประชุมรวมกันมากถึง 1,000 ตร.ม.สามารถจุคนรวมกันได้ร่วม 1,000 คน สามารถรองรับการจัดงานประชุมระดับประเทศและนานาชาติ สอดคล้องกับแนวทางของเมืองโคราชที่ต้องการเป็น KORAT MICE city โดยภาพรวมตั้งแต่การเปิดให้บริการของโรงแรมเซ็นทารา โคราช (25 สิงหาคม 2565) ได้มีการจัดงานระดับภูมิภาคอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์ มีผู้ร่วมงานแต่ละงานไม่ต่ำกว่า 300 คน นอกจากนี้ ในช่วงเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ CPN จะเปิดโรงแรมแห่งที่ 2 ขึ้น ที่โครงการมิกส์ยูส จังหวัดอุบลราชธานี ในคอนเซ็ปต์เดียวกัน แต่เป็นในรูปแบบสวน และในปีหน้าจะเปิดให้บริการอีก 2 แห่ง ที่โครงการมิกส์ยูส จังหวัดอยุธยา และระยอง โดยทั้ง 4 โครงการนี้ ถือเป็นการลงทุนระดับเทียร์ 1 หรือมีการลงทุนสูงสุดราว 1,000 ล้านบาท ส่วนอีก 33 โครงการที่เหลือ จะมีทั้งระดับเทียร์ 2 และเทียร์ 3 หรือมีการลงทุนที่ต่ำลงมา แต่ยังคงอยู่ในโครงการมิกซ์ยูสของกลุ่ม CPN เช่น โรบินสัน เป็นต้น มั่นใจว่าทั้ง 33 โครงการที่เหลือนี้ จะเปิดครบภายในปี 2569 ตามแผน 5 ปีที่วางไว้ อ่านเพิ่มเติม: “MQDC” รุกเปิดกอง REIT “ซื้อคืน” แพ็กโรงแรมหรู ระดมทุน 4 พันล้าน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine