เปิดแผนระดมทุน “MQDC” ช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว นำสินทรัพย์ศักยภาพสูงแพ็กขายเป็นกองรีท (REIT) เพิ่มโอกาสระดมทุนเป็นทางเลือกตลาด วางเงื่อนไขซื้อคืนเมื่อครบกำหนด 3 ปี เป็นแนวคิดต่อยอดระดมทุนด้วยสินทรัพย์คุณภาพดีนำมาระดมทุนเสริมสภาพคล่อง โดยยังคงโอกาสคืนการถือครองในอนาคต
สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทในกลุ่ม MQDC (บริษัท แมกโนเลีย ดีเวล็อปเมนต์ ควอลิตี้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด) ได้นำสื่อมวลชนร่วมเดินทางไปสัมผัสบรรยากาศโรงแรมหรูอีกแห่งของกลุ่มคือ โรงแรมยู เขาใหญ่ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว+ หนึ่งในทรัพย์สินมูลค่าสูงของกลุ่ม ที่ล่าสุดได้นำเข้ามาจัดเป็นแพ็กสินทรัพย์ดีเพื่อการลงทุนผ่านการจัดตั้งกองทรัสต์ เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แต่เนื่องจากกองทรัสต์ดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการจัดตั้ง การแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้นในวันที่ 7 กันยายน 256 โดยบริษัทผู้บริหารกองคลาสคือ บริษัท ดีทีพี โกลบอล รีทส์ แมเนจเมนท์ จำกัด (DTPRM) ในเครือบริษัท ดีทีจีโอ พรอสเพอรัส จำกัด (DTP) ซึ่งอยู่ในกลุ่มของ MQDC ได้ประกาศจัดตั้ง “กองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่า ดีทีพี ฮอสพิทอลลิตี้ ที่มีข้อตกลงในการซื้อคืน” (DTPHREIT) มูลค่ากองทรัสต์รวมไม่เกิน 4,107 ล้านบาท กองทรัสต์ดังกล่าวเป็นการเข้าลงทุนกิจการโรงแรมศักยภาพสูงของ MQDC โดยเป็นกองทรัสต์ REIT buy-back ซึ่งเป็นกองทรัสต์ประเภทที่มีข้อตกลงให้เจ้าของเดิมรับซื้อทรัพย์สินคืนในวันสิ้นสุดการลงทุนแปลงทุนจากโรงแรม-รีสอร์ต
วนิดา สุขสุวรรณ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีทีพี โกลบอล รีทส์ แมเนจเม้นท์ จำกัด (DTPRM) เปิดเผยว่ากองทรัสต์ DTPHREIT จะเข้าลงทุนในทรัพย์สินประเภทโรงแรมและเซอร์วิสอะพาร์ตเมนต์ที่มีศักยภาพของ MQDC ประกอบด้วยการลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงอสังหาริมทรัพย์ และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์โครงการโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ และเซอร์วิส อะพาร์ตเมนท์ และงานระบบต่างๆ ในโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) รวมถึงการลงทุนในกรรมสิทธิ์โครงการโรงแรมยู เขาใหญ่ (U Khao Yai) โดยมีมูลค่าขนาดกองทรัสต์รวมทั้งสิ้นไม่เกิน 4,107 ล้านบาท กองทรัสต์ DTPHREIT เป็นกองทรัสต์ประเภท REIT buy-back ที่มีข้อตกลงในการขายอสังหาริมทรัพย์คืนให้แก่เจ้าของเดิมเมื่อสิ้นสุดปีที่ 3 นับตั้งแต่วันที่กองทรัสต์เข้าลงทุน (Obligation) นอกจากนี้ ในระหว่าง 3 ปี ที่กองทรัสต์เข้าลงทุน ได้มีข้อตกลงในการให้เจ้าของทรัพย์สินเช่ากลับเพื่อนำทรัพย์สินหรือโรงแรมไปบริหารจัดการ และจ่ายค่าเช่าให้แก่กองทรัสต์ในอัตราที่แน่นอนโดยได้กำหนดอัตราค่าเช่าทั้ง 2 โครงการ ไว้ที่ประมาณ 217.49 ล้านบาทต่อปี และมีการวางเงินประกันเท่ากับค่าเช่าที่ต้องชำระให้แก่กองทรัสต์เป็นจำนวน 3 เดือนซึ่งจะทำให้กองทรัสต์ DTPHREIT มีรายได้ที่มั่นคงแน่นอน “ด้วยรายได้และผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ จากการให้เจ้าของทรัพย์สินเช่ากลับโดยกำหนดค่าเช่าคงที่ ทำให้กองทรัสต์ DTPHREIT สามารถจ่ายผลตอบแทนให้ผู้ถือหน่วยลงทุนได้ในอัตรา 7% ต่อปี โดยจ่ายในอัตราคงที่ตลอด 3 ปี นอกจากนี้ เจ้าของยังตกลงที่จะซื้อทรัพย์สินคืนในราคาที่เท่ากับราคาที่กองทรัสต์เข้าลงทุนในวันที่สิ้นสุดปีที่ 3 นับจากกองทรัสต์เข้าลงทุน ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุน จะได้รับเงินลงทุนคืนเต็มจำนวนเมื่อสิ้นสุดปีที่ 3” วนิดา กล่าวด้วยว่า กองทรัสต์คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนให้แก่ผู้ลงทุนสถาบัน และ/หรือ ผู้ลงทุนรายใหญ่พิเศษ (Ultra-High Net Worth) โดยมี บล.หยวนต้า(ประเทศไทย) และ บล.ดาโอ (ประเทศไทย) เป็นผู้จัดจำหน่าย และมีบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย เป็นทรัสตี พร้อมระดมอสังหาฯ ไทย-ตปท. วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MQDC ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สิน (sponsor) กล่าวว่าทรัพย์สินที่ขายให้กองทรัสต์ DTPHREIT ถือเป็นทรัพย์สินที่มีศักยภาพที่สูงมาก ทั้งทำเลที่ตั้งและคุณภาพ และเป็นทรัพย์สินที่มีความสำคัญกับกลุ่มบริษัท โดยวัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้เพื่อนำเงินที่ได้มารองรับการลงทุนเพิ่ม และนำมาชำระหนี้บางส่วน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน “หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด19 คลี่คลายลงอย่างมาก หลายประเทศผ่อนคลายมาตรการและเปิดประเทศให้คนเดินทางมากขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทย มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามามากขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ทิศทางธุรกิจโรงแรมกลับมาฟื้นตัวได้รวดเร็วเช่นกัน” วิสิษฐ์ กล่าวและว่า สถานการณ์ที่ผ่อนคลายจะส่งผลให้ความสามารถในการหารายได้และมูลค่าทรัพย์สินฟื้นตัวกลับมา ในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมาก ดังนั้น หลังครบกำหนด 3 ปี บริษัท มีความตั้งใจอย่างยิ่งและมีความพร้อม ในการซื้อทรัพย์สินคืน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินทรัพย์ที่ขายให้กอง DTPHREIT ขณะนี้มีอัตราการฟื้นตัวรวดเร็วมาก วิสิษฐ์ ย้ำว่า ในช่วงโควิดที่ผ่านมาทาง MQDC คงอัตราจ้างงานพนักงานโรงแรมทุกแห่งโดยไม่มีการคัดพนักงานออกแม้แต่รายเดียว และมีการดูแลอสังหาริมทรัพย์ให้พร้อมเปิดบริการตลอดเวลาทำให้สามารถกลับมาดำเนินการตามปกติได้ทันทีที่มีการเปิดประเทศ “สถานการณ์ที่คลี่คลายและมีทิศทางดีขึ้น ทำให้เรามั่นใจว่าการท่องเที่ยวจะกลับมาเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตได้อีกครั้ง” ผู้บริหาร MQDC เขื่อมั่นว่าธุรกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ธุรกิจบริการจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโรงแรมและเซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์ของบริษัททีกองรีทส์ เข้าลงทุนในครั้งนี้ ตั้งอยู่ในทำเลที่โดดเด่น ใกล้แหล่งท่องเที่ยวใจกลางเมือง บริหารโดยทีมงานชื่อดังระดับสากล จะได้รับประโยชน์โดยตรงซึ่งจะเป็นปัจจัยเอื้อให้กลุ่มบริษัทสามารถบริหารจัดการและดำเนินการตามข้อตกลงกับกองรีทส์ได้ เป็นอย่างดี ทั้งการ ชำระ ค่าเช่าให้กองรีทส์ และการซื้อคืนทรัพย์สินได้ตามข้อตกลง นอกจากทรัพย์สินในประเทศไทยแล้วทางกลุ่มฯ ยังได้เข้าซื้อโรงแรมในอังกฤษมากถึง 17 แห่ง และยังลงทุนในอสังหาริมทรัพย์หลายทำเล ทั้งสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ซึ่งสินทรัพย์เหล่านี้มีศํกยภาพในการทำรายได้ และมีโอกาสที่จะนำเข้ามาแปลงเป็นกองทรัสต์อสังหาฯ ได้อีกในอนาคต อ่านเพิ่มเติม: SCB WEALTH เจาะกลยุทธ์ลงทุนแห่งอนาคต Innovest X ชูธีมเปิดเมืองไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine