ณพ ณรงค์เดช เคลียร์ชัดความขัดแย้งชูศักยภาพ วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง - Forbes Thailand

ณพ ณรงค์เดช เคลียร์ชัดความขัดแย้งชูศักยภาพ วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง

FORBES THAILAND / ADMIN
20 Aug 2020 | 05:58 PM
READ 4965

ณพ ณรงค์เดช ฉายภาพ "วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง" โชว์ศักยภาพผู้นำธุรกิจไฟฟ้าพลังงานลมรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคอาเซียน หลัง COD โรงไฟฟ้าพลังงานลมในไทยทั้ง 8 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 717 เมกะวัตต์ ชูผลการดำเนินงานปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 12,058 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,888 ล้านบาท พร้อมแจงที่มาการเข้าถือหุ้น WEH และความคืบหน้าคดีความต่างๆ เตรียมพร้อมระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ หลังเคลียร์ความขัดแย้งกับกลุ่มผู้ถือหุ้น

ณพ ณรงค์เดช รองประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บริษัท วินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด หรือ WEH เปิดเผยว่า บริษัทฯ เป็นผู้นำด้านพลังงานทดแทนในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน ด้วยศักยภาพการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในด้านทีมผู้บริหาร ที่มีประสบการณ์ความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทนและการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม รวมถึงยังมีความพร้อมเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อสร้างความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงินเพื่อการขยายธุรกิจต่อไป ปัจจุบัน บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าจากพลังงานลมรวมทั้งสิ้น 8 โครงการ ในจังหวัดนครราชสีมาและชัยภูมิ มีกำลังการผลิตติดตั้งรวมทั้งสิ้น 717 เมกะวัตต์ (MW) เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าแก่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ได้แก่   1.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม FKW กำลังผลิตติดตั้ง 103.5 MW เริ่มผลิตไฟฟ้าเพื่อจำหน่ายเชิงพาณิชย์ (COD) ปี 2555 2.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม KR2  กำลังผลิตติดตั้ง 103.5 MW เริ่ม COD ปี 2556 3.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม WTB กำลังผลิตติดตั้ง 60 MW เริ่ม COD ปี 2559 4.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม T1 กำลังผลิตติดตั้ง 90 MW เริ่ม COD ปี 2561 5.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม T2 กำลังผลิตติดตั้ง 90 MW เริ่ม COD ปี 2561 6.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม T3 กำลังผลิตติดตั้ง 90 MW เริ่ม COD ปี 2561 7.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม NKS กำลังผลิตติดตั้ง 90 MW เริ่ม COD ปี 2561 และ 8.โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม T4 กำลังผลิตติดตั้ง 90 MW เริ่ม COD ไตรมาส 1 ของปี 2562 โดยนับตั้งแต่โครงการเริ่ม COD ในปี 2555 จนถึงปัจจุบัน สามารถสร้างผลการดำเนินงานเติบโตจากปริมาณการจำหน่ายไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นตามลำดับ โดยปี 2562 บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,058 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 5,888 ล้านบาท ส่วนในงวด 6 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 4,320 ล้านบาท  และกำไรสุทธิ 1,261 ล้านบาท โดยมีทุนจดทะเบียน 1,088 ล้านบาท ปัจจุบัน โครงสร้างผู้ถือหุ้นในบริษัทฯ ประกอบด้วย บริษัท โกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด ถือหุ้นราวร้อยละ 40 โดยจุดเริ่มต้นการเข้าสู่ธุรกิจด้านพลังงานเกิดขึ้นเมื่อปี 2558 ตนสนใจลงทุนในธุรกิจพลังงานลม จึงจัดตั้งบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง จำกัด และ Fullerton Bay Investment Limited เพื่อซื้อหุ้น 100 เปอร์เซ็นต์ ในบริษัท Next Global Investment Limited บริษัท Symphony Partner Limited และบริษัท Dynamic Link Venture Limited ซึ่งจดทะเบียนที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นของ นพพร ศุภพิพัฒน์ (ผู้ถือหุ้นเดิม) โดยทั้ง 3 บริษัทฯ ถือหุ้น 100% ในบริษัท Renewable Energy Corporation จำกัด (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เคพีเอ็น เอนเนอร์ยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ) ซึ่งมีสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นร้อยละ 59.46  ใน WEH แต่ในปัจจุบัน หุ้น WEH ในส่วนของตนถูกโอนขายไปให้แก่ บริษัท โกลเด้น มิวสิค ลิมิเต็ด ที่จดทะเบียนในฮ่องกง และเป็นของคุณหญิงกอแก้ว บุญยะจินดา ซึ่งเป็นคุณแม่ของภรรยา ซึ่งมีการทำนิติกรรมบางส่วนผ่านนายเกษม ณรงค์เดช (บิดา) จนกลายเป็นความขัดแย้งระหว่างตนกับพี่น้องในครอบครัว ณรงค์เดช   ณพ กล่าวต่อว่า ในส่วนของคดีความมีอยู่หลายคดี ทั้งที่เริ่มโดย นพพร (ผู้ขายหุ้นวินด์ เอนเนอร์ยี่ โฮลดิ้ง) และครอบครัวของตน ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติที่จะมีกลยุทธ์การสร้างคดีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อกดดันตน โดยหลายคดีก็ยุติไปแล้วซึ่งตนเป็นฝ่ายชนะคดีทั้งหมด เช่น คดีอนุญาโตตุลาการ ที่บริษัทของนายนพพร มาฟ้องเพื่อยกเลิกการขายหุ้นให้กับตน อนุญาโตตุลาการก็ตัดสินว่า ยกเลิกการขายหุ้นไม่ได้ หรือคดีที่ฮ่องกงที่บริษัทของนายนพพร และครอบครัวของตนมาฟ้องตน ศาลฮ่องกงได้ยกคดีทิ้งไปทั้งหมดแล้ว ส่วนคดีอื่นๆ ยังต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง ซึ่งมีทั้งที่บริษัทของนพพรไปฟ้องที่ประเทศอังกฤษและมาฟ้องในประเทศไทย รวมทั้งที่ครอบครัวของตน มาฟ้องในศาลไทยด้วย แต่ก็ยังเชื่อมั่นในข้อเท็จจริงว่า เมื่อศาลในแต่ละคดีได้ฟังทั้งหมดแล้ว จะให้ความเป็นธรรมกับข้าพเจ้า “สำหรับความคืบหน้าการนำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น บริษัทฯ ได้นำข้อมูลไปปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการกับคณะทำงานของสำนักงาน ก.ล.ต.มาเป็นระยะๆ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ที่จะได้รับอนุญาตให้ทำ IPO และระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ และผมยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าต่อตามแผน โดยเชื่อมั่นว่าจะได้รับการสนับสนุนจากผู้ถือหุ้นกลุ่มต่างๆ โดยเฉพาะผู้ถือหุ้นรายย่อย” ณพ กล่าว อ่านเพิ่มเติม: นพพร ศุภพิพัฒน์ แจงทุกประเด็นกรณี วินด์ เอนเนอร์ยี่

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine