คมความคิดจากตระกูลธุรกิจแนวหน้าของประเทศไทย ตอนที่ 2 - Forbes Thailand

คมความคิดจากตระกูลธุรกิจแนวหน้าของประเทศไทย ตอนที่ 2

FORBES THAILAND / ADMIN
27 Dec 2020 | 05:54 PM
READ 3843

เศรษฐกิจประเทศไทยส่วนหนึ่งถูกขับเคลื่อนโดยตระกูลธุรกิจใหญ่ของประเทศ อันมีส่วนสำคัญในการสร้างเศรษฐกิจ สร้างการจ้างงาน และสนับสนุนสังคม

โดยกลุ่มครอบครัวธุรกิจเหล่านี้คือกลุ่มตระกูลธุรกิจที่เปรียบดั่งต้นไม้ใหญ่ที่สร้างร่มเงาและให้ผลผลิตทางความคิดและบทเรียนการสร้างกิจการคนไทยให้ยั่งยืน ทั้งมียังมีการสร้างธุรกิจที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ร่วมติดตาม คมความคิด จาก ตระกูลธุรกิจแนวหน้าของประเทศไทย ตอนที่ 2   กรกฤช จุฬางกูร ลูกไม้ใต้ต้น หทัยรัตน์ จุฬางกูร กรกฤช จุฬางกูร บุตรชายคนที่ 4 ของ หทัยรัตน์ จุฬางกูร ปัจจุบันเขารับตำแหน่งประธานบริหาร บริษัท ซัมมิท โอโต บอดี้ อินดัสตรี จำกัด ผู้ผลิตชิ้นส่วนและตัวถังรถยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทลูกในเครือซัมมิท “เมื่อ 3-4 ปีก่อน คุณพ่อบอกลูกๆ ว่าถ้ามีโครงการอะไรมานำเสนอภายในครอบครัวจะสนับสนุนเงินทุนคนละ 50 ล้านบาท ทำให้เกิดโครงการต่างๆ ขึ้นมา ทุกคนคิดโปรเจกต์ของตัวเอง โครงการของผมเป็นครัวซองต์ไทยากิ ซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้ต่อยอดแม้จะเป็นธุรกิจที่เล็กมากเมื่อเทียบกับธุรกิจครอบครัว แต่ทำให้คนรู้จักเรามากยิ่งขึ้น และมีโอกาสทางธุรกิจเข้ามาให้เลือกมากมาย” กรกฤชเล่าถึงธุรกิจขนมของเขาสามารถได้ทุนคืนตั้งแต่ 2 เดือนแรกโดยบางวันมียอดขายถึง 1 ล้านบาท กรกฤชยังเล่าย้อนถึงชีวิตในวัยเด็กว่า สมัยที่ยังอยู่ในวัยเด็กมารดามักจะเลี้ยงลูกไม่ให้ฟุ่มเฟือยให้เงินใช้น้อยมาก ช่วงเรียนประถมศึกษาถึงมัธยมศึกษา เขาและพี่น้องได้เงินไปโรงเรียนวันละ 30 บาทเท่านั้น แม้ตอนนั้นครอบครัวจะมีฐานะ ขณะที่เพื่อนๆ ได้วันละ 100 บาท ตอนนั้นรู้สึกว่าไม่พอใช้ แต่มาวันนี้ กลับคิดว่า หากมีทายาทก็คงสอนทายาทแบบเดียวกัน “ท่านทั้งสองทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ท่านให้ความสำคัญกับงานมากมีระเบียบวินัย และตรงต่อเวลา คุณพ่อเองได้รับการยอมรับในวงการอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยสามารถบริหารองค์กรใหญ่ของเราให้มีความสามัคคี และเป็นแรงกระตุ้นสร้างแรงบันดาลใจให้กับพนักงานนี่คือสิ่งที่ผมจะต้องทำให้ได้ ส่วนคุณแม่จะดูเรื่องการเงิน ฉายภาพมุมมองทางการเงิน ไม่ว่าจะเป็นการบริหารเงินสด และมักเตือนเรื่องการใช้เงินมาตลอด”   ธิดา แก้วบุตตา สูตรบริหารศรีสวัสดิ์ “Stringent & Flexible” ศรีสวัสดิ์ ดำเนินธุรกิจด้วยส่วนผสมสองขั้วในการผสานความต่าง "ระหว่างความเข้มงวดและความยืดหยุ่น" เพื่อข้ามผ่านความท้าทายสู่บททดสอบฝีมือการบริหารลูกค้ากว่าล้านรายให้สามารถจับมือฝ่าวิกฤตร่วมกัน “ศรีสวัสดิ์มีหลักที่ยึดถือปฏิบัติ ซึ่งทุกคนจะต้องเข้มงวดให้ได้ไปตามหลักนั้นส่วนเรื่องอื่น ถ้าพอจะอะลุ่มอล่วยได้เราก็จะพอให้ได้ หมายความว่ามันมีหลักบางข้อ เช่น มูลค่าหลักประกันต้องพิจารณาดีๆ ต้องเป็นลูกค้าในพื้นที่ ในส่วนนี้ เราจะเข้มงวด แต่ที่เหลือที่ว่า ลูกค้าไม่ได้ตั้งใจ ขาดนิดเหลือหน่อย เราก็ไม่ได้เข้มงวดมาก การให้บริการลูกค้าต้องสามารถปรับได้ยืดหยุ่นได้ นี่คือหัวใจหลักที่ทำให้ศรีสวัสดิ์เติบโตมาถึงทุกวันนี้” ธิดา แก้วบุตตา ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD กล่าว ศรีสวัสดิ์ เป็นผู้ให้บริการสินเชื่อโดยใช้ทะเบียนรถทุกประเภทเป็นหลักประกัน ธิดาเชื่อว่า หัวใจหลักของการทำธุรกิจสินเชื่อได้ดีธุรกิจไฟแนนซ์ต้องมีทั้งเข้มและอ่อนซึ่งการทำธุรกิจไฟแนนซ์ให้ประสบความสำเร็จต้องเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนพิจารณาอนุมัติสินเชื่อ ดูความเสี่ยง ความเหมาะสม ด้วยหลักการพิจารณาของนอนแบงก์ (Non Bank) หรือผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน แตกต่างจากธนาคาร โดยนอนแบงก์จะพิจารณาจากมูลค่าหลักประกัน ที่เหลือเป็นปัจจัยรอง เช่น สถานที่ทำงาน หรือที่พัก   พีระพงศ์ - อารดา จรูญเอก ปลดล็อกความสำเร็จออริจิ้นฯ เครือออริจิ้นฯ ค่ายอสังหาฯ ที่ปรับตัวและพัฒนาธุรกิจตอบโจทย์ลูกค้าและบริการตามสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศโดยมี อารดา จรูญเอก คู่ชีวิตของพีระพงศ์และประธานอำนวยการ นั่งแท่นบริหารกลุยทธ์โดยเฉพาะในช่วงโควิด-19 ที่ผ่านมา Staybridge Suites Bangkok Thonglor หนึ่งในโครงการตัวอย่างจากออริจิ้นฯ ที่ประสบความสำเร็จในช่วงโควิด "เซอร์วิส อะพาร์ตเมนต์" แห่งนี้บริหารโดย InterContinental Hotel Group ตอบโจทย์ลูกค้าระยะยาวและจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่ทำงานในกรุงเทพฯ (Expat) ที่มีอัตราการเข้าพักสูงที่สุดในกรุงเทพฯ และมีผลประกอบการอยู่ในอันดับ 1 ของโรงแรมในกรุงเทพฯ ในช่วง ที่ทุกโรงแรมต่างได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างหนัก “เราออกแบบห้องพักให้เหมือนบ้าน ด้วยฟังก์ชันที่จำเป็นเหนือกว่าโรงแรมทั่วไป เช่น พื้นที่ครัวที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบวงจร ตอบโจทย์ทั้งกลุ่มลูกค้าเข้าพักระยะสั้นและระยะยาว ส่วน Holiday Inn & Suites Siracha-Laemchabang ซึ่งเปิดเมื่อต้นเดือนตุลาคม ถือเป็นศูนย์กลางการสัมมนา และเป็น Business Hotel รองรับบริษัทในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และนิคมอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง” ออริจิ้นฯ ยังได้ปรับตัวในด้านอื่นๆ เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการเพิ่มช่องทางการขายที่เหมาะสมกับสถานการณ์ ล่าสุดเปิดจองโครงการอสังหาริมทรัพย์ผ่าน E-market Place เช่น Lazada และ Shopee การพัฒนา Online Presales Event Platform ภายใต้ชื่อ Evenprop.com เพื่อเป็นช่องทางใหม่ให้ผู้บริโภคสามารถจองโครงการเครือออริจิ้นได้จากทุกมุมโลก การจับมือกับพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อร่วมสร้าง Living Solution ให้แก่ลูกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการจับมือกับโรงพยาบาลสมิติเวช เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านด้วยการเชื่อมโยงระบบ Samitivej Virtual Hospital เข้ากับแอปพลิเคชั่น Origin Connect ปรึกษาประเด็นทางสุขภาพกับแพทย์ได้ผ่านทางออนไลน์   ชูชาติ - ปริทัศน์ จากพ่อสู่ลูก ขยายอาณาจักรสินเชื่อ MTC ดีเอ็นเอของผู้ก่อตั้งได้ถ่ายทอดสู่ ปริทัศน์ เพชรอำไพ ทายาทธุรกิจที่พร้อมแปรเปลี่ยนประสบการณ์ต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว ปัจจุบันเขาดูแลด้านการเงินของ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC โดยควบตำแหน่งดูแลด้านทรัพยากรบุคคลหรือแผนกที่ MTC เรียกกันภายในว่า Growth Department มีพนักงานจำนวนกว่า 10,000 คน จาก 5,000 สาขา “เรื่องที่สำคัญมากคือ เราต้องมั่นใจว่าพนักงานของเรากินอิ่ม นอนอุ่น เราเชื่อว่า หากพนักงานมีความสุข เขาก็จะบริการลูกค้าอย่างดี เราจึงดูแลพนักงานเหมือนเป็นพาร์ตเนอร์ขององค์กรและบริษัทค่อนข้างมีความโปร่งใสและเป็นธรรมด้านรายได้และสวัสดิการ เมื่อผลประกอบการดี เราก็ให้ผลตอบแทนแก่พนักงาน ส่วนพนักงานด้วยกันเองก็ดูแลกันอย่างพี่อย่างน้อง เหล่านี้นำมาซึ่งทีมเวิร์กพร้อมที่จะขยันทุ่มเทให้กับองค์กร” นอกจากนี้การให้ความสำคัญกับพนักงาน MTC ยังให้ความสำคัญกับการดูแลลูกค้าสร้างจุดสมดุลด้านการคิดอัตราดอกเบี้ย เพื่อให้ลูกค้ายังคงสามารถผ่อนชำระหนี้ได้ ซึ่งส่งผลต่อการเติบโตทางธุรกิจในระยะยาวเช่นกัน เพราะความยั่งยืนในการทำธุรกิจนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการทำกำไรจากธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องคำนึงถึงองค์ประกอบต่างๆ ทั้งในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษา ศาสนา สาธารณสุข และผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง “ถ้าเราเก็บดอกเบี้ยลูกค้าแพงเกินไป ถึงจุดจุดหนึ่งเราก็จะอยู่ไม่ได้เองเพราะหากลูกค้าไม่สามารถผ่อนชำระหนี้ได้ ก็กลายเป็นหนี้เสีย ส่งผลเสียต่อองค์กร เราเชื่อว่า ความยั่งยืนของธุรกิจ คือ ลูกค้าต้องอยู่ได้สามารถชำระหนี้คืนได้ จุดนี้จะเป็นจุดที่สมดุลที่สุด”   สุริยน - สิริน ศรีอรทัยกุล พร้อมจรัสแสง “บิวตี้เจมส์” คู่หูธุรกิจต่างวัยที่มีจุดร่วมในความมุ่งมั่นตั้งใจสานต่ออาณาจักรของครอบครัวจากผู้นำธุรกิจในรุ่นที่ 3 พร้อมถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์เจียระไนถึง สิริน ศรีอรทัยกุล ทายาทรุ่นที่ 4 เดินหน้าจุดประกายพลังขับเคลื่อนความสำเร็จ กว่า 56 ปีของบริษัทอัญมณีชื่อดังระดับประเทศอย่างบิวตี้เจมส์ (Beauty Gems) สร้างชื่อเสียงให้กับอุตสาหกรรมอัญมณีในประเทศไทยให้ดังไกลไปทั่วโลก ภายใต้การนำของ สุริยน ศรีอรทัยกุล ผู้บริหารและเจ้าของซึ่งอยู่เบื้องหลังการสร้างสรรค์ผลงานโดดเด่นมานับไม่ถ้วน พร้อมด้วย สิริน ศรีอรทัยกุล หลานสาวคนโต ซึ่งเป็นทายาทรุ่นที่4 คนแรกของครอบครัว เข้ามาร่วมเป็นคู่คิดเรียนรู้ธุรกิจเพื่อสานต่อธุรกิจบิวตี้เจมส์ที่มากกว่าอาณาจักรแห่งอัญมณี “แพมโชคดีที่ได้มีโอกาสเข้ามาช่วยหลายโปรเจกต์ เช่นการรีแบรนด์ภัตตาคารกิเลน ซึ่งได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ทำให้มีกำลังใจและมั่นใจในการทำงานมากขึ้น ขณะนี้แพมยังมาช่วยดูเรื่องแบรนดิ้งและการตลาดให้กับบิวตี้เจมส์ ซึ่งมีแผนจะโฟกัสส่วนรีเทลมากขึ้น พร้อมกับขยายฐานลูกค้ามายังกลุ่ม Young Gen มากขึ้น และช่วยดูด้านโซเชียลมีเดียให้กับ Judith Leiber แบรนด์กระเป๋าหรูจากสหรัฐอเมริกาที่อยู่ภายใต้อาณาจักรบิวตี้เจมส์เช่นกัน” สำหรับเป้าหมายของสิรินต่อจากนี้ คือ การเก็บเกี่ยวประสบการณ์จากการลงมือทำงานจริงให้มากที่สุด ด้วยความเชื่อมั่นว่า “สิบปากว่า ไม่เท่าลงมือทำ” ซึ่งการทำงานยังช่วยเปิดโลกให้มองเห็นมุมมองใหม่และเพิ่มความสามารถในการบริหารงานหรือจัดการกับปัญหาในอนาคต   อธิพล ตีระสงกรานต์ สร้าง “ฟู้ดแลนด์” สู่ดินแดนแห่งความมั่งคง “คุณพ่อคุณแม่ไม่เคยมีเป้าว่าต้องนำพาฟู้ดแลนด์ไปถึงจุดไหน แต่ที่แน่ๆ ผมต้องสร้างอาณาจักรนี้ให้มั่นคงเพื่อส่งต่อไปยังรุ่นที่ 3” อธิพล ตีระสงกรานต์ เริ่มต้นจากการทำงานเป็นโบรกเกอร์ในประเทศไทย 6 เดือน และ Hong Kong ราว 1 ปี ก่อนจะเริ่มต้นเรียนรู้และเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ของ Hong Kong ในตำแหน่ง Management Trainee ที่ Wellcome Supermarket Hong Kong ด้วยความผูกพันกับธุรกิจของครอบครัวทำให้เขาตัดสินใจกลับมาต่อยอดอาณาจักรฟู้ดแลนด์ในที่สุดพร้อมยึดหลักสำคัญที่มารดา นวลจันทร์ ตีระสงกรานต์ ที่ได้วางรากฐานธุรกิจอย่างยั่งยืนไว้ “ทุกอย่างที่เราขายให้ลูกค้าจะต้องมาจากความจริงใจ เวลาฟู้ดแลนด์ทำโปรโมชัน ผมจะย้ำกับพนักงานเสมอว่า ต้องสื่อสารให้ลูกค้าเข้าใจว่าของที่เราทำส่วนลดเป็นของใหม่ทั้งหมด ไม่ใช่การเอาของที่ใกล้หมดอายุหรือของไม่ดีมาทำล้างสต๊อก แต่เราให้ส่วนลดกับลูกค้าเพื่อคืนกำไร ทุกวันนี้ ผมและทีมผู้บริหารยังแวะเวียนไปตามสาขาต่างๆ อยู่เสมอ ผมมองว่ามนุษย์ย่อมมีโอกาสทำผิดพลาดเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้น ในฐานะเจ้าของเราต้องช่วยเป็นหูเป็นตา เพราะอย่างน้อย ถ้าเราเป็นคนเจอความผิดพลาดนั้นแล้วแก้ไข ย่อมดีกว่าปล่อยให้ลูกค้าเจอ แต่แน่นอนว่าถ้าไม่เจอเลย คือ ดีที่สุด” อ่านเพิ่มเติม: คมความคิด จาก ตระกูลธุรกิจแนวหน้าของประเทศไทย ตอนที่ 1 เรื่อง: นฐ ดิลกวิพัฒน์, ธนาธิป ประสพสุข, จุฑามาศ ศรีสวัสดิ์, กัญญาณัฐ แก้วกาญจน์ ภาพ: กิตตินันท์ สังขนิยม, ธนาคาร CIMB Thai
อ่านฉบับเต็มได้ที่ นิตยสาร ForbesLife Thailand ฉบับพิเศษ ฉบับเดือนธันวาคม 2563