เจโทร เปิดเผยผลสำรวจ ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น เปิดเพิ่ม 12.6% สวนกระแสโควิด แฟรนไชส์ร้านซูชิขยายตัวพุ่งเจาะตลาดต่างจังหวัด เตรียมแผนจัดกิจกรรมต่อเนื่องปี 2564 ผลักดันยอดส่งออกสินค้าเกษตรญี่ปุ่นมาไทย
องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพฯ) เปิดเผยผลสำรวจ ร้านอาหารญี่ปุ่น ในประเทศไทย ประจำปี 2563 พบว่า มีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย จำนวน 4,094 ร้าน เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.6 จากปี 2562 ที่มีจำนวน 3,637 ร้าน ขณะเดียวกันมีร้านอาหารญี่ปุ่นที่ปิดตัวลงมีจำนวน 726 ร้าน ถือเป็นตัวเลขสูงสุดนับตั้งแต่ทำการสำรวจเมื่อปี 2550 ซึ่งเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การแข่งขันที่สูงขึ้น รวมทั้งยอดขายและจำนวนลูกค้ายังไม่ฟื้นกลับมาเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้านี้ แต่ทั้งนี้อัตราการเปิดร้านใหม่ยังมากกว่าที่ปิดตัวลง Taketani Atsushi ประธานเจโทร กรุงเทพฯ กล่าวว่า การปิดตัวของร้านอาหารญี่ปุ่น 1 ใน 3 จะเป็นร้านที่มีสาขาเดียว ซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากโควิด-19 แต่ร้านที่เปิดเพิ่มมากเป็นร้านประเภทซูชิ เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 50.9 เนื่องจากการขยายตัวของสาขาร้านซูชิแบบแฟรนไชส์ ทำให้ร้านซูชิเป็นประเภทของร้านอาหารญี่ปุ่นมีจำนวนมากที่สุดถึง 1,038 สาขา เพิ่มขึ้น 504 สาขาจากปี 2562 โดยเฉพาะในต่างจังหวัด ที่มีร้านประเภทนี้เพิ่มขึ้น 2 เท่าเมื่อเทียบกับกรุงเทพฯ “รู้สึกยินดีที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นเปิดเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นว่าอาหารญี่ปุ่นยังคงเป็นที่นิยมในหมู่ผู้บริโภคคนไทย ซึ่งเจโทรจะผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น เพื่อช่วยให้ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยขยายตัว” ประธานเจโทร กรุงเทพฯ กล่าว สำหรับประเภทของร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทย ประจำปี 2563 ร้านประเภทซูชิมีจำนวนมากที่สุด 1,038 สาขา เป็นร้านประเภทภัตตาคารอาหารญี่ปุ่น 1,015 สาขา ร้านราเม็ง 420 สาขา ร้านสุกี้และชาบู 336 สาขา และร้านอิซากายะ 285 สาขา ปัจจุบันสัดส่วนร้านอาหารญี่ปุ่นในต่างจังหวัด คิดเป็นร้อยละ 48.6 ของร้านทั่วประเทศ เพิ่มจากสัดส่วนร้อยละ 37.3 ในปีที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าการขยายธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นเกิดขึ้นในต่างจังหวัดเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ผลสำรวจ พบว่า จังหวัดที่มีร้านอาหารญี่ปุ่นมากเป็นอันดับ 2 รองจากกรุงเทพฯ คือ จังหวัดชลบุรี ที่มีชาวญี่ปุ่นอาศัยอยู่มากรองจากกรุงเทพฯ อันดับ 3 คือ จังหวัดนนทบุรี ที่มีจำนวนร้านอาหารญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากจากปีก่อนถึง 86 ร้าน ปัจจุบันพบว่ามีร้านอาหารญี่ปุ่นดำเนินกิจการอยู่ในทุกจังหวัด ผลกระทบ ธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่น จากโควิด-19 เจโทร กรุงเทพฯ ยังได้ทำการสำรวจผลกระทบของธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นประมาณ 40 ร้าน ที่ได้รับจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 พบว่า ช่วงดังกล่าวร้านอาหารญี่ปุ่นมียอดขายลดลงเหลือ 0-30% โดยร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีลูกค้าหลักเป็นคนไทย หรือกลุ่มคนไทยที่มีกำลังซื้อสูง เริ่มมีลูกค้ากลับมาและยอดขายฟื้นตัว และมีบางร้านเริ่มวางแผนขยายจำนวนสาขามากขึ้น ส่วนร้านอาหารญี่ปุ่นที่มีลูกค้าหลักเป็นนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ หรือใช้ในการเลี้ยงรับรองลูกค้าของบริษัท ฟื้นตัวค่อนข้างล่าช้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2563 นี้ ยอดขายของร้านอาหารญี่ปุ่น กลับมาอยู่ระหว่าง 30-35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ช่วงล็อกดาวน์ร้านอาหารหลายแห่งรวมทั้งร้านอาหารญี่ปุ่นปรับตัวมาให้บริการเดลิเวอรี่มากขึ้น และผู้บริโภคหันมาใช้บริการเดลิเวอรี่มากขึ้น หลังจากคลายล็อกดาวน์ผู้บริโภคยังคงใช้บริการเดลิเวอรี่มากขึ้น และเป็นพฤติกรรมที่ยังคงมีเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง ผลักดันส่งออกสินค้าเกษตรญี่ปุ่นมาไทย Atsushi กล่าวว่า เจโทรมีแผนจัดกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตรญี่ปุ่นมาไทย ซึ่งในช่วง 10 เดือน (มกราคม-ตุลาคม 2563) ยอดส่งออกสินค้าเกษตรจากญี่ปุ่นมาไทยมีมูลค่า 3.4 หมื่นล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งไทยเป็นตลาดส่งออกอันดับ 6 ของญี่ปุ่น ขยับจากอันดับ 7 เนื่องจากการส่งออกไปเกาหลีลดลง ขณะที่ในอาเซียน ไทยเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 รองจากเวียดนาม สำหรับสินค้าส่งออกหลักมาไทย ได้แก่ สินค้าประมง วัตถุดิบ เช่น ปลา เพื่อเข้าสู่อุตสาหกรรมแปรรูปอาหารของไทย นอกจากนี้ยังมีเนื้อวัว เครื่องปรุงรส ซอสต่างๆ ไข่ปลา รวมถึงผล ผลไม้ โดยในปี 2564 เจโทร กรุงเทพฯ มีแผนจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์เสน่ห์ของผลไม้นำเข้าจากญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อกระตุ้นการรับรู้ให้กับผู้บริโภคชาวไทยให้รู้จักอาหารญี่ปุ่นเพิ่มมากขึ้น สำหรับปี 2563 ที่ผ่านมา เจโทร กรุงเทพฯ ได้มีการจัดกิจกรรมเพื่อกระตุ้นการบริโภคอาหารญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ผ่านแคมเปญ “Let’s eat JAPAN อาหารญี่ปุ่น ยิ่งทานยิ่งสนุก ยิ่งทานยิ่งอร่อย” โดยร่วมมือกับผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่และแพลตฟอร์มส่งอาหาร มีแคมเปญประกวดถ่ายภาพอาหาร ทำให้มีลูกค้าใหม่ๆ รู้จักร้านอาหารญี่ปุ่นมากขึ้น เป็นแคมเปญเพื่อช่วยผู้ประกอบการร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยในช่วงสถานการณ์โควิด-19 นอกจากนี้ ยังมีการจัดงานเจรจาธุรกิจออนไลน์อาหารและวัตถุดิบอาหารญี่ปุ่น 2020 ในเดือนพฤศจิกายน ทำให้เกิดการจับคู่ธุรกิจทางออนไลน์รวม 367 คู่ เป็นการเจรจาธุรกิจอย่างมีประสิทธิผล ในวิถีปกติใหม่ โดยไม่ต้องเสียเวลาและค่าเดินทาง “เจโทรจะมุ่งมั่นดำเนินโครงการต่างๆ เพื่อส่งเสริมและประชาสัมพันธ์เสน่ห์ของวัตถุดิบอาหารนำเข้าจากญี่ปุ่น และช่วยกระตุ้นธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นในประเทศไทยให้กลับมาฟื้นตัว และส่งเสริมให้อาหารญี่ปุ่นได้รับความนิยมจากกว้างขวางมากขึ้น” Atsushi กล่าว อ่านเพิ่มเติม: พลัส พร็อพเพอร์ตี้ คาดปี 64 บ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 5 ล้านได้ไปต่อไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine