‘วัตสัน’ เตรียมเปิดใหม่ 55 สาขา สูงสุดในรอบ 20 ปี รับเทรนด์ความงาม-สุขภาพโต พร้อมส่งเสริมการจ้างงานเภสัชกรอายุ 60 ปี - Forbes Thailand

‘วัตสัน’ เตรียมเปิดใหม่ 55 สาขา สูงสุดในรอบ 20 ปี รับเทรนด์ความงาม-สุขภาพโต พร้อมส่งเสริมการจ้างงานเภสัชกรอายุ 60 ปี

วัตสัน พลิกเกมสุขภาพและความงามไทย ชู 6 กลยุทธ์ดันยอดขายโตท่ามกลางความท้าทาย เตรียมเปิด 55 สาขาใหม่สูงสุดในรอบ 20 ปี เน้นเจาะต่างจังหวัดเพราะตลาดกรุงเทพฯ เต็ม ลุยเสริมทัพด้วยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ 300 คนทั่วประเทศ และส่งเสริมการจ้างงานเภสัชกรอายุ 60 ปี


    นวลพรรณ ชัยนาม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นทรัล วัตสัน จำกัด ผู้ให้บริการร้านค้าปลีกด้านสุขภาพและความงาม เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทจะตอกย้ำความเป็นผู้นำด้าน Smart Beauty & Wellness ด้วย 6 กลยุทธ์หลัก เพื่อรองรับเทรนด์สุขภาพและความงามที่เติบโตแบบก้าวกระโดด และขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมค้าปลีกโดยรวมอย่างมั่นคง

    กลยุทธ์แรกคือ การเสริมสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งทั่วประเทศ ด้วยการเดินหน้าขยายสาขาใหม่อีก 55 สาขาภายในปี 2568 เป็นการเปิดในอัตราที่ใกล้เคียงกับเมื่อ 20 ปีก่อน โดยเน้นทำเลในต่างจังหวัด เนื่องจากมีโอกาสมากกว่าในกรุงเทพฯ ที่การแข่งขันรุนแรงและตลาดค่อนข้างเต็ม

    แผนการขยายสาขาทำให้สาขาของวัตสันจะมีทั้งสิ้น 805 สาขาสิ้นปีนี้ นอกจากนี้ยังเตรียมปรับโฉมสาขาเดิมอีก 80 สาขาให้มีความทันสมัยสอดรับไลฟ์สไตล์คนปัจจุบัน และกลายเป็นศูนย์กลางด้านสุขภาพ ความงามที่เข้าถึงง่ายสะดวกสบายที่สุด โดยปัจจุบันวัตสันมีสาขาให้บริการครอบคลุมทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศ

    กลยุทธ์ที่ 2 คือ Health Accelerate บริษัทจะปฏิวัติการดูแลสุขภาพโดยเพิ่มสินค้าใหม่อีก 350 รายการ พร้อมยกระดับมาตรฐานบริการและผลิตภัณฑ์สุขภาพ และเสริมทัพด้วยเภสัชกรผู้เชี่ยวชาญ 300 คนทั่วประเทศ เพื่อให้คำปรึกษาเชิงลึก รองรับความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าอย่างตรงจุด และส่งเสริมการจ้างงานเภสัชกรอายุ 60 ปี

    กลยุทธ์ที่ 3 ได้แก่ Smart Wellness จะเพิ่มสินค้าภายใต้แบรนด์ของวัตสันเข้ามาจำหน่ายอีก 150 รายการ เน้นในกลุ่มสุขภาพ และสกินแคร์ที่เป็นออร์แกนิก เน้นรักษ์โลกมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีอยู่ 800 รายการ

    “จากอินไซต์พบว่า ลูกค้าให้ความสำคัญกับการดูแลร่างกายจากทั้งภายในและภายนอก แม้กำลังซื้อโดยรวมอาจจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ตลาด health & beauty โดยเฉพาะตลาดสุขภาพจะยังคงเป็นธุรกิจที่เติบโตอย่างต่อเนื่องในไทย แม้จะเผชิญสภาวะท้าทาย

    “จากผลสำรวจเมื่อปลายปีก่อน พบว่า 80% ของลูกค้าวัตสันจะกินวิตามิน 1-2 เม็ดทุกวัน และลูกค้าพร้อมจะใช้เงินกับสินค้าสุขภาพเดือนละ 1,000-3,000 บาท ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความท้าทายอะไรในอดีต การเติบโตเฉลี่ยต่อบิลเพิ่มขึ้น 3-5% ต่อปีทุกปี เพราะเรามีส่วนผสมของสินค้าที่แตกต่างจากคนอื่นจึงสามารถสร้างความสมดุลในการขายได้” นวลพรรณ กล่าว

    นวลพรรณระบุอีกว่า ในปีนี้ วัตสัน จะเดินหน้าขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ เดย์ไวต้า (Dayvita) วิตามินสำหรับบุคคลอายุ 50+ ตอบโจทย์ความต้องการทั้งชาย-หญิง พร้อมยกระดับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในกลุ่ม Nutri 10,000 และ L-Gluta Berry สำหรับลูกค้าที่ต้องการทางเลือกด้านผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงรุกตลาดเวชสำอางสำหรับผิวแพ้ง่ายที่คิดค้นมาเพื่อคนเอเชียโดยเฉพาะ ภายใต้แบรนด์ Dermaction Plus by Watsons

    สำหรับกลยุทธ์ที่ 4 คือ O+O ผสานโลกออฟไลน์และออนไลน์ สร้างประสบการณ์ชอปปิ้งแบบไร้รอยต่อที่ตอบโจทย์ยุคดิจิทัลอย่างตรงจุด

    ส่วนกลยุทธ์ที่ 5 คือขับเคลื่อนด้วย Loyalty Program เพื่อเข้าใจเชิงลึกถึงพฤติกรรมและความต้องการของผู้บริโภคอย่างแท้จริง และนำมาต่อยอดพัฒนา Store Segmentation ที่เลือกคัดสรรสินค้าให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ

    และกลยุทธ์สุดท้ายคือ Sustainability สานต่อพันธกิจด้านความยั่งยืนด้วยแนวคิด 3P (People Planet Product) โดย People ช่วยส่งเสริมคุณภาพชีวิตผ่านกิจกรรมเพื่อสังคม Planet เน้นลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Carbon Footprint) จากการลดการใช้พลังงานไฟฟ้า ตอกย้ำ พันธกิจซีโร่คาร์บอนภายในปี 2573 อย่างเป็นรูปธรรม และ Product คือเพิ่มสินค้า Sustainable Choices สินค้าเพื่อความยั่งยืนเป็นทางเลือกให้กับลูกค้ากว่า 900 รายการ

    “ด้วยกลยุทธ์ทั้ง 6 ข้อ จะทำให้ธุรกิจของวัตสันเติบโตมากกว่าอัตราเติบโตของตลาดค้าปลีกไทย และเป็น solution ของ health & beauty ปัจจุบันเราเป็น beauty lead แล้ว และอีก 10 ปีข้างหน้า สัดส่วนประชากรสูงวัยจะเป็น 30% ของประชากรของประเทศ ดังนั้นโอกาสจะสร้างฐานธุรกิจด้านสุขภาพให้แข็งแรงเท่าสินค้าความงามยังมีอีกมาก” นวลพรรณกล่าวทิ้งท้าย



ภาพ: วัตสัน ประเทศไทย



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ไทยส่งออก ‘อาหารทางการแพทย์-เฉพาะบุคคล’ ช่วง 2 เดือนแรกปี 68 โตแรง 17.8%

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine