โรงพยาบาลวิมุต เปิดศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า รับเทรนด์คนรุ่นใหม่ทุก Gen ทุกเพศนิยมศัลยกรรมมากขึ้น เผยตลาดศัลยกรรม-ความงามเมืองไทยปี 67 มูลค่าแตะ 70,000 ล้านบาท พร้อมขยายฐานลูกค้าต่างชาติ ในอนาคตคาดสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 35-40% จากปัจจุบันที่อยู่ราว 20% ตั้งเป้า Medical Hub ของเอเชีย
นพ. สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โรงพยาบาล วิมุต โฮลดิ้ง จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันคนรุ่นใหม่ต่างให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อความงามมากขึ้น โดยอายุเฉลี่ยของผู้ทำศัลยกรรมในไทยยังน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด มาสู่กลุ่มอายุ 20 ปีต้นๆ (เช่น กลุ่มวัยมหาวิทยาลัย) จากเดิมที่ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยทำงาน ปัจจุบันฐานลูกค้าส่วนใหญ่จะอายุ 20-45 ปี นอกจากนี้ยังมีกลุ่ม Gen Z และผู้ชายให้ความสนใจการทำศัลยกรรมเพื่อกำหนดรูปลักษณ์ของตนเองมากขึ้น
ปัจจุบันฐานลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิง 70% เพศชายราว 20% และ LGBTQ+ ราว 10% ตามสัดส่วนของประชากรไทย ซึ่งการตัดสินใจที่จะเข้ารับการศัลยกรรมเกิดได้ทั้งจากความผิดปกติที่ทำให้ใช้ชีวิตประจำวันได้ยาก เช่น ปากแหว่ง อุบัติเหตุ ฯลฯ รวมถึงเพื่อความสวยงามและสร้างความมั่นใจ
ทั้งนี้ ธุรกิจศัลยกรรมและความงามจึงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลจาก ศูนย์วิจัยกสิกรไทยระบุว่าปี 2566 ที่ผ่านมาธุรกิจนี้ในไทยมีมูลค่าถึง 70,000 ล้านบาท เติบโตราว 2.3 - 3.6% ดังนั้นเพื่อตอบสนอง Demand ที่เพิ่มขึ้นทางโรงพยาบาลฯ เปิดตัวศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า (Maxillofacial Contouring Center) โดยตั้งเป้าปีนี้จะมีรายได้จากศูนย์ดังกล่าวราว 20 ล้านบาท และอีก 2-3 ปีคาดว่าจะเพิ่มขึ้นมาที่ 30 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมรายได้ของโรงพยาบาลปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ 1,300 ล้านบาท โดยตั้งเป้าหมายการเป็น Medical Hub ของเอเชีย
อย่างไรก็ตาม การเปิดศูนย์ศัลยกรรมเฉพาะทางยังตอบโจทย์เป้าหมายการขยายฐานลูกค้าเพื่อเป็นศูนย์กลางทางการแพทย์ด้านความงามของเอเชีย ปัจจุบันมีฐานลูกค้าคนไทยเราจะ 70-80% และกลุ่มต่างชาติราว 20% ซึ่งมีทั้งลูกค้ากลุ่มบนจาก CLMV และประเทศอื่นๆ คาดว่าใน 2 ปีข้างหน้าจะมีสัดส่วนกลุ่มลูกค้าต่างชาติเพิ่มขึ้นมาสู่ระดับ 35-40%
“จุดแข็งของศัลยกรรมในเมืองไทยคือ ค่าบริการที่เข้าถึงได้ง่ายเมื่อเทียบกับประเทศอื่น ๆ แต่ได้รับบริการที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานโลก ซึ่งไทยยังเป็น 1 ใน 5 ของประเทศที่มีการใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์มากที่สุดในโลกปี 2562 เราจึงเตรียมขยายไปฐานลูกค้าต่างประเทศมากขึ้น เพื่อดึงมารักษาในไทย โดยมีความร่วมมือกับภาครัฐ ช่องทางเอเจนซี่ และเข้าร่วมงาน Fair ในต่างประเทศอยู่เสมอ” นพ. สุวาณิช กล่าว
แต่ต้องยอมรับว่าปี 2567 นี้ การเติบโตของกลุ่มลูกค้าต่างชาติถือว่าช้าลง ส่วนหนึ่งอาจเพราะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวลง อีกทั้งกลุ่มลูกค้าจากตะวันออกกลางยังข้อจำกัดเพิ่มขึ้น เช่น เดิมสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาจากภาครัฐของได้ซึ่งปัจจุบันไม่สามารถทำได้แล้ว เป็นต้น
ผศ.ดร.นพ.ทพ.ชาญชาย วงศ์ชื่นสุนทร ศัลยแพทย์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล ศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านการผ่าตัดโครงหน้าและขากรรไกร ศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า รพ. วิมุต กล่าวว่า “ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา การศัลยกรรมปรับโครงหน้าได้รับความนิยมมากขึ้น โดยฝั่งเอเชียจะนิยมศัลยกรรมโครงหน้าเพื่อความอ่อนกว่าวัย หน้าเรียว ขณะที่ยุโรปจะนิยมโครงหน้าอีกแบบ”
ทั้งนี้ ศูนย์ศัลยกรรมปรับโครงหน้า ที่มีแพทย์ผู้ชำนาญการทั้งการผ่าตัดโครงหน้าและขากรรไกร รวมถึงด้านศัลยศาสตร์ช่องปากและแม็กซิลโลเฟเชียล ปัจจุบันในไทยยังมีผู้เล่นในด้านนี้ไม่ถึง 10 แห่ง อาจเพราะการศัลยกรรมปรับโครงหน้าถือเป็นการผ่าตัดที่ต้องมีแพทย์หลายด้านร่วมให้ความเห็นและดูแลอย่างใกล้ชิด
ในแต่ละเดือนจะมีผู้สนใจเข้ามาตรวจหลักร้อยคน แต่จะสามารถผ่าตัดปรับโครงหน้าได้ราว 20-30 รายต่อหมอ 1 ท่าน เพราะการศัลยกรรมปรับโครงหน้าเป็นงานที่ซับซ้อน การผ่าตัดใช้ระยะเวลา มีการวางยาสลบ ฯลฯ (อาจใช้บุคลากร 5-6 ท่านต่อการผ่าตัด) แพทย์จึงรับเคสได้จำกัดเพื่อให้โฟกัสการผ่าตัดได้อย่างเต็มที่ ในแต่ละเดือนจึงต้องมีการแบ่งเคสยาก-ง่ายและจำกัดจำนวนไว้
ด้านค่าใช้จ่ายการศัลยกรรมปรับโครงหน้าจะเฉลี่ยอยู่ที่ 80,000 - 90,000 บาท ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนหัตถการและขึ้นอยู่กับแต่ละเคส ซึ่งจะต่างจากการศัลยกรรมอื่นที่การผ่าตัดจะเล็กกว่า
ทั้งนี้ การศัลยกรรมปรับโครงหน้าที่ได้รับความนิยมได้แก่ โหนกแก้ม รองลงมาคือ กราม ขากรรไกร รวมถึงคาง ขณะที่ภาพรวมความนิยมของการศัลยกรรมในไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ 1) จมูก 2) ตา 3) หน้าอก 4) การฉีด/เสริมต่างๆ 5) ปรับโครงหน้า
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : SkillLane ยื่นไฟลิ่ง ก.ล.ต. เตรียมขาย IPO 15 ล้านหุ้น ‘ระดมทุนปั้น AI-ขยายธุรกิจ’
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine