นับเป็นก้าวย่างสำคัญอีกครั้งของ TVBG หรือ TV Burabha Group (ทีวีบูรพากรุ๊ป) ในรอบ 20 ปี ด้วยการปรับกระบวนทัพการเล่าเรื่องจากมือสายสารคดีอันดับต้นของไทย หลังการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น และทิศทางธุรกิจใหม่ ที่พร้อมต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรม content อย่างเต็มรูปแบบ
ในงาน MIPCOM 2023 ที่จัดขึ้นระหว่าง 16-19 ต.ค. ที่ผ่านมา บริษัทผลิตคอนเทนต์ไทยที่เป็นที่รู้จักมากว่า 20 ปีอย่าง “ทีวีบูรพา” ได้เดินทางไปเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเทศกาลคอนเทนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลก พร้อมนำเสนอผลงานในหลากหลายรูปแบบ ณ เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส โดยนำเอาคอนเทนต์ฝั่งสารคดีที่สร้างชื่อมาอย่างยาวนานไปเปิดตลาดใหม่ในเวทีระดับโลก แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น TVBG ยังได้รวบรวมเอาคอนเทนต์คุณภาพระดับ world-class ในรูปแบบที่ต่างจากเดิม ไม่ว่าจะเป็น ภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือรายการ reality ไปร่วมอวดสายตาชาวโลกด้วย นับเป็นมิติใหม่ในการต่อยอด DNA นักเล่าเรื่องสาย DocuDrama สู่อุตสาหกรรมบันเทิงอย่างเต็มตัว
TVBG พร้อมหนุนซอฟต์พาวเวอร์
กฤษณพล พงศ์ธนาวรานนท์ กรรมการผู้จัดการ TV Burabha Group (ทีวีบูรพากรุ๊ป) ได้เปิดเผยว่า TVBG ตัดสินใจบุกตลาดคอนเทนต์โลกครั้งนี้ เพราะเห็นว่าประเทศไทยมีต้นทุนสำคัญ คือ ทรัพยากร บุคลากร และความพร้อมในอุตสาหกรรมคอนเทนต์เป็นอย่างมาก กอปรกับการที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบายเกี่ยวกับซอฟต์พาวเวอร์ของไทยเป็นวาระแห่งชาติ พร้อมสนับสนุนส่งเสริมอุตสาหกรรมด้านนี้อย่างเป็นรูปธรรม โดยจัดให้มีคณะกรรมการ Soft Power แห่งชาติ ขึ้นเพื่อผลักดันคอนเทนต์ไทยสู่ตลาดโลก
“TVBG มีความถนัดชำนาญและแข็งแรงในการผลิตคอนเทนต์ประเภท DocuDrama ซึ่งเป็นข้อมูลเนื้อหาจากเรื่องราวชีวิตจริง เป็นต้นทุนเดิมจากการทำงานมาตลอด 2 ทศวรรษ รวมเข้ากับกระบวนการทำงานและการหาข้อมูลที่เป็นระบบ มีความร่วมมือกับสถาบันวิชาการหลายแห่งเพื่อผลิตงานวิจัยด้านเนื้อหาออกมาอย่างต่อเนื่อง จึงคิดว่าสามารถต่อยอดสร้างเรื่องเล่าที่มีความโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และจะเป็นเรื่องราวที่ต่อยอดไปสู่แพลตฟอร์มอื่น ๆ ต่อไปได้ ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ซีรีส์ ละคร กระทั่งโลกศิลปะ โดยผลงานที่ TVBG คัดสรรไปนำเสนอในเวที MIPCOM มีทั้งในรูปแบบภาพยนตร์ ซีรีส์ สารคดี และรายการโทรทัศน์ และเป็นประเด็นที่เราถนัด ได้แก่ มวยไทย อาหารไทย วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เล่าผ่านมิติแฟชั่น” กฤษณพลกล่าว
ในงาน MIPCOM 2023 นี้ มีทีมผลิตคอนเทนต์ไทยไปออกบูธโชว์ผลงาน เพียง 2 บริษัท คือ TVBG และ Workpoint โดยงานนี้ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้จัดจำหน่ายชั้นนำระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น The Bridge (อังกฤษ), TVF (อังกฤษ), BlinkFilms (อังกฤษ), Ampersand (ฝรั่งเศส) และ MJ Communications (สหรัฐอเมริกา) ทั้งนี้ มีผู้สนใจร่วมพัฒนาโครงการกับ TVBG เช่น โครงการภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับมวยไทย โดย Scorpion TV จากสหรัฐอเมริกา หรือ TVF และ Ampersand ที่ให้ความสนใจร่วมพัฒนาโครงการซีรีส์สารคดีประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ไทย-ฝรั่งเศส นำโดย ออกพระวิสุทธสุนทร (ราชทูตปาน) รวมไปถึง BlinkFilms ที่สนใจร่วมผลิตรายการ reality อาหารไทยกับเชฟชาวอังกฤษ
ก้าวสูทศวรรษที่ 3
สำหรับปีนี้ทีวีบูรพาเข้าสู่ปีที่ 21 หรือกำลังก้าวสู่ทศวรรษที่ 3 โดยเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงหลายด้าน ตั้งแต่โครงสร้างผู้ถือหุ้น ที่มี กฤษณพล เข้ามาถือหุ้นแทน สุทธิพงษ์ ธรรมวุฒิ ที่ได้เกษียณตัวเองออกไป และดูแลมูลนิธิทีวีบูรพาเป็นหลัก พร้อมทั้งปรับโครงสร้างบุคลากร จาก 120 คน เหลือ 60 คน และปรับเพิ่มธุรกิจใหม่ รวมเป็น 3 ธุรกิจ ได้แก่
1. TVBG Content Farm ปรับเปลี่ยนและขยายรูปแบบคอนเทนต์ให้หลากหลาย ครอบคลุมทุกแพลตฟอร์มมากขึ้นทั้งออฟไลน์และออนไลน์ พร้อมเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ ๆ ภายใต้ DNA เดิม และต่อยอดจาก Original Content สู่ความสนุกที่หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกความสนใจ และ Lifestyle ในปัจจุบัน และน่าสนใจมากยิ่งขึ้นผ่าน YouTube Channel : TVBurabha Official
2. TVBG special Project นำเสนอโปรเจกต์ในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ทุกคนคาดไม่ถึง พร้อมเดินทางสู่ตลาดโลก ซึ่งจะเป็นลายมือใหม่ที่จะทำให้ได้เห็นตัวตนของ TVBG ในแง่มุมใหม่ คอนเทนต์ในสายงานศิลปะ (Art Community) และกลุ่มคอนเทนต์ด้านซีรีส์และภาพยนตร์ระดับเวิลด์คลาส โดยร่วมมือกับพาร์ตเนอร์แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งระดับสากล กิจกรรมสร้างสรรค์สังคมในอนาคต เพื่อมุ่งสร้างประสบการณ์ที่ดี (Immersive Experience) ให้แก่ผู้ชม
3. TVBG Lab จากพื้นฐานประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในการสื่อสารอย่างสร้างสรรค์ และความมุ่งมั่นในการเชื่อมสัมพันธ์ลูกค้า ชุมชน และสังคม เพิ่มโอกาสธุรกิจใหม่กับเครือช่าย พันธมิตรและนักลงทุน เพื่อร่วมสร้างธุรกิจที่ยั่งยืน โดยยึดมั่นหลักในการดำเนินกิจการทางธุรกิจควบคู่ไปกับคอนเทนต์เพื่อความสุขและเพื่อสังคม
กฤษณพล กล่าวว่า ปีนี้บริษัทคาดว่าจะใช้งบลงทุนรวมไม่ต่ำกว่า 100-150 ล้านบาท ในการผลิตคอนเทนต์และขยายธุรกิจใหม่ ๆ และตั้งเป้ารายได้ที่ 400 ล้านบาท แบ่งเป็น TVBG Content Farm 60% TVBG special Project 30% และ TVBG Lab 10% ซึ่งมองว่า 3 ปีนับจากนี้ TVBG Lab จะก้าวขึ้นมาเป็นธุรกิจหลักที่มีสัดส่วนรายได้ไม่ต่ำกว่า 40-45% และวางเป้าหมายที่จะเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปี 2570 อีกด้วย
นับเป็นโอกาสและความท้าทายของ TVBG ในการนำ local content สู่สายตาชาวโลก และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนำเม็ดเงินกลับสู่อุตสาหกรรมคอนเทนต์ไทย และเป็นการสร้าง S-Curve ใหม่ให้เกิดขึ้นจากต้นทุนที่มีอยู่เดิม ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของทีวีบูรพากรุ๊ปในทศวรรษที่ 3 จากนี้ไป
อ่านเพิ่มเติม : ไทยพาณิชย์ ปล่อยสินเชื่อพุ่งเกินเป้า 9 เดือนแรก 5.2 หมื่นล้านบาท
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine