Tops ลุยขยายสู่ 1,000 สาขาในอีก 3 ปี ตั้งเป้าเป็น ‘เชนซูเปอร์มาร์เก็ต’ รายใหญ่สุดในประเทศ - Forbes Thailand

Tops ลุยขยายสู่ 1,000 สาขาในอีก 3 ปี ตั้งเป้าเป็น ‘เชนซูเปอร์มาร์เก็ต’ รายใหญ่สุดในประเทศ

Tops ค้าปลีกในกลุ่มเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล ในเครือเซ็นทรัล รีเทล หรือ CRC ครบรอบ 28 ปีในไทยแล้ว ประกาศสร้างการเติบโตขยายสู่ 1,000 สาขาภายในปี 2570 ตั้งเป้าครองตำแหน่งซูเปอร์มาร์เก็ตเชนรายใหญ่ที่สุดในประเทศ


    สเตฟาน คูม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มเซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล กล่าวว่า เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด ได้บุกเบิกธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ต ‘ท็อปส์’ มาตั้งแต่ 28 ปีก่อน โดยดำเนินธุรกิจด้วยการยึดลูกค้าเป็นหัวใจสำคัญในการเดินหน้าพัฒนาสินค้าและบริการอย่างไม่หยุดยั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงในทุกยุคสมัย จนสามารถสร้างการเติบโตของธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่ง ได้รับความเชื่อมั่นและไว้วางใจจากผู้บริโภค


    สำหรับไฮไลต์ความสำเร็จที่ผ่านมาที่สะท้อนบทบาทผู้นำของธุรกิจ อาทิ ผู้นำเทรนด์ตลาดค้าปลีกกลุ่มฟู้ดรูปแบบใหม่ๆ และการจำหน่ายสินค้านำเข้าภายใต้เอ็กซ์คลูซีฟแบรนด์ (First-in & Exclusive), ผู้นำด้านการ เฟ้นหาสินค้าคุณภาพที่ครบครันที่สุด ผ่านการคัดสรรอย่างดีทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ รวมกว่า 50,000 รายการ (Truly World-Class)

    นอกจากนี้ยังเป็นผู้นำด้านการพัฒนารูปแบบร้านในหลากหลายโมเดลและช่องทางการจำหน่าย (Omni-Channel Excellence) และยังเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกรายแรกของเมืองไทยที่พัฒนาระบบลอยัลตี้โปรแกรม (First Loyalty Program in Thailand) เพื่อเข้าถึงทุกความต้องการของลูกค้าและนำเสนอสิทธิประโยชน์ได้อย่างตรงใจ

    ความสำเร็จของท็อปส์ สะท้อนผ่านผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ซึ่งมีปริมาณการใช้บริการที่ร้าน (Ticket Counts) เพิ่มขึ้น 11% และมีจำนวนลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

    ขณะเดียวกันปีนี้ได้เดินหน้าขยายสาขาในแต่ละพื้นที่ เพื่อเข้าถึงลูกค้าอย่างครอบคลุม ซึ่งในสิ้นปีนี้ ท็อปส์ จะมีสาขาเปิดให้บริการครอบคลุมในทุกฟอร์แมตรวมกว่า 730 สาขา ได้แก่ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์ 20 สาขา, ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ตรวมมากกว่า 150 สาขา, ท็อปส์ เดลี่ อีกกว่า 520 สาขา, ท็อปส์ ไวน์ เซลล่าร์ มากกว่า 10 สาขา และ มัทสึคิโยะ อีก 25 สาขา อีกทั้งยังวางแผนขยายและ อัปเกรดสาขาอย่างต่อเนื่องเฉลี่ยมากกว่า 100 สาขาต่อปี


    นายสเตฟาน กล่าวต่อว่า “เราวางเป้าหมายการเติบโตทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยภายใน 4 ปี (พ.ศ. 2567-2570) เราตั้งเป้าสร้างธุรกิจให้เติบโตเฉลี่ย 8% ต่อปี (CAGR) เพื่อมุ่งสู่การเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตเชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศด้วยสาขามากกว่า 1,000 แห่ง ภายในปี พ.ศ. 2570

    ทั้งนี้ ในการก้าวเข้าสู่ทศวรรษที่ 3 อย่างมั่นคง ท็อปส์ ได้ประกาศทิศทางการขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กร ด้วยการกำหนดวิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์ “Truly World-Class Omni-Channel Lifestyle Food Retail” พร้อมวางแผนการลงทุนในปี 2567 ด้วยเม็ดเงินกว่า 1.6 พันล้านบาท ผ่าน 4 กลยุทธ์ทางธุรกิจที่สำคัญ หรือ T-O-P-S ได้แก่

    T - Truly World Class: เดินหน้ายกระดับประสบการณ์ลูกค้าที่เหนือกว่าและแตกต่าง ด้วยสินค้าคุณภาพ คัดสรรอย่างดี ทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกว่า 80 ประเทศ ทั่วโลก โดยคัดเลือกสินค้าจากแบรนด์ชั้นนำที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักทั่วโลกมากกว่า 210 แบรนด์มารวมไว้ในที่เดียว

    อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและกลุ่มเกษตรกรเพื่อพัฒนาสินค้าคุณภาพ พร้อมกิจกรรมการตลาดใหม่ๆ เพื่อโปรโมทสินค้าจากประเทศต่างๆ รวมถึงประเทศไทย ให้ลูกค้าได้ค้นพบประสบการณ์การซื้อสินค้าจากทั่วทุกมุมโลกได้ในที่เดียวที่ท็อปส์

    O - Omni-Channel: สร้างประสบการณ์ช้อปสะดวกแบบไร้รอยต่อ ผ่านช่องทางออมนิแชแนล ทั้งในรูปแบบร้านค้าแบบมี หน้าร้าน (Brick & Mortar store) ที่เปิดให้บริการทั่วประเทศใน 46 จังหวัด รวมกว่า 700 แห่ง ควบคู่กับการพัฒนาแพลตฟอร์มออนไลน์ ทั้งการขนส่งผ่านแพลตฟอร์มเดลิเวอรีรายใหญ่ของประเทศ ท็อปส์ ออนไลน์ บริการผู้ช่วยช้อปส่วนตัว หรือ Personal Shopper รวมถึงการสั่งซื้อสินค้าผ่านช่องทางอย่าง Tik Tok เป็นต้น


    P - Pleasure: สร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งสินค้าที่ดีที่สุดกับ 14 กลุ่มสินค้า (14 Wonders) อาทิ สินค้าผักและผลไม้ (Fruits & Vegs), ขนมขบเคี้ยว (Snackers) หลากหลายรายการ มีจำหน่ายเฉพาะที่ท็อปส์เท่านั้น, ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ (Wine & Spirits) นำเข้าตรงจากแหล่งผลิตไวน์ชั้นดีจากทั่วโลก นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงสินค้า Own Brand และ เอ็กซ์คลูซีฟไอเท็ม Only at Tops รวมกว่า 300 รายการ

    S - Sustainability: ขับเคลื่อนองค์กรสู่ความยั่งยืนในทุกๆ มิติ เดินหน้าสานต่อโครงการ “Small Acts Together” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ของท็อปส์ที่จะบรรลุเป้าหมายด้านความยั่งยืน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero) โดยสนับสนุนให้คู่ค้าและลูกค้าคนสำคัญเข้ามามีส่วนร่วมในการทำให้โลกน่าอยู่และยั่งยืน

    ยกตัวอย่างเช่น โครงการช่วยเหลือเกษตรกรไทยผ่านตลาดจริงใจ Farmers’ Market กว่า 11,000 ครัวเรือน, การปรับใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตั้งเป้าลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 40 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี, การส่งต่ออาหารส่วนเกินสู่ชุมชนรวม 6.2 ล้านมื้อ แปรรูปอาหารส่วนเกินเป็นผลิตภัณฑ์ขนมสำหรับสัตว์เลี้ยงรวม 10,085 ถุง, มีแผนขยายการใช้รถขนส่งพลังงานไฟฟ้า (EV Truck) รวม 29 คันภายในปีนี้ เป็นต้น

    นอกจากนี้ ในโอกาสฉลองครบรอบ 28 ปี ท็อปส์ ได้เปิดตัวแคมเปญ “สติกเกอร์ แปะปุ๊บลดปั๊บ ลดเลยตามใจคุณ” สำหรับลูกค้าสมาชิก The1 ซื้อสินค้าครบตามที่กำหนดรับสติกเกอร์ส่วนลดทันทีสูงสุด 20% ติดสติกเกอร์บนสินค้าที่ต้องการ รับส่วนลดแบบที่ตนเลือกได้เองทันที โดยแคมเปญเริ่มตั้งแต่วันที่ 21 สิงหาคม - 10 กันยายน 2567 ที่ ท็อปส์ ฟู้ด ฮอลล์, ท็อปส์ และ ท็อปส์ เดลี่ ทุกสาขาทั่วประเทศ



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘ซีพีแรม’ ตั้งเป้าชิงแชร์ 1 ใน 5 ตลาดเบเกอรี่เมืองไทย 40,000 ล้าน ทุ่ม 2,000 ล้าน เปิดโรงงานขนมปังแผ่นที่ชลบุรี

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine