‘เพลย์บอย’ หวนจูบปาก TNR ให้เป็นฐานผลิต-ขายถุงยางเพลย์บอยรายเดียวทั่วโลก - Forbes Thailand

‘เพลย์บอย’ หวนจูบปาก TNR ให้เป็นฐานผลิต-ขายถุงยางเพลย์บอยรายเดียวทั่วโลก

‘เพลย์บอย’ หวนจูบปาก ‘ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้’ หรือ TNR ให้เป็นฐานผลิตและขายถุงยางเพลย์บอยรายเดียวทั่วโลกยาว 30 ปี นิปปอนฯ เตรียมลงทุน 500-800 ล้านบาท ตั้งโรงงานใหม่ที่ จ.ชลบุรีปีนี้ เตรียมลุยอเมริกา จีน อินเดีย เกาหลี คาดยอดขายตลาดโลก 2,000 ล้านบาทปีหน้า


    อมร ดารารัตนโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือทีเอ็นอาร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายถุงยางอนามัยรายใหญ่แห่งหนึ่งในเมืองไทย ได้ร่วมลงนามสัญญาสิทธิการออกแบบ ผลิต ส่งเสริมการขาย และจัดจำหน่ายถุงยางอนามัยและผลิตภัณฑ์สารหล่อลื่นแบรนด์ Playboy ทั่วโลกยกเว้นเม็กซิโก เป็นเวลา 30 ปีนับจากปีนี้ โดยปีหน้าจะเริ่มส่งออกซึ่งเน้น 4 ประเทศหลัก ได้แก่ สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย และเกาหลีใต้

    ความร่วมมือครั้งนี้ เป็นการกลับมาจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กันอีกครั้งหลังแยกทางกันไปเมื่อ 3-4 ปีก่อน

    โดยอมรกล่าวว่า เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทในอนาคต บริษัทได้เตรียมลงทุนประมาณ 500-800 ล้านบาท เพื่อสร้างโรงงานแห่งใหม่บนพื้นที่ประมาณ 16 ไร่ในปลายปีหน้า ภายหลังจากขออนุมัติบอร์ดในเดือนเมษายน


    ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างหาพื้นที่ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ ในจังหวัดชลบุรี คาดว่าภายหลังโรงงานใหม่แล้วเสร็จ กำลังการผลิตของถุงยางอนามัยทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นจาก 2,000 ล้านชิ้นต่อปีในปัจจุบัน เป็น 3,000 ล้านชิ้นต่อปี และ 30-40% ของกำลังการผลิตทั้งหมดจะเป็นแบรนด์เพลย์บอยภายใน 5 ปี

    ปัจจุบัน 95% ของถุงยางอนามัยที่ผลิตจากโรงงานชลบุรี เป็นถุงยางอนามัยธรรมชาติ และอีก 5% ของกำลังการผลิตเป็นยางสังเคราะห์เพื่อป้อนตลาดยุโรป

    “เราอยากให้หน่วยงานภาครัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ได้กลับมาส่งเสริมการลงทุนให้ผู้ส่งออกมากขึ้น ปัจจุบันผู้ส่งออกได้รับสิทธิทางภาษีนำเข้าเครื่องจักรเหลือเพียง 5 ปีเท่านั้น จากอดีตที่ได้สิทธิ 8 ปีบวก 5 ปี ถ้ารัฐบาลไม่ส่งเสริมการลงทุนเหมือนในอดีต เราอาจจะลดการลงทุนโรงงานใหม่เหลือเพียงครึ่งเดียว” อมรกล่าว

    สำหรับไทยนิปปอนรับเบอร์อินดัสตรี้ ก่อตั้งมานานกว่า 31 ปี มีความเชี่ยวชาญในการผลิตถุงยางอนามัยจากน้ำยางธรรมชาติที่มีคุณภาพสูง ปัจจุบันบริษัทมีโรงงาน 1 แห่ง ที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 1 มีกำลังการผลิตทั้งสิ้น 2,000 ล้านชิ้นต่อปี ภายใต้แบรนด์ตัวเอง และแบรนด์อื่นๆ ประมาณม 100 แบรนด์ และส่งออกไปกว่า 100 ประเทศทั่วโลก

    อมรกล่าวอีกว่า บริษัทจะเริ่มส่งออกถุงยางอนามัยพรีเมียมเพลย์บอยไปจำหน่ายใน 3 ตลาดหลัก ได้แก่ อเมริกา อินเดีย และจีน ซึ่งมีความต้องการตลาดสูงเป็นอับดับหนึ่งของโลก หลังจากนั้นจะขยายการส่งออกไปยังเกาหลีใต้ ซึ่งบริษัทมีพาร์ทเนอร์อยู่แล้ว

    โดยบริษัทคาดว่าจะเริ่มส่งออกถุงยางอนามัยเพลน์บอยได้ในปีหน้า และมีรายได้ 2,000 ล้านบาท ส่วนตลาดในประเทศไทยจะเริ่มกลับมาทำตลาดในปีหน้าเช่นเดียวกัน โดยจับกลุ่มเป้าหมายลูกค้าอายุ 18-36 ปี และคาดว่าเพลย์บอยจะมีส่วนแบ่งตลาดถุงยางอนามัยพรีเมียมในเมืองไทย 50% ภายใน 3 ปีข้างหน้า


    สำหรับปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกทำรายได้ที่ 1,000 ล้านบาท ส่วนรายได้ใน 5 ปีข้างหน้าบริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 3,000 ล้านบาท โดยมาจากการขายเพลย์บอย 2,000 ล้านบาท

    ทั้งนี้ ตลาดรวมถุงยางอนามัยทั่วโลกมีมูลค่า 200,000 ล้านบาท เติบโต 5-7% ต่อปี สำหรับในเมืองไทย ตลาดรวมถุงยางอนามัยมีมูลค่า 1,500 ล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดพรีเมียม 1,000 ล้านบาท และอีก 500 ล้านบาทเป็นตลาดแมส

    ตลาดถุงยางอนามัยเมืองไทยเติบโตปีละ 7% และอาจจะเติบโตเป็น 8-10% ต่อปี เพราะเทรนด์คนรุ่นใหม่ต้องการมีลูกน้อยลง และเฉลี่ยอายุการใช้ถุงยางอนามัยของคนไทยลดลงมาอยู่ที่อายุเพียง 13 ปี จากเดิมอายุ 17 ปีในทศวรรษที่ผ่านมา

    “เพลย์บอยจะเข้าตลาดพรีเมียม เพราะเราเห็นศักยภาพการเติบโตในเซ็กเมนต์นี้ โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่ไม่ได้มองถุงยางอนามัยเป็นเพียงอุปกรณ์การคุมกำเนิด และป้องกันโรค แต่ผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับการมองหาประสบการณ์ใหม่ๆ จากการเลือกใช้งานถุงยางอนามัยที่แสดงออกถึงไลฟ์สไตล์ และตัวตนของผู้ใช้ รวมไปถึงภาพลักษณ์แบรนด์ที่น่าเชื่อถือ การร่วมมือกันระหว่าง TNR PLC และ PLBY Group, Inc. ในครั้งนี้ จึงตอบโจทย์และนับเป็นการผสานจุดแข็งของทั้งสององค์กรไว้ด้วยกัน” อมรกล่าว

    Ben Kohn ประธานเจ้าหน้าที่บริหารจาก PLBY Group, Inc. เจ้าของเครื่องหมายการค้า Playboy กล่าวว่า PLBY Group., Inc. เชื่อมั่นในความร่วมมือระยะยาวกับ TNR PLC ซึ่งเป็นผู้ผลิตถุงยางอนามัยที่มีชื่อเสียง จะนำพาถุงยางอนามัยแบรนด์เพลย์บอยให้สามารถเข้าจัดจำหน่ายในตลาดทั่วโลกได้อย่างรวดเร็ว


    “การเป็นพันธมิตรทางกลยุทธ์กับ TNR PLC ถือเป็นก้าวสำคัญทางธุรกิจ และเรารอคอยที่จะทำงานร่วมกับ TNR PLC ในการขับเคลื่อนกลยุทธ์การเข้าสู่ตลาดโลกของพวกเขาอย่างแน่นอน” Kohn กล่าว

    นอกจากสหรัฐอเมริกา จีน รวมถึงตลาดใหม่อย่างอินเดีย เวียดนาม แอฟริกา เพลย์บอยยังมองโอกาสขยายธุรกิจไปยังประเทศอื่นๆ ที่ประชาชนมีฐานรายได้เพิ่มมากขึ้นในอนาคต

    อมรกล่าวเสริมว่า นอกจากถุงยางอนามัยแล้ว เพลย์บอยยังมีแผนที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เจลหล่อลื่นที่มีส่วนผสมของน้ำมันกัญชา (CBD) และการพัฒนาผลิตถุงยางอนามัยให้บางยิ่งขึ้นกว่าที่มีขายในปัจจุบัน รวมทั้งการมุ่งใช้นวัตกรรมใหม่ๆ พัฒนาผลิตภัณฑ์ที่จะนำมาวางตลาดในอนาคต



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : BJC เตรียมทุ่ม 3,000 ล้านบาท สร้างโรงงานใหม่ที่อยุธยาปีหน้า

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine