TikTok เล็งเห็นเทรนด์การก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แห่งคอนเทนต์ ซึ่งสร้างขึ้นโดยคอมมูนิตี้เพื่อแบ่งปันกันบนคอมมูนิตี้ โดยมีความคิดสร้างสรรค์เป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ
สำหรับประเทศไทย ในแต่ละเดือนมีวิดีโอกว่าหลายล้านชิ้นสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์มเพื่อแบ่งปันเนื้อหาสาระที่หลากหลาย คอนเทนต์ต่างๆ ล้วนช่วยผลักดันให้เกิดการค้นหา การขาย ตลอดจนสร้างประสบการณ์ทางดิจิทัลให้กับแบรนด์ต่างๆ
คอนเทนต์บน TikTok ยังส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้ชมและช่วยกระตุ้นให้เกิดการตัดสินใจในการซื้อได้ จากข้อมูลในงานวิจัยชื่อ Future of the Commerce ที่จัดทำโดย TikTok และ BCG เผยว่าผู้ชม 7 ใน 10 คนเกิดแรงจูงใจในการจับจ่ายใช้สอยเมื่อได้เห็นคอนเทนต์ต่างๆ บน TikTok
ระเบิดพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ด้วยเทคนิค 3R
เมื่อก้าวเข้าสู่ยุคแห่งคอนเทนต์แล้ว TikTok เผยว่าความคิดสร้างสรรค์เป็นองค์ประกอบสำคัญถึง 50% ที่จะช่วยทำให้แคมเปญต่างๆของแบรนด์ประสบความสำเร็จ และช่วยกระตุ้นให้เกิดยอดขายได้ถึง 47% โดย TikTok ร่วมกับ TBWA ทำรายงานในชื่อ The Storytelling in the Next Creative Renaissance เพื่อเสนอโซลูชั่นใหม่ที่ผสมผสานความคิดสร้างสรรค์กับการใช้เทคโนโลยี เพื่อช่วยปลดล็อกอนาคตแห่งการนำเสนอเรื่องราวต่างๆบนแพลตฟอร์มผ่านเทคนิค 3R นั่นคือ Recut , Remix และ Reimagine ซึ่งเป็นช่วยจุดพลังความคิดสร้างสรรค์ ต่อยอดเป็นคอนเทนต์ต่างๆได้อย่างหลากหลาย
ปลดล็อกโอกาสกว่า 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ ในประเทศไทยด้วยเทรนด์ Shoppertainment
TikTok นำเสนอคอนเซ็ปต์ของการจับจ่ายใช้สอยในรูปแบบของ Shoppertainment ที่ซึ่งคอนเทนต์มาบรรจบกับการค้าขายเพื่อช่วยสร้างโอกาสมากมายให้กับธุรกิจไม่ว่าจะเป็นรายเล็กหรือใหญ่ แคมเปญอย่าง #TikTokMadeMeBuyIt ที่มียอดการรับชมกว่า 73.6 พันล้านครั้ง หรือ #TikTokป้ายยา ที่มียอดการรับชมถึง 4.4 พันล้านครั้ง ตอกย้ำให้เห็นถึงศักยภาพในการใช้คอนเทนต์ที่สร้างความบันเทิงเพื่อช่วยกระตุ้นให้เกิดการซื้อขาย
Shoppertainment เป็นเทรนด์ที่มาพร้อมกับโอกาสทางธุรกิจอีกมากมาย สามารถปลดล็อกโอกาสทางธุรกิจมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ทั่วภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และคาดการณ์ว่า Shoppertainment จะมีโอกาสเติบโตสูงถึง 1.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐภายในปี 2025 สำหรับประเทศไทย
ถอดรหัส 3 การเปลี่ยนแปลงหลักจากพฤติกรรมผู้บริโภค
จากงานวิจัยในชื่อ The Future of Consumers & Commerce ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่จัดทำขึ้นโดย TikTok และ Accenture เผยให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงพฤติกรรม 3 ด้านใหญ่ๆ ที่ส่งผลต่อแนวทางในการทำการตลาดของธุรกิจ นั่นคือผู้บริโภคมีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปในวิธีพิจารณาสินค้า (Consider) การเปลี่ยนแปลงในวิถีการบริโภค (Consume) และการเปลี่ยนแปลงวิธีในการติดต่อสื่อสารกับแบรนด์ (Connect) จากรายงานพบว่า
1. ผู้บริโภค 90% มองว่าคอนเทนต์ที่ได้รับการบอกต่อ หรือแสดงถึงประโยชน์ในการใช้งาน ตลอดจนมีการรีวิวสินค้าส่งผลต่อการซื้อเป็นอย่างมาก
2. ผู้บริโภค 70% คาดหวังว่าแบรนด์จะมีการทำเนื้อหาบนโซเซียลหรือบนแพลตฟอร์มเพื่อมอบความสนุกสนานและความบันเทิง และสามารถกดสั่งซื้อสินค้าได้เลยบนแพลตฟอร์มนั้นๆ
3. 75% ของผู้บริโภคต้องการมีส่วนร่วมกับคอมมูนิตี้ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของเทรนด์ บอกต่อคอมเมนต์หรือได้รีวิวสินค้าต่างๆ
สำหรับปี 2024 Shoppertainment จะเป็นเทรนด์ที่ยังคงอยู่ต่อไปในการสร้างประสบการณ์ใหม่ของการจับจ่ายใช้สอยผ่านความบันเทิง ดังนั้นธุรกิจจึงควรให้ความสำคัญกับการสร้างคอนเทนต์ที่เน้นการมีส่วนร่วม หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมโยงให้กับกลุ่มลูกค้าในเชิงลึก
สิรินิธิ์ วิรยศิริ Head of Business Marketing ของ TikTok ประเทศไทย กล่าวว่า “พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคกำลังมองหาคอนเทนต์ที่มีให้ทั้งข้อมูล พร้อมทั้งยังสามารถสร้างความรู้สึกร่วมและตรงกับความสนใจของตัวเอง ผู้บริโภคต้องการเชื่อมต่อและสื่อสารทางโซเซียลกับแบรนด์และธุรกิจ ดังนั้นเพื่อต่อยอดบนแพลตฟอร์ม TikTok แบรนด์จึงควรให้ความสนใจกับการเปลี่ยนแปลงทางพฤติกรรมเหล่านี้ โดยการสร้างคอนเทนต์ที่มีความหลากหลายเพื่อช่วยส่งอิทธิพลให้เกิดการตัดสินใจซื้อที่มากขึ้น คอนเทนต์เหล่านี้ควรจะผลักดันให้เกิดประสบการณ์การซื้อขายอย่างไร้ร้อยต่อ กระตุ้นให้ส่งผลในการตัดสินใจเพื่อให้มีการซื้อขายที่ถี่ยิ่งยึ้น และสิ่งสุดท้าย ธุรกิจควรหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างคอมมูนิตี้เพื่อส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมและขยายฐานลูกค้าให้มากขึ้น”
เธออธิบายเพิ่มเติมว่า ด้วยเทรนด์ของ Shoppertainment แบรนด์จะสามารถเติบโตด้วยพลังแห่งคอนเทนต์ที่ไม่เพียงแต่จะสร้างความบันเทิงเท่านั้น หากแต่ยังสามารถผลักดันไปสู่การขายได้อีกด้วย
"ซึ่งความคิดสร้างสรรค์จะเป็นกุญแจสำคัญในการปลดล็อกโอกาสที่สามารถสร้างผลลัพธ์ทางธุรกิจได้ต่อไป” สิรินิธิ์ปิดท้าย
อ่านเพิ่มเติม : อะโวคาโด "Hass" ออสเตรเลียบุกไทย เอาใจคนรักสุขภาพ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine