ไทยไฟเขียวนำเข้าอะโวคาโด จากรัฐเวสเทิร์น ประเทศออสเตรเลีย ผ่านการฑูต กระชับความสัมพันธ์ทางการค้าด้านสินค้าเกษตร อะโวคาโดพันธุ์แฮส (Hass) จากออสเตรเลียได้รับการอนุญาตนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ภายหลังการประกาศในราชกิจจานุเบกษา เรื่อง เงื่อนไขการนำเข้าผลอะโวคาโดสดจากเครือรัฐออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2566
อะโวคาโดพันธุ์แฮส (Hass) จากออสเตรเลีย ที่มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพสูง มีเนื้อเข้มข้น รสมันเนย ครีมเนียนอ่อนนุ่ม เมื่อกินแทบไม่ต้องเคี้ยว ละมุนลิ้น มีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย สายเฮลตี้ คนรักสุขภาพ ไม่ควรพลาด มีจำหน่ายตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2566 ถึง เมษายน 2567 หาซื้อได้ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตชั้นนำของไทย
ดร. แอนเจลา แมคโดนัลด์ เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย กล่าวชื่นชมความสำเร็จของการดำเนินความร่วมมือระหว่างหลายภาคส่วนในช่วงกว่าทศวรรษที่ผ่านมา โดยเฉพาะกระทรวงการเกษตรของไทยและออสเตรเลีย ทูตพาณิชย์และการลงทุนอาวุโสออสเตรเลียประจำประเทศไทย และสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย ซึ่งความพยายามในการส่งเสริมความร่วมมือดังกล่าวจะทำให้ผู้บริโภคชาวไทย มั่นใจได้ว่าอะโวคาโดออสเตรเลียมีคุณภาพและได้มาตรฐานตามเงื่อนไขการนำเข้าสินค้าเกษตรของไทย
“ความสำเร็จในครั้งนี้ถือเป็นการดำเนินความร่วมมือที่ทั้งไทยและออสเตรเลียต่างได้รับประโยชน์” ท่านเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย กล่าวเน้นย้ำ “ช่วยให้เกษตรกรชาวออสเตรเลียสามารถขยายโอกาสในการส่งออกสินค้าไปยังตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น ในขณะที่ผู้บริโภคชาวไทยมีทางเลือกที่เพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าเกษตรคุณภาพสูงซึ่งสอดคล้องกับความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มาจากแหล่งผลิตที่มีความปลอดภัยและยั่งยืน”
ฯพณฯ แจ็คกี้ จาร์วิส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร อาหาร ป่าไม้ และธุรกิจขนาดย่อม รัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย กล่าวถึงแนวทางความร่วมมือและการบูรณาการห่วงโซ่อุปทานของเกษตรกรผู้ปลูกอะโวคาโด ในรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลียควบคู่ไปกับการมีเทคโนโลยีคัดแยกที่ทันสมัยและสถานที่ในการบรรจุสินค้าที่ได้มาตรฐานจากส่วนกลาง ซึ่งช่วยรับประกันคุณภาพและความสดใหม่ของอะโวคาโดกว่า 50,000 ลูกต่อปี โดยเป็นไปตามมาตรฐานการส่งออกที่เข้มงวดก่อนออกสู่ตลาดไทย นอกจากนี้ สภาพภูมิอากาศของรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ยังเอื้อต่อการปลูกอะโวคาโดตลอดทั้งปี โดยมีพื้นที่เพาะปลูกอะโวคาโดกว่า 5,000 เฮกตาร์
ไมเคิล เฮลเลแมน ทูตพาณิชย์อาวุโสและอัครราชทูตที่ปรึกษา (การพาณิชย์) ประจำประเทศไทย กล่าวว่า ในแต่ละปีคนไทยจำนวนมากเดินทางมาท่องเที่ยวที่ประเทศออสเตรเลียและได้สัมผัสกับวัฒนธรรมอาหารออสเตรเลีย ที่มีอะโวคาโดเป็นส่วนประกอบหลักในเมนูอาหารเช้าและบรันช์ ซึ่งความสนใจที่มีต่อเทรนด์อาหารทั่วโลกจะทำให้ผู้บริโภคชาวไทยชื่นชอบการนำอะโวคาโดไปรังสรรค์เมนูการทำอาหารใหม่ ที่แปลกใหม่และหลากหลาย “เราเชื่อมั่นว่าอะโวคาโดของรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลียจะเป็นที่นิยมของผู้บริโภคชาวไทยอย่างแน่นอน” ท่านทูตกล่าวเสริม
นอกจากนี้ ได้มีการกำหนดกิจกรรมการตลาดและการส่งเสริมการขายที่จะเริ่มต้นในเดือนตุลาคมนี้ ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นทุ่มเทของผู้ปลูก ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในอุตสาหกรรม รัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย และสถานทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย โดยจะมุ่งเน้นไปที่การสื่อสารและทำความเข้าใจผู้ค้าปลีก ซูเปอร์มาร์เก็ต ผู้นำเข้า และสร้างการรับรู้แก่ผู้บริโภคเกี่ยวกับวิธีการรับประทานอะโวคาโดพันธุ์แฮส เกรดพรีเมียม ซึ่งคาดว่าแฮส อะโวคาโดจะเป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดไทยเนื่องจากเป็นผลิตผลที่มีคุณภาพสูง
แบรด โรเจอร์ส ประธานเกษตรกรผู้ปลูกอะโวคาโดออสเตรเลีย และเป็นผู้ปลูกจากรัฐเวสเทิรน์ ออสเตรเลีย กล่าวแสดงความภาคภูมิใจที่ได้ร่วมแบ่งปันผลผลิตอะโวคาโดสดจากออสเตรเลีย ที่มีชื่อเสียงในด้านคุณภาพที่สูงและมีเนื้อครีมเข้มข้นโดยใช้ระบบการเพาะปลูกที่เน้นความยั่งยืน “จากนี้ไปผู้บริโภคชาวไทยจะได้มีโอกาสสัมผัสกับรสชาติอะโวคาโดเข้มข้นในชีวิตประจำวันได้แล้ว” มร. โรเจอร์ส กล่าวทิ้งท้าย
จอห์น ไทยาส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ Avocados Australia กล่าวย้ำถึงศักยภาพของตลาดในประเทศไทย โดยคาดการณ์ว่าจะสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ปลูกอะโวคาโดในรัฐเวสเทิร์น ออสเตรเลีย ถึงสิบล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย ภายในปี พ.ศ. 2569 ซึ่งอะโวคาโดจะให้ผลผลิตออกสู่ตลาดได้ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงเดือนมีนาคม จึงมีแผนที่จะครองตลาดในช่วงนี้ ในส่วนของกลยุทธ์ในการพัฒนาตลาดจะมุ่งเน้นไปที่การให้ความรู้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับมาตรฐานการผลิตสินค้าเกษตรที่ปลอดภัย การจัดหาวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรม (Ethical Sourcing) และวิธีนำแฮสอะโวคาโดไปรังสรรค์เมนูอาหารอันหลากหลาย
อะโวคาโด จากออสเตรเลีย จะมีเนื้อเข้มข้น รสมันเนย ครีมเนียนอ่อนนุ่ม เมื่อกินแทบไม่ต้องเคี้ยว ละมุนลิ้น หากเอาน้ำผึ้งมาใส่ในอะโวคาโดนิดหน่อย จะเพิ่มรสชาติในการทานให้อร่อยมากยิ่งขึ้น สำหรับประโยชน์จากอะโวคาโดมีมากมายหลายอย่าง ช่วยบำรุงผิวพรรณ ลดไขมันในเส้นเลือด ชะลอความชราภาพลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ลดความดันโลหิต บำรุงสายตา แก้อาการเหน็บชา ป้องกันหวัด และป้องกันโรคหัวใจ และที่สำคัญสารแคโรทีนนอยด์ 11 ชนิด พบมากบริเวณเนื้อสีเขียวเข้มที่ติดกับใต้เปลือก มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยให้สุขภาพดี แข็งแรง
การเก็บรักษาอะโวคาโดให้เก็บไว้ที่อุณหภูมิห้องจนกว่าอะโวคาโดจะสุกเต็มที่ โดยทั่วไปจะใช้เวลา 4-7 วันเมื่ออะโวคาโดที่แข็งอยู่สุกเต็มที่แล้ว ให้เก็บไว้ในตู้เย็น โดยใส่ไว้ในถุงพลาสติก จะช่วยรักษาสภาพของอะโวคาโดไว้ได้อีก 3-5 วัน และเคล็ด (ไม่ลับ) เก็บอะโวคาโดที่หั่นเป็นชิ้นแล้ว ด้วยการห่อพลาสติกให้มิดชิด อะโวคาโดที่หั่นแล้วจะทำปฏิกิริยาออกซิไดซ์อย่างรวดเร็วและเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล แต่ไม่ได้หมายความว่าจะรับประทานไม่ได้ การพรมน้ำมะนาวเล็กน้อยบนเนื้ออะโวคาโดจะช่วยป้องกันการเปลี่ยนสีได้
อ่านเพิ่มเติม : The 1 Insight เผยเทรนด์รับเทศกาลกินเจ สะดวกสบายใส่ใจสุขภาพ
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine