เศรษฐกิจพ่นพิษ ตลาดสัตว์เลี้ยงโตหดตัวต่ออีกปี รพส.ทองหล่อ ขอหยุดขยายสาขาใหม่ในประเทศปีหน้า - Forbes Thailand

เศรษฐกิจพ่นพิษ ตลาดสัตว์เลี้ยงโตหดตัวต่ออีกปี รพส.ทองหล่อ ขอหยุดขยายสาขาใหม่ในประเทศปีหน้า

เศรษฐกิจพ่นพิษ ตลาดสัตว์เลี้ยงโตหดตัวต่ออีกปี ทั้งจำนวนคนเลี้ยงรายใหม่และยอดขาย คาดตลาดรวมปีนี้โตแค่หลักเดียว “โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ” ขอหยุดขยายสาขาใหม่ในประเทศปีหน้า เน้น relocate สาขาเดิม แต่ต่างประเทศเล็งเปิดอีกแห่งที่เวียดนาม


    ตลาดเพ็ทแคร์และเพ็ทฟู้ดส์เติบโตต่อเนื่องมาหลายปี ในปี 2019 เติบโต 10% และในปี 2020 เติบโตถึง 12% มีมูลค่า 2.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2021-2022 ตลาดเติบโตอีก 13% เป็น 2.4 พันล้านเหรียญ และ 16% เป็น 2.7 พันล้านเหรียญตามลำดับ

    ในปี 2023 สถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นจากโควิด แต่ปรากฏว่าตลาดเพ็ทแคร์และเพ็ทฟู้ดส์กลับโตหดตัวลงเหลือเพียง 10% คิดเป็นมูลค่า 3 พันล้านบาท และปีนี้คาดว่าตลาดจะเติบโตเพียง 6-9% เท่านั้น เป็นการเติบโตแบบหดตัวต่ออีกเป็นปีที่ 2 โดยมูลค่าตลาดจะอยู่ที่ 3.3 พันล้าน

    “จากการพูดคุยกับผู้ผลิต พบว่ายอดการขายอาหารสำหรับสุนัขเด็กและแมวเด็กลดลงในปีนี้ต่อเนื่องเป็นปีที่สอง ทางฟาร์มก็บ่นไปในแนวทางเดียวกันว่า ขายน้องหมาน้องแมวยากขึ้น เพราะเศรษฐกิจไม่ดี กำลังซื้อลดลง ขณะเดียวกันอัตราการเพิ่มของเด็กเกิดใหม่ที่ลดลงต่อเนื่อง ยังมีผลต่อการเพิ่มขึ้นของ pet parent รายใหม่ด้วยเช่นกัน” สัตวแพทย์หญิง กฤติกา ชัยสุพัฒนากุล ประธานกรรมการบริหาร โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ กล่าว

    นอกจากการลดลงของ pet parent รายใหม่แล้ว ยังพบว่าอัตราส่วนการเลี้ยงแมวและสุนัขเป็น 40:60 ในปัจจุบัน จากที่เคยเป็น 20:80 ในอดีต เพราะว่าแมวเลี้ยงง่าย มีค่าใช้จ่ายถูกกว่า สำหรับค่าใช้จ่ายเฉลี่ยของสุนัขพันธุ์ใหญ่อย่าง โกลเด้น รีทรีฟเวอร์ เฉลี่ยอยู่ที่ 28,000 บาทต่อปี ขณะที่สุนัขพันธุ์เล็กจะอยู่ที่ 24,000 บาทต่อปี ส่วนแมวมีค่าใช้จ่ายถูกกว่านี้มาก



    สัตวแพทย์หญิง กฤติกา บอกว่า แม้การเข้ามาของคนเลี้ยงใหม่ๆ จะหดตัว แต่ pet parent ที่เข้ามาสู่ตลาดนี้แล้ว ยังคงพร้อมใช้จ่ายเงินเหมือนเดิม และมีการคัดเลือกสินค้าอย่างดี มีความพิเศษ เฉพาะเจาะจงให้กับสัตว์เลี้ยงของตนเองมากขึ้นด้วยราคาที่เข้าถึงง่าย ประกอบกับมีคนสูงวัยในสังคมมากขึ้น ยังจะเป็นปัจจัยบวกสำหรับตลาด

    ดังนั้น โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อจึงยังคงเดินหน้าลุยขยายธุรกิจในเชิง portfolio management ในปีนี้ทั้งในด้านโรงพยาบาล (Pet hospital) และการขยายธุรกิจสินค้าสัตว์เลี้ยง อาหารสัตว์ บริการเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet well being) ที่ร่วมจับมือกับพันธมิตรในวงการโรงพยาบาลสัตว์ด้วยกันเองและกลุ่มธุรกิจอื่นๆ

    “โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ จะมุ่งสู่การดำเนินธุรกิจที่เป็นมากกว่าโรงพยาบาลสัตว์ในปีนี้” สัตวแพทย์หญิง กฤติกากล่าว และว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อมีสำนักงานใหญ่และสาขาขนาดใหญ่ที่รองรับการรับตัวส่งต่อ เพื่อทำการวินิจฉัยรักษาและส่งกลับโรงพยาบาลต้นทาง ไม่ต่างจากโรงพยาบาลที่รักษาคน และให้ความสำคัญกับการรักษาโรคเฉพาะทางด้วย

    นอกจากนี้ยังส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของสัตว์เลี้ยง ด้วยการให้บริการ Grooming, Pet swimming pool, Pet park และสินค้าสัตว์เลี้ยงภายใต้แบรนด์ Dr. Choice และสินค้าแบรนด์อื่นๆ ที่ร่วมมือกับพันธมิตรจากหลายกลุ่มธุรกิจ ซึ่งมีฐานลูกค้าที่ใกล้เคียงกัน อาทิ เรมี ที่จับมือกับพัทยาฟู้ด กรุ๊ป และสินค้าทรายแมวซึ่งร่วมมือกับ Wealthy Moggie Innovation Co., Ltd เป็นต้น

    ในปีนี้โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อจะเปิดสาขาใหม่ 2 แห่ง แห่งแรกได้เปิดแล้วในครึ่งปีแรกใกล้กับสนามบินเชียงใหม่ ใช้เงินลงทุน 85 ล้านบาท นับเป็นสาขาที่ 2 ในเชียงใหม่ และเพื่อรองรับความต้องการคนรักสัตว์เลี้ยงที่มีมากขึ้น ทางโรงพยาบาลจะเปิดสาขาใหม่ที่อโศก-ประสานมิตร บริเวณสุขุมวิท 31 ต้นเดือนตุลาคมนี้ใช้เงินลงทุนประมาณ 10-15 ล้านบาท นอกจากนี้แล้วยังเตรียมเปิดประสบการณ์ใหม่กับ paw and pal pet park ภายใต้คอนเซ็ปต์ pet and human friendly community ที่สำนักงานใหญ่บนถนนพระราม 9 ในปลายปีนี้ด้วย

    โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อมีสาขาทั้งสิ้น 21 สาขาในสิ้นปีนี้ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อาทิ พัทยา เชียงใหม่ ระยอง เป็นต้น ทั้งนี้ยังไม่รวมโรงพยาบาลสัตว์ที่บริษัทเข้าไปร่วมบริหารและดูแลจัดการงานหลังบ้านอีก 8 แห่ง เป็นในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดอย่างละครึ่ง และบริษัทมีแผนที่จะร่วมเป็นพันธมิตรกับโรงพยาบาลสัตว์อื่นๆ อีกอย่างน้อย 10 แห่งในปีหน้า

    ส่วนแผนขยายสาขาใหม่ในประเทศปีหน้า สัตวแพทย์หญิงกฤติกาบอกว่า ขอหยุดชั่วคราว จะทำเพียง relocate โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อจากสาขาปิ่นเกล้าไปยังฝั่งตรงข้ามห้างสรรพสินค้าตั้งฮั่วเส็ง มีขนาดพื้นที่ 4,500 ตารางเมตร ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 200 ล้านบาท

    ส่วนต่างประเทศ บริษัทยังมีแผนจะเปิด Thonglor Bangkok Pet Hospital ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่จับมือร่วมกับพาร์ทเนอร์ในเวียดนาม เป็นสาขาที่ 2 ในปีหน้า ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเป็นที่โฮจิมินห์หรือฮานอย ก่อนหน้านี้บริษัทได้เปิดโรงพยาบาลแห่งแรกที่โฮจิมินห์ประมาณปีครึ่ง

    นอกจากเวียดนามแล้ว ขณะนี้บริษัทได้รับการติดต่อให้เปิดโรงพยาบาลสัตว์ในหลายประเทศ ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และพม่า เป็นต้น ซึ่งบริษัทยังไม่ได้ตัดสินใจ

    ปัจจุบันมีโรงพยาบาลสัตว์เปิดให้บริการอยู่ประมาณ 3,500 แห่งทั่วประเทศ เพิ่มจากปีที่แล้วที่มีราว 3,300 แห่ง แบ่งเป็น primary care hospital 80% เป็นคลินิกหน้าบ้านทำการรักษาเบื้องต้น, 15% เป็น secondary hospital สามารถให้การรักษาที่ซับซ้อนขึ้น และที่เหลืออีก 5% เป็นโรงพยาบาลสัตว์จากมหาลัยต่างๆ ขนาดตลาดของโรงพยาบาลสัตว์ในเมืองไทยมีมูลค่า 30,000 ล้านบาทต่อปี โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อมีส่วนแบ่งตลาด 8-9%

    ส่วนประชากรสัตว์เลี้ยงมีประมาณ 20 ล้านตัว แบ่งเป็นสุนัข 12 ล้านตัว และแมว 8 ล้านตัว ที่เหลือเล็กน้อยเป็นสัตว์แปลกและหายาก

    นายพูลเพิ่ม ทองเจริญพูลพร ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ กล่าวว่า แนวทางของโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ ไม่ได้มุ่งเน้นการเติบโตด้านตัวเลขอย่างเดียว แต่เล็งเห็นความสำคัญของการเติบโตอย่างยั่งยืน เน้นการพัฒนาโดยใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อยกระดับการทำงานทุกภาคส่วน

    ที่ผ่านมาโรงพยาบาลทองหล่อมีจุดแข็งในวอร์ดสัตว์อาการหนัก หรือ ICU และกลุ่มวอร์ดโรคติดเชื้อ ซึ่งล่าสุดได้เปิดศูนย์ใหม่ Senior Care center และ Recovery center ที่พร้อมด้วยเครื่องมือที่มีเทคโนโลยีทันสมัย และออกแบบมาเพื่อการดูแลสัตว์เลี้ยงสูงวัยหรือพิการ รวมทั้งสัตว์เลี้ยงที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้และต้องการดูแลเป็นพิเศษ เพื่อให้การรักษาฟื้นฟูสัตว์ป่วยหลังการผ่าตัด หรือสัตว์ป่วยที่ต้องกายภาพบำบัด


    นอกจากนี้ยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อจัดการเรียนการสอนและฝึกอบรมเพื่อพัฒนาบุคลากรและยกระดับวิชาชีพ ภายใต้ “Thonglor Academy” แบ่งเป็นความร่วมมือกับศูนย์ฝึกอาชีพ กทม. ร่วมเป็นสถาบันสมทบพัฒนาหลักสูตรฝึกอาชีพช่างอาบน้ำตัดขน ช่วยเสริมทักษะแรงงานให้กับช่างที่ผ่านการอบรมได้สามารถต่อยอดพัฒนาเป็นวิชาชีพต่อไปได้ และยังมีเอ็มโอยูร่วมกับมหาวิทยาลัยศิลปากร เป็นสถาบันสมทบสำหรับนิสิต-นักศึกษาที่ต้องการฝึกงาน เรียนรู้การทำงานจริงทั้งด้านเทคนิคการเป็นสัตวแพทย์ พยาบาลสัตว์ และนิสิตสัตวแพทย์ ทั้งยังมีความร่วมมือกับต่างประเทศด้วย

    นอกจากนี้ โรงพยาบาลทองหล่อยังให้ความสำคัญกับการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนภายใต้แนวคิด ESG โดยให้ความสำคัญกับการดูแลสิ่งแวดล้อม การใช้พลังงานสะอาด เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ การบริหารจัดการขยะ การช่วยเหลือสังคมผ่านมูลนิธิสัตว์ต่างๆ และการดูแลใส่ใจคุณภาพชีวิตของพนักงานในองค์กร

    ตามแผนการดำเนินธุรกิจดังกล่าว โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อตั้งเป้าว่ารายได้ในปี 2567 จะเติบโตอยู่ที่ 7% สอดคล้องกับตลาดสัตว์เลี้ยงที่คาดว่าจะเติบโตอยู่ที่ 6-9% ในปีนี้



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘เครือสหพัฒน์’ ร่วมวงธุรกิจสัตว์เลี้ยง ส่งสินค้าตัวเอง-แบรนด์นำเข้า ลุยตลาดปีนี้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine