อยู่นอกห้าง ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า! สาเหตุ ‘มากุโระ’ เปิด The Flavorhood ศูนย์รวมร้านอร่อยในเครือไว้ในที่เดียว - Forbes Thailand

อยู่นอกห้าง ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า! สาเหตุ ‘มากุโระ’ เปิด The Flavorhood ศูนย์รวมร้านอร่อยในเครือไว้ในที่เดียว

นอกจากการพาตัวเองไปตั้งอยู่ในศูนย์การค้าที่มีทราฟิกหนาแน่น หนึ่งในกลยุทธ์ที่เราเห็นกันของร้านอาหารหลายแบรนด์ก็คือการตั้งสาขาอยู่นอกศูนย์การค้าไปด้วย ล่าสุดคือ ‘มากุโระ’ เครือร้านอาหารญี่ปุ่นที่ก่อตั้งมาแล้ว 9 ปี ที่ล่าสุดเปิดตัว The Flavorhood ศูนย์รวมร้านอาหารในเครือ 3 แบรนด์ไว้ในที่เดียว


    The Flavorhood หรือฟู้ดเดสติเนชั่นของบริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO เป็นจุดหมายปลายทางความอร่อยบนพื้นที่ขนาด 2 ไร่ย่านประดิษฐ์มนูธรรม รวบรวมร้านอาหารในเครือมากุโระ 3 แบรนด์มาไว้ที่นี่ คือ MAGURO, HITORI SHABU ซึ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้วตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567

    ขณะที่อีกร้านหนึ่งจะเป็นแบรนด์น้องใหม่ที่ยังไม่ขอเปิดเผยชื่อ แต่เป็นร้าน All Day Dining ที่จะให้บริการในวันที่ 24 ธันวาคม 2567


    ภายใต้งบลงทุนประมาณ 70 ล้านบาทเพื่อสร้าง The Flavorhood ที่นอกจากแต่ละร้านจะมีขนาดกว้างขวาง รองรับลูกค้าได้ 60-70 ที่นั่ง/ร้าน การตกแต่งยังเป็นแบบผสมผสานระหว่างความร่วมสมัยแต่ยังคงกลิ่นอายความเป็นญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นทางเดิน สวนในโครงการ ห้องน้ำ ที่เรียกได้ว่าร่มรื่นและอบอุ่น ทั้งยังมีที่จอดรถสะดวกสบาย มีจุดให้บริการชาร์จ EV ด้วย


    ‘เอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) บอกว่า ความตั้งใจของบริษัทคืออยากให้ลูกค้ารู้สึกผ่อนคลาย และดื่มด่ำไปกับบรรยากาศโดยรอบของโครงการ เป็นการมอบประสบการณ์ที่ดีให้ลูกค้าที่แตกต่างจากการอยู่ในศูนย์การค้าหรือคอมมูนิตี้มอลล์

เอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง


    แต่ถามว่าทำไมถึงต้องออกมาตั้งศูนย์รวมร้านอาหารของตัวเอง?

    ‘จักรกฤติ สายสมบูรณ์’ กรรมการบริหาร และผู้ร่วมก่อตั้ง MAGURO บอกว่า “Pain Point หลักของการเข้าไปอยู่ในศูนย์การค้าระดับเกรดเอและเกรดบีคือ ค่าเช่าค่อนข้างสูง อีกทั้งปัจจุบันระบบค่าเช่ายังปรับเป็น GP หมดแล้ว เมื่อลองคำนวณดูเราพบว่าการทำร้านตัวเองในรูปแบบสแตนด์อะโลนนั้น เงินที่จ่ายออกไปน้อยกว่ามาก ค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการไปตั้งอยู่ในห้าง และคืนทุนเร็วกว่าในระยะยาว

    “โดยสำหรับที่ The Flavorhood ตั้งเป้ายอดขายไม่ต่างจากสาขาที่อยู่ในศูนย์การค้าเกรดเอ เช่น สยามสแควร์วัน เป็นต้น และตั้งเป้าคืนทุนในระยะเวลา 1 ปีครึ่ง – 2 ปี”

    เขายังเสริมอีกว่า ระยะการคืนทุนอาจจะเร็วกว่าแต่ไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่สิ่งที่ได้จากสแตนด์อะโลนมากกว่า คือการมีพื้นที่มากกว่า ร้านใหญ่กว่า สามารถใส่ดีไซน์เข้าไปได้มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นสวน ห้องน้ำ แลนด์สเคป ทุกอย่างที่ให้ประสบการณ์มากกว่าการไปอยู่ในห้าง การตกแต่งในร้านอาจไม่ได้ต่างกัน แต่พื้นที่ข้างนอกต่างกัน


    สำหรับการเลือกที่แรกบนทำเลประดิษฐ์มนูธรรม จักรกฤติบอกว่าเนื่องจากเป็นโลเคชั่นที่คุ้นเคย เพราะสมัยที่ก่อตั้งบริษัทแรกๆ นั้นมีสำนักงานใหญ่อยู่ในย่านนี้ ทำให้คุ้นเคยกับย่าน และมองเห็นว่าเป็นย่านที่มีศักยภาพสูง มีครัวเรือนอาศัยอยู่หนาแน่น มีศูนย์การค้า แต่ตอนนั้นความพร้อมและปัจจัยต่างๆ ยังไม่ลงตัว จนเมื่อปีที่ผ่านมาเห็นว่าบนนถนนเส้นนี้ยังไม่มีแบรนด์ของมากุโระมาเปิดเลยสักแบรนด์ จึงเป็นไอเดียสร้างที่นี่ขึ้น โดยที่ดินตรงนี้ได้สิทธิ์เช่าเป็นระยะเวลา 9 ปี

จักรกฤติ สายสมบูรณ์


    “The Flavorhood เราไม่ได้ตั้งใจให้เป็นคอมมูนิตี้มอลล์ แต่เป็นมอลล์ขนาดเล็กที่ตอบโจทย์ความต้องการจริงๆ เราเชื่อว่าคนอยากมีร้านใกล้บ้าน เป็นร้านประจำ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน อยากให้เป็นเดสติเนชั่นในย่านนี้ และหวังว่าจะมี The Flavorhood ในที่ถัดๆ ไป”

    สำหรับแนวทางในอนาคต เอกฤกษ์และจักรกฤติบอกว่าจะดูกระแสตอบรับของ The Flavorhood ที่นี่ก่อน และค่อยพิจารณาถึงการเปิดที่ต่อไป ซึ่งต้องเป็นที่ดินขนาด 2 ไร่ขึ้นไป และอาจจะมีแบรนด์อื่นๆ ที่ไม่ใช่ 3 แบรนด์นี้ด้วยก็ได้

    อย่างไรก็ตาม แนวทางการลงทุนเปิดสาขาใหม่ของแบรนด์ยังคงยืดหยุ่นและกระจายไปในทุกรูปแบบ ทั้งในศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ และสแตนด์อะโลน

    "เราคงไม่ได้โฟกัสหรือให้น้ำหนักไปทางไหนเป็นพิเศษ คงดูว่าเทรดโซนนั้นๆ เป็นอย่างไรบ้าง ตัวเลขในระบบสร้างผลตอบแทนได้แค่ไหน ผลกำไรได้เท่าไหร่" จักรกฤติระบุ


สิ้นปีนี้รวมทุกแบรนด์มี 37 สาขา

    เอกฤกษ์ อัพเดตภาพรวมธุรกิจของเครือมากุโระให้ฟังว่าจากปีที่ผ่านมาตั้งเป้าว่าจะเปิดสาขาใหม่ในปีนี้ 12 สาขา แต่บริษัทสามารถทำได้มากกว่าแผนที่วางไว้คือเปิดได้ 13 สาขา โดย ณ สิ้นปี 2567 เครือมากุโระจะมีร้านอาหารทั้งหมด 37 สาขาใน 6 แบรนด์ ดังนี้

    1.MAGURO ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิสไตล์พรีเมียม 18 สาขา

    2.SSAMTHING TOGETHER ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีวัตถุดิบพรีเมียม 6 สาขา

    3.HITORI SHABU ร้านชาบูและสุกี้ยากี้หม้อเดี่ยวสไตล์คันไซ 10 สาขา

    4.HITORI SUKIYAKI ร้านสุกี้ยากี้คันไซแบบดั้งเดิม เป็นร้านสแตนด์อะโลนอยู่ที่เอกมัย

    5.Tonkatsu AOKI ร้านทงคัตสึจากญี่ปุ่นเตรียมเปิดวันที่ 19 ธ.ค. 2567 นี้

    6.ร้านอาหารในรูปแบบ All Day Dining ที่จะเปิดที่ The Flavorhood วันที่ 24 ธ.ค. 2567

    และพิเศษสุดสำหรับ โครงการ The Flavorhood ทาง Maguro ได้ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจใหม่ คือ Guss Damn Good แบรนด์ไอศกรีมระดับพรีเมียมที่มีคอนเซปต์ Story to Flavor ที่จะมาช่วยรังสรรค์ไอศกรีม พิเศษ รสมันหวาน ญี่ปุ่นครีมบูเร่ เพื่อเป็น Signature Dessert ให้เฉพาะที่ร้าน MAGURO เท่านั้น

    ซึ่งสาขา The Flavorhood นี้ จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน และจนกว่าสินค้าจะหมดเท่านั้น โดยในสาขาอื่นๆ ได้แก่ สาขา Chic ราชพฤกษ์, สาขา Health Land แจ้งวัฒนะ, สาขา SB พระราม 2, สาขา เอสพลานาด รัชดา, สาขา Central World, สาขา The Nine พระราม 9, สาขา Promenade, สาขา Nirvana สาขา Marche ทองหล่อ จะเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 15 พฤศจิกายน และจนกว่าสินค้าจะหมดเช่นกัน



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : MAGURO เปิดตัว The Flavorhood ฟู้ดเดสติเนชั่นใจกลางประดิษฐ์มนูธรรม เปิดทางการ 1 พ.ย.นี้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine