The 1 Insight เผยครึ่งแรกปี 2024 ตลาดลักชัวรีรีเทลโตกว่าก่อนโควิด 4 เท่า สินค้าบิวตี้โตแรงสุดแซงแฟชั่น - Forbes Thailand

The 1 Insight เผยครึ่งแรกปี 2024 ตลาดลักชัวรีรีเทลโตกว่าก่อนโควิด 4 เท่า สินค้าบิวตี้โตแรงสุดแซงแฟชั่น

FORBES THAILAND / ADMIN
09 Aug 2024 | 10:30 AM
READ 652

The 1 Insight เผยผลวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้จ่ายกลุ่มสินค้าลักชัวรีในช่วงครึ่งปีแรก 2024 แม้ในสภาพเศรษฐกิจผันผวน ภาพรวมกำลังซื้อตลาดลักชัวรีรีเทลยังเติบโตสูง 4 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อนโควิด สินค้าบิวตี้เติบโตแรงนำแฟชั่น โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เผย Gen Z และ Gen Y จะกลายเป็นกำลังซื้อหลักของกลุ่มสินค้าลักชัวรีทั่วโลกภายในปี 2025


    ภาพรวมการใช้จ่ายกลุ่มสินค้าลักชัวรีจาก The 1 Insight ล่าสุด พบว่าการใช้จ่ายสินค้าบิวตี้มีการเติบโตสูงกว่าสินค้าแฟชั่น 10% ซึ่งตรงกับทฤษฎี Lipstick Effect ที่ใช้อธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลกในช่วงที่กำลังซื้อภาพรวมลดลง ทว่ายอดการใช้จ่ายสินค้าบิวตี้กลับเติบโตสวนทาง เนื่องจากเป็นสินค้าที่ชุบชูจิตใจได้ไม่แพ้สินค้าแฟชั่นแบรนด์หรู แต่มาในงบประมาณที่เข้าถึงได้สำหรับคนส่วนใหญ่นั่นเอง

    สินค้าที่ยอดขายเติบโตสูงสุดในหมวดบิวตี้ ได้แก่ ลิปสติก พาเลตต์แต่งหน้า น้ำหอม ส่วนในหมวดแฟชั่น สินค้าที่มียอดขายเติบโตสูงสุด ได้แก่ กระเป๋าถือ แอ็กเซสเซอรี่ รองเท้า

    คนแต่ละช่วงวัยมีการใช้จ่ายกับสินค้าแต่ละประเภทในสัดส่วนที่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมและความสนใจของคนแต่ละช่วงวัยอย่างเห็นได้ชัด ดังนี้

    Gen Z ใช้จ่ายกับเครื่องสำอาง น้ำหอม และสกินแคร์ สูงสุดตามลำดับ

    Gen Y ใช้จ่ายกับสินค้าแฟชั่น สกินแคร์ และน้ำหอม ตามลำดับ

    Gen X ใช้จ่ายกับสกินแคร์และสินค้าแฟชั่น เมกอัพ และน้ำหอมสูงสุดตามลำดับ

    Baby Boomers ใช้จ่ายกับสกินแคร์ สินค้าแฟชั่น และเมกอัพสูงสุดตามลำดับ



    นอกจากนี้ ยังมีจุดที่น่าสนใจที่กลุ่ม Gen Z มีการใช้จ่ายในกลุ่มสินค้าลักชัวรีเติบโตสูงสุดมากกว่าทุกช่วงวัย เป็นผลให้แบรนด์ระดับโลกที่เล็งเห็นโอกาสเริ่มดำเนินกลยุทธ์ในการดึงดูดกลุ่ม Gen Z มากขึ้นชัดเจนในช่วง 2-3 ปีให้หลังนี้ อาทิ การใช้ดาราและอินฟลูเอนเซอร์ที่กลุ่ม Gen Z ติดตาม รวมถึง Storytelling ของแบรนด์ต่างๆ ที่เน้นการแสดงตัวตนที่จริงแท้และมุมมองต่อความยั่งยืนซึ่งเป็นเรื่องหลักที่กลุ่มช่วงวัยดังกล่าวให้ความสำคัญ

    แน่นอนว่าแบรนด์ยังไม่สามารถทิ้งกลุ่มลูกค้าอื่นๆ ได้เช่นกัน เนื่องจากกำลังซื้อส่วนใหญ่ยังอยู่ที่ Gen Y, Gen X และ Baby Boomer ตามลำดับ โดยทั้ง 3 ช่วงวัยนั้นยังถือว่าเป็นลูกค้ากลุ่มสำคัญของแบรนด์ นอกจากจะมีสัดส่วนการใช้จ่ายสูงแล้ว โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Y พบว่าคนกลุ่มนี้มีความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) สูงกว่ากลุ่ม Gen Z ที่เปิดกว้างมากกว่าและพร้อมเปลี่ยนแบรนด์ที่ชื่นชอบตลอดเวลา

    ในส่วนของช่องทางการใช้จ่าย นอกจากช่องทางออนไลน์ที่เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น E-Commerce หรือ Social Commerce ช่องทางหน้าร้านก็ยังคงมีความสำคัญอย่างมาก ไม่เพียงในกลุ่ม Gen X และ Baby Boomer ที่นิยมการใช้จ่ายที่หน้าร้านมากกว่าเท่านั้น

    ผลสำรวจจาก CRC VoiceShare ในเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2567 เผยว่า 50% ของผู้ตอบแบบสอบถาม ซื้อสินค้าในหมวดแฟชั่นและบิวตี้อย่างน้อย 1 รายการในช่วงเวลา 1 เดือน และนักช้อปสายลักชัวรีส่วนใหญ่ยังคงนิยมใช้จ่ายที่หน้าร้าน เนื่องจากสามารถมอบ Customer Experience ที่สะดวกสบายและมอบความรู้สึกพิเศษให้ได้มากกว่า

    แบรนด์และห้างสรรพสินค้าต่างๆ ทราบในจุดนี้ดี ดังเช่นที่มีการเปิดตัว Luxe Galerie พื้นที่แฟชั่นแห่งใหม่ใจกลางกรุง ณ ห้างเซ็นทรัล ชิดลม ที่นำเสนอแบรนด์ชั้นนำระดับโลกในรูปแบบบูทีค พร้อมไฮไลท์สำคัญอย่าง Shoes Avenue ครั้งแรกในประเทศไทย ที่ให้ลูกค้าสามารถลองและเลือกช้อปรองเท้าแบรนด์ลักชัวรีได้หลากหลายแบรนด์ ครบทุกสไตล์ในพื้นที่เดียว เป็นการนำเสนอภาพลักษณ์สมัยใหม่ที่ดึงดูดคนทุกช่วงวัยมาสัมผัสประสบการณ์การช้อปที่หน้าร้านได้อย่างดี


ภาพ: The 1 และ Unsplash


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : Dolce & Gabbana เปิดตัว ‘น้ำหอมสุนัข’ ผลตอบรับดี แต่ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำ

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine