Dolce & Gabbana เปิดตัว ‘น้ำหอมสุนัข’ ผลตอบรับดี แต่ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำ - Forbes Thailand

Dolce & Gabbana เปิดตัว ‘น้ำหอมสุนัข’ ผลตอบรับดี แต่ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำ

ผลิตภัณฑ์สำหรับสัตว์เลี้ยงกลายเป็นอีกกลุ่มเป้าหมายที่แบรนด์ลักชัวรีต่างๆ ขยับเข้ามาทำตลาดมากขึ้น ส่วนหนึ่งด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่พร้อมจ่ายเม็ดเงินเพื่อ ‘ลูกๆ’ ของพวกเขา ล่าสุด Dolce & Gabbana ออกมาสร้างเสียงฮือฮาด้วยการเปิดตัว ‘น้ำหอมสุนัข’


    ล่าสุด Dolce & Gabbana แบรนด์แฟชั่นลักชัวรีสัญชาติอิตาลีเปิดตัว Fefe ผลิตภัณฑ์ใหม่ อย่างสเปรย์น้ำหอมสำหรับสุนัขในขวดแก้วสีเขียวสดใส ขนาด 100 มิลลิลิตร โดดเด่นด้วยฝาสีแดง บนขวดยังประดับด้วยแผ่นทองคำ 24 กะรัตรูปอุ้งเท้าสุนัข ซึ่งมาพร้อมกับปลอกคอและจี้ห้อย ผลิตภัณฑ์ชุดนี้เสนอขายในราคา 99 ยูโร (ราว 108 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 3,800 บาท)

    สุคนธกรผู้ปรุงน้ำหอมกลิ่นใหม่นี้คือ Emilie Coppermann โดยได้รับแรงบันดาลใจจากความรักที่ปราศจากเงื่อนไขของ Domenico Dolce แฟชั่นดีไซเนอร์ชื่อดังผู้ร่วมก่อตั้ง Dolce & Gabbana ที่มีต่อ Fefe สุนัขของเขา กลิ่นใหม่นี้เกิดจากการผสมผสานของกระดังงาและมัสก์ที่ให้ความรู้สึกสดชื่นละเอียดอ่อน เติมความหอมนุ่มนวลของไม้จันทน์ ทั้งยังปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์

    สำหรับวิธีการใช้ Fefe นั้นสามารถฉีดน้ำหอมบริเวณลำตัวของสุนัขได้โดยตรง แต่หลีกเลี่ยงบริเวณจมูก และมีเทคนิคสำหรับสุนัขที่ซุกซนอยู่ไม่ค่อยนิ่ง แนะนำให้ฉีดน้ำหอมใส่มือแล้วลูบไปบนขนของสุนัขบริเวณกลางลำตัวไปจนถึงหาง หรือจะฉีดน้ำหอมใส่แปรงแล้วแปรงขนสุนัขก็ได้

    “เรากำลังส่ง Fefe ไปทั่วยุโรป สหรัฐอเมริกา และจากนั้นก็จะค่อยๆ ขยายออกไปอีก ตอนนี้ก็มีวางจำหน่ายออนไลน์แล้ว” Stefano Gabbana อีกหนึ่งผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์เผยผ่านสำนักข่าว Corriere della Sera ของอิตาลี “เสียงตอบรับจากตลาดก็ดีครับ ทุกคนตื่นเต้นหลังเราประกาศออกไป”


    แน่นอนว่ามีผู้ที่เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัย ซึ่งเว็บไซต์ของ Dolce & Gabbana ระบุว่าน้ำหอม Fefe มีใบอนุญาตผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางสำหรับสัตว์เลี้ยง ได้รับการรับรองโดยสัตวแพทย์ ผ่านการทดสอบความปลอดภัย เป็นที่ชื่นชอบของสุนัข มีความอ่อนโยนและติดทนนานทั้งวัน นอกจากนี้ในวิดีโอแนะนำ Fefe บนแพลตฟอร์ม X ทางแบรนด์ยังระบุว่าไม่มีสัตว์ได้รับอันตรายจากแคมเปญนี้

    อย่างไรก็ตาม ประเด็นอาจไม่ได้อยู่ที่ส่วนผสมที่ปลอดภัยและผ่านมาตรฐานเพียงอย่างเดียว ราชสมาคมเพื่อป้องกันการทารุณกรรมสัตว์ (RSPCA) ของสหราชอาณาจักรเตือนว่าไม่ควรใช้น้ำหอมกับสัตว์เลี้ยง โดยเฉพาะสุนัขที่ไวต่อการรับกลิ่นมากเป็นพิเศษ

    Alice Potter เจ้าหน้าที่ด้านวิทยาศาสตร์อาวุโสของ RSPCA กล่าวว่า “สุนัขต้องพึ่งพาประสาทการรับกลิ่นเพื่อการสื่อสาร และใช้เพื่อปฏิสัมพันธ์กับสิ่งแวดล้อมรวมถึงมนุษย์และสัตว์อื่นๆ ดังนั้นเราจึงแนะนำให้หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นแรงอย่างน้ำหอมหรือสเปรย์ ยิ่งกลิ่นบางกลิ่นอาจสร้างความรำคาญให้กับสุนัขด้วย”

    “สุนัขมีเซลล์รับกลิ่นมากถึง 300 ล้านเซลล์ ในขณะที่มนุษย์มีเพียง 6 ล้านเซลล์ ดังนั้นคุณอาจนึกภาพได้ว่าการฉีดน้ำหอมให้สุนัขจะรบกวนประสาทการรับกลิ่นของมัน” Katie Gwilt ผู้เชี่ยวชาญด้านสุคนธบำบัดและพฤติกรรมสัตว์เลี้ยงบอกกับ The Daily Mail “พวกมันอาจสับสนว่ากลิ่นตัวเปลี่ยน อาจถึงขั้นตกใจว่ามีสิ่งผิดปกติ”

    น้ำหอมสำหรับสุนัขไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ Dolce & Gabbana นับเป็นแบรนด์ระดับลักชัวรีรายแรกที่ทำผลิตภัณฑ์ชนิดนี้ แบรนด์ลักชัวรีอื่นๆ ที่หันมาจับตลาดสัตว์เลี้ยงมักมุ่งไปที่ตลาดเครื่องประดับ อุปกรณ์เสริม และกระเป๋ามากกว่า เช่น Christian Louboutin มีทั้งสายรัดอกและสายจูงสุนัขผลิตจากหนังลูกวัวโดยช่างฝีมือในอิตาลี, ส่วน Prada มีกระเป๋าใส่อุปกรณ์สัตว์เลี้ยงโดย, แบรนด์ Hermes มีที่นอนสุนัขจากไม้โอ๊ก เบาะหนังแกะ และผ้าระบายอากาศ ฯลฯ

    รายงานของ Bloomberg เมื่อปี 2023 ที่ผ่านมาคาดการณ์ว่าภายในปี 2030 อุตสาหกรรมสัตว์เลี้ยงทั่วโลกที่รวมทั้งสุขภาพ อาหาร และเภสัชภัณฑ์จะเติบโตมีมูลค่าแตะ 5 แสนล้านเหรียญจาก 3.2 แสนล้านเหรียญในปีนั้น

    Diana Rosero-Pena นักวิเคราะห์จาก Bloomberg กล่าวว่า “เราเห็นตัวเลขที่ผู้บริโภคใช้จ่ายไปกับสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นอย่างมาก และคาดว่าจะเป็นอย่างนี้ไปจนปี 2030 ผู้บริโภคต่างเต็มใจจะจ่ายเงินซื้อของสำหรับสุนัขมากขึ้นเรื่อยๆ ค่ะ”


แหล่งที่มา:

DOLCE&GABBANA FEFE

‘Delicate, authentic, charismatic’: Dolce & Gabbana launches €99 dog perfume

Why Dolce & Gabbana’s Rs 9,000 dog perfume is raising a stink


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ลอรีอัล กรุ๊ป อวดยอดขายครึ่งปีแรกโต 7.3% อานิสงส์ตลาดเกิดใหม่ขยายตัวทดแทนตลาดจีนที่ซบเซา

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine