'ไทวัสดุ' เผย หลังปรับโมเดลธุรกิจเป็น White Format โดยผนึกกำลังร่วมกับ 'บีเอ็นบี โฮม' ในการเป็นศูนย์รวมจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้รับเหมา ควบคู่ไปกับการจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านตอบโจทย์กลุ่มลูกค้ารายย่อย ช่วยหนุนยอดขายปี 2566 โตขึ้น 30% พร้อมรุกตลาดในปีนี้ขยายสาขาเพิ่มรวมทั้งหมดเป็น 16 แห่ง
บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยถึงกลยุทธ์การใช้โมเดลธุรกิจ White Format (ไฮบริดสโตร์) ที่ผสานความแข็งแกร่งของทั้ง 2 แบรนด์ อย่าง 'ไทวัสดุ x บีเอ็นบี โฮม' ในการเชื่อมโยงศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือช่าง สินค้าโครงสร้าง เครื่องใช้ไฟฟ้า เฟอร์นิเจอร์ และสินค้าตกแต่งบ้าน มารวมไว้ที่เดียวกัน โดยโมเดลดังกล่าวช่วยหนุนรายได้ปี 2023 โตเพิ่มจากโมเดลธุรกิจแบบเดิมกว่า 30%
ทั้งนี้ ไทวัสดุได้ริเริ่ม New Business Model ในรูปแบบไฮบริดสโตร์ ที่เรียกว่า White Format เป็นโมเดลทดลองแห่งแรกในจังหวัดภูเก็ต ในปี 2562 โดยได้ผลตอบรับเป็นอย่างดี
ต่อมาในปี 2564 จึงได้เปิดตัว White Format อย่างเต็มรูปแบบครั้งแรกที่สาขาศรีสมาน จังหวัดนนทบุรี และได้รุกขยายเปิดสาขาเพิ่มขึ้นทั่วทุกภูมิภาคมาอย่างต่อเนื่อง
สำหรับในปี 2567 จะมี White Format รวมทั้งสิ้น 16 สาขา ได้แก่ ศรีสมาน, บางแสน, รังสิต คลอง4, ภูเก็ต ฉลอง, เมืองเอก, สมุทรปราการ, เชียงใหม่ สันทราย, บางใหญ่ ,นครอินทร์, อุดรธานี กุดสระ, พระราม 3 , บางนา, บางบัวทอง, สุขาภิบาล 3, ขอนแก่น และภูเก็ต
สุทธิสาร จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีอาร์ซี ไทวัสดุ จำกัด ในเครือเซ็นทรัล รีเทล เผยว่า การปรับโมเดลธุรกิจให้เป็น White Format (ไฮบริดสโตร์) ถือเป็น Game Changer ที่เข้ามาพลิกวงการค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน
"ไทวัสดุถือเป็นรายแรกที่นำโมเดลดังกล่าวมาใช้เป็นเจ้าแรกในตลาด ที่จะเน้นปักหมุดตามหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพสูง มีพื้นที่กว่า 20,000 ตร.ม. ให้บริการไลน์สินค้าครบทุกหมวดหมู่มากกว่า 50,000 รายการ ทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้างรวมถึงของตกแต่งบ้านที่เน้นความหลากหลายและพรีเมียมมากขึ้น ช่วยตอบโจทย์ลูกค้าในเมืองที่เป็นกลุ่ม Mid-to-High ที่มีกำลังซื้อสูงได้เป็นอย่างดี" สุทธิสาร กล่าว
โดยกุญแจสำคัญของ White Format คือ การนำ Insight และ Shopping lifestyle ของลูกค้าทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายของสินค้า คุณภาพ ราคา รวมถึงการบริการ และช่องทางการขายจนได้เป็นกลยุทธ์ที่สร้างความสำเร็จของ White Format ดังนี้
1. White Format Revolution ปราฏการณ์ใหม่ของวงการค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและสินค้าตกแต่งบ้าน ในรูปแบบไฮบริดสโตร์ซึ่งมีการพัฒนาไลน์สินค้าเพื่อตอบโจทย์ตามเป้า Customer Mix ที่แบ่งเป็นลูกค้าเจ้าของบ้านเพิ่มขึ้น 60% และลูกค้ากลุ่มช่าง ผู้ประกอบการ 40%
2. Product Variety, Branded and House Brand เพิ่มความหลากหลายของไลน์สินค้าและครบครันมากขึ้นทั้งแบรนด์ชั้นนำและ House brand รวมมากกว่า 50,000 รายการ ได้แก่ วัสดุก่อสร้าง เครื่องมือและอุปกรณ์งานช่าง ตลอดจนสินค้าของตกแต่งในบ้านอีกมากมาย
3. Product Premiumization ยกระดับประสบการณ์การตกแต่งบ้านสู่ความพรีเมียม เพื่อตอบโจทย์กลุ่มลูกค้า Mid-to-High และ High-End
4. Upgrade Shopping Ambience การอัพเกรดสินค้าและบรรยากาศ ด้วยความร่วมมือกับคู่ค้าพันธมิตร
5. Reachable & Localized Location การเปิดสาขาให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค และเร่งขยายอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นในกลุ่มหัวเมืองใหญ่ที่มีศักยภาพสูง ซึ่งภายในปี 2567 นี้จะเปิด White Format รวมเป็น 16 สาขา และยังคงรุกขยายเปิดสาขาอย่างต่อเนื่องในปีต่อไป
อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารของไทวัสดุ ยังกล่าวด้วยว่า นอกเหนือจากการรุกขยายสาขาในปีนี้ทั้งหมด 16 สาขาแล้ว ในปีหน้ายังมีแผนที่จะขยายเพิ่มอีก 10 สาขา โดยแต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนมากกว่าปกติที่ 50 ล้าน เป็น 100 ล้านบาท และถึงแม้ปัจุจุบันธุรกิจรับสร้างบ้านใหม่จะชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจแต่กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นเจ้าของบ้านหลังเดิมก็ยังคงมีการต่อเติมหรือซ่อมแซ่มบ้านใหม่อยู่อย่างต่อเนื่อง
ภาพ : ไทวัสดุ
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : MAGURO แรงต่อไม่หยุด เปิดตัว CouCou แบรนด์ที่ 5 ส่งท้ายปี 67 เตรียม Soft Opening 25 ธันวาคมนี้
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine