เนสท์เล่ ประกาศแผนปี 67 มุ่งขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อผู้บริโภค ผ่านแคมเปญ “คำเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่” - Forbes Thailand

เนสท์เล่ ประกาศแผนปี 67 มุ่งขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อผู้บริโภค ผ่านแคมเปญ “คำเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่”

กว่า 130 ปี ที่เนสท์เล่ ผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มรายใหญ่ระดับโลก ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ด้วยความมุ่งมั่นในการเปิดพลังแห่งอาหาร เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคนในวันนี้และในอนาคต ได้ประกาศแผนดำเนินธุรกิจปี 2567 เพื่อขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อผู้บริโภค ผ่านแคมเปญใหญ่ "คำเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่" ตอบโจทย์แนวทางการกินอยู่อย่างสมดุล พร้อมเร่งเครื่องลงทุนตามแผน 5 ปี 8,000 ล้านบาท สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน

วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า เนสท์เล่ ได้ดำเนินธุรกิจในประเทศไทยครบ 130 ปี ในปี 2566 ที่ผ่านมา และปี 2567 นี้ บริษัทยังคงมุ่งมั่นสานต่อเจตนารมณ์ในการเปิดพลังแห่งอาหาร เพื่อเพิ่มพูนคุณภาพชีวิตที่ดีสำหรับทุกคนในวันนี้และในอนาคต ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์อาหารที่อร่อย มีคุณค่าโภชนาการ ในราคาเข้าถึงได้ เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การกินอยู่อย่างสมดุลของผู้บริโภคชาวไทย และความต้องการของคนทุกช่วงวัย ด้วยกลยุทธ์ขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อผู้บริโภค (Good for You) และขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet)


จากผลสำรวจโดย Mintel Research พบว่า 70% ของผู้บริโภคชาวไทยเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อการดูแลสุขภาพที่ดีแบบองค์รวม ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจ ขณะที่ผลสำรวจโดยเนสท์เล่และคันทาร์ ในปี 2022 พบว่า 91% ของผู้บริโภคต้องการรับประทานอาหารที่ดี และต้องการให้คนในครอบครัวมีการกินอยู่อย่างสมดุล แต่มีเพียง 42% ที่สามารถใช้ชีวิตด้วยการกินอยู่อย่างสมดุล โดย 3 ปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถกินอย่างสมดุลได้ 1.อาหารเพื่อสุขภาพมีราคาแพง 2.ผู้บริโภคอยากสร้างความสุขเล็กน้อยด้วยการกินของหวาน และ 3.ไม่มีเวลาเตรียมอาหาร

"เนสท์เล่ ระดับโลกมีการลงทุนวิจัยและพัฒนา โดยใช้งบประมาณกว่า 7 หมื่นล้านบาทต่อปี มีการนำอินไซต์ของผู้บริโภคมาศึกษา วิจัยและพัฒนา โดยใช้ความเชี่ยวชาญในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอาหาร ที่มีศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 23 แห่งและศูนย์เทคโนโลยีผลิตภัณฑ์อีก 10 แห่งทั่วโลก เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพสูง มีคุณค่าทางโภชนาการ รสชาติอร่อย ในราคาเข้าถึงได้ ในประเทศไทยเราได้จัดพอร์ตอาหารและเครื่องดื่มให้ตอบโจทย์การกินอยู่อย่างสมดุลของผู้บริโภคชาวไทยในทุกช่วงวัย"

​ขยายพอร์ตสินค้าเพื่อสุขภาพ

สำหรับแผนดำเนินธุรกิจในปี 2567 เนสท์เล่ได้จัดกลุ่มสินค้าเพื่อตอบโจทย์การกินอยู่อย่างสมดุล โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่ม ประกอบด้วย

1. กลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อการบริโภคทุกวัน (Everyday Goodness) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของเนสท์เล่ เช่น เนสกาแฟ ไมโล นมตราหมี เนสวีต้า น้ำดื่มเนสท์เล่ เพียวไลฟ์ น้ำแร่ธรรมชาติมิเนเร่ และแม็กกี้

​2. กลุ่มผลิตภัณฑ์ด้านโภชนาการเฉพาะกลุ่ม (Tailored Nutrition) คือผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจงของผู้บริโภคบางกลุ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มธุรกิจ เนสท์เล่ เฮลท์ ไซเอนซ์ และผลิตภัณฑ์เพื่อโภชนาการเด็ก เช่น ผลิตภัณฑ์แบรนด์เอส 26 ตราหมี คาร์เนชั่น และแนน

​3. กลุ่มผลิตภัณฑ์ของว่าง (Mindful Indulgence) ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่สามารถรับประทานได้อย่างพอประมาณ เพื่อสร้างสมดุลที่ดีทางจิตใจ อาทิ ไอศกรีมเนสท์เล่ คิทแคท เนสท์เล่ คอฟฟีเมต รวมถึงเครื่องดื่มเนสท์เล่ ที่จำหน่ายในช่องทางการบริโภคนอกบ้าน

​โดยเนสท์เล่จะเดินหน้าสร้างการเติบโตในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ผ่าน 2 กลยุทธ์หลัก กลยุทธ์แรก คือการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ เน้นนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีรสชาติอร่อย มีคุณค่าทางโภชนาการ โดยลดน้ำตาลและโซเดียม ผ่านการรับรองสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ ซึ่งปัจจุบันเนสท์เล่มีผลิตภัณฑ์ที่ได้รับการรับรองฯ แล้วกว่า 100 รายการ สูงสุดในบรรดาบริษัทอาหารและเครื่องดื่มในประเทศไทย นอกจากนี้จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เสริมแร่ธาตุและวิตามิน สำหรับโภชนาการเฉพาะกลุ่ม เช่น ผลิตภัณฑ์นมสำหรับเด็กและผู้ใหญ่

กลยุทธ์ที่สอง คือการส่งเสริมการรับประทานอย่างสมดุล และทำการตลาดอย่างมีความรับผิดชอบ โดยเฉพาะกลุ่มผลิตภัณฑ์ของว่าง อย่างไอศกรีมที่มีการปรับสูตรให้ผู้บริโภครับประทานได้อย่างพอเหมาะ โดยให้พลังงานเพียง 110 กิโลแคลอรีหรือน้อยกว่า ขนมแบบมัลติเสิร์ฟสำหรับบริโภคหลายคน โดยจะระบุปริมาณการรับประทานที่เหมาะสมในแต่ละมื้ออย่างชัดเจนบนบรรจุภัณฑ์ "พร้อมส่งต่อผลิตภัณฑ์ในราคาเข้าถึงได้ โดย 40% ของผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเนสท์เล่ มีราคาต่ำกว่า 10 บาทต่อหน่วย" วิคเตอร์ระบุ


เปิดตัวแคมเปญ "คำเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่"

ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้คนไทยเลือกรับประทานให้สมดุล เนสท์เล่ ประเทศไทย ได้เปิดตัวแคมเปญ "คำเล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่" (Every Little Bite Matters) เพื่อจุดประกายให้คนไทยลองเปลี่ยนคำเล็กๆ ในมื้ออาหาร สร้างสมดุลในทุกวัน เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงในอนาคต

​วิคเตอร์ กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของแคมเปญนี้มาจากการที่ไทย เป็นเมืองแห่งอาหาร มีอาหารให้ลิ้มลองหลากหลายประเภท วัฒนธรรมการกินอาหารของคนไทย ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการของร่างกาย แต่ยังตอบสนองด้านอารมณ์ และสังคมอีกด้วย เป้าหมายของเนสท์เล่ จึงต้องการให้คนไทยเข้าถึงอาหารที่คุณภาพดี มีคุณค่าทางโภชนาการ เพราะเชื่อว่าอาหารทุกคำสามารถสร้างผลลัพท์ที่ยิ่งใหญ่ได้ โดยมุ่งให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับการรับประทานอาหารอย่างสมดุลผ่านวิธีง่ายๆ เช่น การจับคู่เพิ่มประโยชน์ให้อาหาร การควบคุมปริมาณให้เหมาะสมกับความต้องการของร่างกาย และการจัดมื้ออาหารให้สมดุล

นอกจากนี้ เนสท์เล่ได้จัดกิจกรรมเดินสายให้ความรู้คนไทยผ่านโครงการ "ภารกิจพิชิตสุขภาพดี" และกิจกรรมเนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรง โดยร่วมมือกับภาครัฐและเอกชน เพื่อขับเคลื่อนสังคมไทยก้าวสู่การกินอยู่อย่างสมดุล ตั้งเป้าเข้าถึงผู้บริโภคกว่า 120,000 คน ใน 200 ชุมชนทั่วประเทศในปี 2567 นี้


​พร้อมกันนี้ เนสท์เล่ ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อนสิ่งดีๆ เพื่อโลกของเรา (Good for the Planet) ผ่านกิจกรรมตามแผนงานด้านความยั่งยืนตลอดหลายปีที่ผ่านมา เพื่อก้าวสู่เป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2050 และมีความคืบหน้าตามแผนดำเนินงานระยะสั้น ภายในปี 2025 ได้แก่ การดูแลทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน ปัจจุบันโรงงานน้ำดื่มของเนสท์เล่ที่อยุธยาสามารถชดเชยน้ำกลับคืนสู่ชุมชนและสิ่งแวดล้อมได้ 100% การจัดหากาแฟและน้ำนมดิบอย่างยั่งยืน 100% ตั้งเป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้ 20% ในปี 2025 และการเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้ ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนถึง 96%

เนสท์เล่ ยังมีการลงทุนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยมีแผนลงทุน 5 ปี (พ.ศ. 2564 – 2569) ใช้งบประมาณ 8,000 ล้านบาท ในการขยายโรงงานผลิตนม UHT ที่นวนคร และโรงงานผลิตอาหารแมวเกรดพรีเมียม ที่นิคมอมตะ เพื่อตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว

​วิคเตอร์ เซียห์

"เนสท์เล่ มุ่งมั่นดำเนินธุรกิจในประเทศ โดยยึดมั่นในแนวทาง ESG ทุกมิติ ทั้งสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ตามมาตรฐานสูงสุดตลอดห่วงโซ่คุณค่า เพราะเราเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่นำไปสู่ความสำเร็จในระยะยาว" วิคเตอร์กล่าวทิ้งท้าย