MUJI ตอกย้ำตลาดประเทศไทยยังมีศักยภาพ เปิดสาขาขนาดบิ๊กไซส์ใหม่เป็นสาขา 26 ที่ ดิ เอ็มควอเทียร์ ขนาดกว่า 1,500 ตร.ม. ยกทัพสินค้าจัดจำหน่ายมากกว่า 3,000 รายการ เดินเครื่องกลยุทธ์เปิดสาขาบิ๊กไซส์ต่อเนื่อง รับกำลังซื้อจากผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศฟื้นตัวแย้มแผนเปิดสาขาใหม่อีก 8-10 สาขาภายในปี 2566
อกิฮิโร่ คาโมการิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มูจิ รีเทล (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ประเทศไทยยังเป็นตลาดที่มีศักยภาพ เนื่องจากผู้บริโภคในประเทศนิยมบริโภคสินค้าคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น และยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆ ที่คนทั่วโลกนิยมเข้ามาท่องเที่ยว ทำให้มีกำลังซื้อจากทั้งในและต่างประเทศ จากการที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวหลังเปิดประเทศเต็มตัว ล่าสุด MUJI เปิดสาขาใหม่ในศูนย์การค้า ดิ เอ็มควอเทียร์ เป็นสาขาที่ 26 ในประเทศไทย ด้วยขนาดร้านกว่า 1,500 ตร.ม. ครอบคลุมพื้นที่เกือบทั้งชั้น 2 ของอาคาร Building B ซึ่งมีสินค้าวางจำหน่ายมากกว่า 3,000 รายการ ดิ เอ็มควอเทียร์ นับว่าเป็นอีกหนึ่งศูนย์การค้าที่ได้รับความนิยม และเป็นที่รู้จักของคนไทย ชาวต่างชาติที่อาศัยและทำงานในประเทศไทย รวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยว ตั้งอยู่ในย่านธุรกิจ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของเมืองที่มีกิจกรรมขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งของประเทศ เนื่องจากตั้งอยู่บนถนนสุขุมวิท ซึ่งเป็นย่านที่พักอาศัย อาคารสำนักงาน สถานที่ราชการและสำนักงานขององค์กรระดับนานาชาติ ดังนั้นจึงเป็นพื้นที่ที่มีความท้าทาย ด้วยความต้องการและพฤติกรรมการบริโภคที่หลากหลายและแตกต่าง มูจิ ดิ เอ็มควอเทียร์ จึงถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง คนวัยทำงาน ครอบครัว นักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติที่พักอาศัยในประเทศไทย เพื่อเป็นแหล่งช้อปปิ้ง ที่แฮงเอ้าท์ของคนรุ่นใหม่ที่มองหาไลฟ์สไตล์ที่แตกต่าง มีเอกลักษณ์ ให้ปลีกตัวจากชีวิตเร่งรีบใจกลางกรุงเทพฯ มาสู่บรรยากาศที่มินิมัล อบอุ่น สะดวกสบาย ตามแบบฉบับของมูจิที่สามารถจับจ่ายสินค้าและใช้บริการ รวมทั้งพักผ่อนดื่มกาแฟ รวมทั้งรับประทานอาหาร ได้ตามความต้องการอย่างลงตัว ทั้งนี้ MUJI The EmQuartier สาขาที่ 26 เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การเปิดสาขาขนาดใหญ่ (Big size) เพื่อรองรับดีมานด์ของสินค้าและบริการแบบฉบับญี่ปุ่นของผู้บริโภคได้อย่างครบครัน หลังจากเปิดสาขาแรกที่สามย่าน มิตรทาวน์ ซึ่งเป็นต้นแบบคอนเซ็ปต์สโตร์ ที่มีสินค้าและบริการครบครัน รวมถึงร้านกาแฟสาขาแรก เมื่อปี 2562 และในปี 2564 ได้เปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 5 สาขา รวมทั้งปรับโฉมสาขาเดิมให้มีพื้นที่ใหญ่ขึ้นอีก 2 สาขา โดยการต่อยอดโมเดลร้านขนาดใหญ่ มีเป้าหมายเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีและมากกว่าให้ผู้บริโภค ทั้งนี้มูจิมีแผนเพิ่มสาขาอีก 8-10 สาขาภายในปี 2566 จากการดำเนินกลยุทธ์ขยายสาขาในทำเลศักยภาพอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูจิมียอดขายที่เติบโตมากขึ้นอย่างต่อเนื่องและมั่นคง และช่วยขยายฐานลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น ด้วยจุดเด่นของสินค้าที่ผลิตอย่างพิถีพิถัน มีเรื่องราวที่มาและเป็นเอกลักษณ์ที่ยากจะลอกเลียนแบบ จึงสามารถตอบโจทย์คนทุกเพศทุกวัย ปัจจุบันลูกค้าจะมีสัดส่วนของผู้หญิงมากที่สุดกว่าร้อยละ 60 เรียงลำดับกลุ่มอายุตามลำดับ คือ 1. อายุ 25-34 ปี 2. อายุ 35-44 ปี และ 3. อายุ 45-54 ปี โดยมีแผนขยายกลุ่มลูกค้าไปสู่คนรุ่นใหม่ที่เป็นกลุ่มนักศึกษาอายุระหว่าง 18-24 ปี จนถึง First Jobber (เฟิร์ส จ๊อปเบอร์) และวัยทำงานอายุระหว่าง 25-34 ปี ตลอดจนกลุ่มวัยกลางคน รวมถึงการเตรียมทำการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มผู้ชายให้มากขึ้นอีกด้วย นอกจากการใช้กลยุทธ์ปรับราคาสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายขึ้น และยังเดินหน้า กลยุทธ์ Mass Marketing สร้างการรับรู้ในวงกว้าง ด้วยการเลือกใช้ KOL และ Influencer ชื่อดัง รวมถึง Micro Influencer และ YouTuber ในกลุ่มที่รักในแบรนด์สินค้ามูจืเพื่อสร้างการรับรู้ให้ขยายในวงกว้าง ผสานกับแนวคิดการตลาด Localization ที่มีการออกแบบสินค้าเฉพาะภูมิภาคและท้องที่ เช่น เสื้อผ้าคอลเล็กชันใหม่ที่มีการปรับดีไซน์ให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศ รวมถึงให้ดูเป็นทางการมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์การสวมใส่เสื้อผ้าของคนไทยที่นิยมใส่ได้หลายโอกาส ทั้งใส่ทำงานและสามารถออกไปแฮงเอาท์ได้ ซึ่งได้เลือกใช้นางแบบนายแบบคนไทยในการทำ Lookbook คอลเลคชันล่าสุดอีกด้วย หรือสินค้าทำความสะอาดบ้าน ที่มีวางจำหน่ายเฉพาะประเทศไทยและในภูมิภาคเท่านั้น เป็นต้น รวมถึงการผลิตสินค้าโดยใช้วัตถุดิบในท้องถิ่นนั้นๆ อีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีการขยายสู่ Online Platform ส่งผลให้แบรนด์เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในฐานะแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์ที่ครบถ้วน ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย เครื่องใช้ในบ้าน เฟอร์นิเจอร์ เครื่องเขียน และ Coffee Corner อาหารเครื่องดื่ม สะท้อนภาพลักษณ์ “MUJI ไม่ใช่แค่ แบรนด์สินค้า แต่คือชีวิตประจำวันของทุกคน” “การออกแบบร้านมูจิ ดิ เอ็มควอเทียร์ ได้แรงบันดาลใจจากแนวคิด ‘ความเรียบง่ายและเป็นธรรมชาติ’ ตกแต่งบรรยายกาศภายในร้านให้รู้สึกอบอุ่น สบายตา มินิมัล ด้วยโทนสีและการจัดวางสินค้าที่เป็นสไตล์มูจิผสานเข้ากับความเป็นท้องถิ่น ตามแนวคิด Localization โดยใช้ไม้เก่าที่คัดสรรจากพื้นที่ทุกภูมิภาคของประเทศไทยมาเป็นวัสดุในการตกแต่งร้าน ครบครันด้วยสินค้ากว่า 3,000 รายการ ทั้งเสื้อผ้าเครื่องแต่งกายชายและหญิง รวมถึงโซนซิกเนเจอร์ MUJI Coffee Corner มุมกาแฟ ที่ขยายพื้นที่เพิ่มขึ้นเป็นพิเศษ พร้อมกับตกแต่งฝาผนังด้วยสินค้ามูจิดีไซน์แปลกใหม่ แต่ยังคงความเป็นมูจิได้เป็นอย่างดี มี Light Meal & Bakery อาหารรองท้องและเบเกอรี่ พร้อมเปิดตัวเมนูพิเศษจากหลากหลายผลิตภัณฑ์อาหารเพิ่มรสชาติความแปลกใหม่ และของหวานเมนูพิเศษที่จะวางจำหน่ายเฉพาะสาขานี้ โซนเครื่องใช้ในบ้านและเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน และ Interior Consultation Service โซน MUJI Green ต้นไม้กระถาง ไม้ประดับรวมถึง Normal Shop ผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกที่ใช้เป็นประจำทุกวันอย่าง สบู่ แชมพู น้ำยาทำความสะอาด ที่ผลิตด้วยแนวคิด Zero Waste เติมเต็มวิถีชีวิตแบบกรีนลีฟวิ่ง (Green Living) และสะท้อนการเป็นแบรนด์ที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของมูจิ โซน MUJI Yourself ออกแบบลวดลายบนสินค้ากระดาษ โซน Embroidery บริการปักผ้าบนสินค้าของมูจิ” คาโมการิกล่าว อ่านเพิ่มเติม: บางกอก เปเปอร์ บิสสิเนส จับมือ YUPO CORPORATION เดินหน้าวัสดุสิ่งพิมพ์ฉลากเพื่อสิ่งแวดล้อมไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine