กระแสคาแร็กเตอร์และอาร์ตทอยยังคงแรงต่อเนื่อง! ‘กลุ่มเดอะมอลล์’ ประกาศแคมเปญใหญ่รับเทศกาลปีใหม่นี้ ทุ่ม 500 ล้านบาทดึงคาแร็กเตอร์สุดคิวท์จากญี่ปุ่น ‘Monchhichi’ (มอนชิชิ) นำเสนอประสบการณ์ในเทศกาลปีใหม่รูปแบบใหม่ที่ผสมผสานความอบอุ่นแบบไทยเข้ากับ Soft Power ของญี่ปุ่นครั้งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไฮไลต์สำคัญ “ต้นคริสต์มาสสูง 12 เมตร” และ “หุ่น Monchhichi สูงเท่าตึกสองชั้น!”
เป็นประจำทุกปีที่ในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ เหล่าศูนย์การค้าต่างๆ จะจัดแคมเปญใหญ่ผ่านการสร้างสีสันและตกแต่งศูนย์การค้าด้วย “ธีม” ต่างๆ ที่แตกต่างกันไปแต่ละปี พร้อมออกโปรโมชั่นที่เข้ากับธีม เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสุขและกระตุ้นการจับจ่ายในช่วงโค้งสุดท้าย
ล่าสุดในปีนี้ หนึ่งในอาณาจักรค้าปลีกเบอร์ต้นๆ ของไทยอย่าง “กลุ่มเดอะมอลล์” ก็ประกาศแคมเปญสำหรับปีนี้ “MONCHHICHI x THE MALL GROUP THE GREAT NEW YEAR 2026” โดยเป็นการดึงคาแร็กเตอร์ระดับโลกจากประเทศญี่ปุ่น “มอนชิชิ” (Monchhichi) มาเป็นพระเอกของแคมเปญในปีนี้

วรลักษณ์ ตุลาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า “ช่วงปลายปีถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของธุรกิจค้าปลีกและการท่องเที่ยว การสร้างบรรยากาศแห่งความสุขและพลังบวกในศูนย์การค้า ห้างสรรพสินค้า ไม่เพียงแต่เป็นการส่งต่อรอยยิ้ม แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจปลายปีอย่างมีนัยสำคัญ เดอะมอลล์ กรุ๊ป จึงมุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ที่ตอบโจทย์ความสนุกสนาน มีเอกลักษณ์ และดึงดูดผู้คนทุกกลุ่ม ตั้งแต่ครอบครัว คนรุ่นทำงาน ไปจนถึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ”
สำหรับแคมเปญต้อนรับปีใหม่ 2569 เดอะมอลล์ กรุ๊ปยกระดับประสบการณ์เฉลิมฉลองสู่มาตรฐานสากล มุ่งสร้างภาพลักษณ์กรุงเทพฯ และประเทศไทยให้เป็น ‘แลนด์มาร์กแห่งการฉลองปีใหม่ของภูมิภาค’ พร้อมผสาน Soft Power ด้านวัฒนธรรมกับอุตสาหกรรมรีเทล
โดยร่วมมือกับบริษัทเซกิกูชิ (Sekiguchi) ผู้สร้างสรรค์คาแร็กเตอร์มอนชิชิ (Monchhichi) ครั้งแรกนอกญี่ปุ่น สร้างสรรค์แคมเปญ MONCHHICHI x THE MALL GROUP THE GREAT NEW YEAR 2026 มอบประสบการณ์ความสุขในรูปแบบใหม่ ผสมผสานเสน่ห์ญี่ปุ่นเข้ากับความอบอุ่นแบบไทย
โดยถือเป็นการตลาดเชิงประสบการณ์ (Experience Marketing) ที่ผสมผสานพลังจาก Global Brand สู่ความเป็น Local Culture ของไทย ด้วยกระแสความนิยมของตลาดอาร์ตทอยและคาแร็กเตอร์เซเลบริตี้ ที่กำลังเติบโตทั่วโลกอย่างต่อเนื่อง จากพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่ม Millennials และ Gen Z ที่มองของสะสมเป็นทั้งงานศิลปะและเครื่องแสดงตัวตน
“ลูกค้าของเดอะมอลล์ชาวไทยก็ชอบไปญี่ปุ่น อีกทั้งกระแส Art Toy Culture และคาแร็กเตอร์ ก็เป็นเทรนด์ที่รุนแรงมากในช่วง 2-3 ปีมานี้ เราจึงเชื่อว่ามอนชิชิจะเป็นคาแร็กเตอร์ที่ดึงลูกค้าได้ ซึ่งความพิเศษในครั้งนี้คือเป็นครั้งแรกที่บริษัทเจ้าของมอนชิชิจะมอบประสบการณ์แบบเต็มรูปแบบนอกญี่ปุ่น โดยเราพัฒนาร่วมกัน 6-7 เดือน ทำให้จะเห็นมอนชิชิอยู่ในการตกแต่งในทุกศูนย์การค้าของเดอะมอลล์ รวมถึงมีสินค้าคอลเลกชั่นพิเศษอีกมากมายด้วย”

สำหรับเดอะมอลล์ กรุ๊ป การนำมอนชิชิ (Monchhichi) เข้ามาเป็นไฮไลต์ของเทศกาลปีใหม่นี้ ครอบคลุมในทุกมิติ
• บรรยากาศการตกแต่ง ‘มอนชิชิ คริสต์มาสธีม’ (Monchhichi Christmas Theme) ตลอดจนคาแร็กเตอร์มอนชิชิ ที่ถูกถ่ายทอดลงบนกระดาษห่อของขวัญและถุงช็อปปิ้งลวดลายพิเศษ ดีไซน์ขึ้นเฉพาะเทศกาลนี้ ที่ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ เอ็มโพเรียม และพารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์
• พรีเมี่ยม มอนชิชิ ลิมิเต็ด คอลเลคชัน (Monchhichi Limited Collection) เมื่อช็อปปิ้งภายใต้แคมเปญครบตามกำหนดภายในศูนย์ฯ และห้างฯ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์, เอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ เอ็มสเฟียร์ พารากอน ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ รับทันที ‘มอนชิชิ ลิมิเต็ด คอลเลคชัน’ (Monchhichi Limited Collection) เช่น Monchhichi Bottle, Blanket, Tote Bag , Shopping Bag และ Tumbler โดยมีสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก M Card และ Bangkok Bank M Visa ตามเงื่อนไขที่กำหนด
• มอนชิชิ ไทย ไทย คอลเลคชั่น (Monchhichi THAI THAI Collection) Exclusive Collections & First Launch เฉพาะประเทศไทย ภายในแผนก BETREND ที่ห้างฯ ในเครือเดอะมอลล์กรุ๊ปเท่านั้น นำเสนอสินค้าลิขสิทธิ์แท้จากญี่ปุ่น พร้อม Thailand Exclusive Collection เช่น Monchhichi ชุดมวยไทย, ลูกช้าง, ชุดนักเรียนไทยชาย-หญิง เป็นต้น

• Monchhichi Holiday Store - The First-ever Pop-Up Concept Store in Thailand ที่เอ็มโพเรียม ดีพาร์ทเม้นท์สโตร์ ชั้น 1 ตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2568 – 10 ธันวาคม 2568 ครั้งแรกที่เดียวในไทยกับ “Monchhichi Holiday Store” ป๊อปอัพที่รวบรวมที่สุดของสินค้า และประสบการณ์ความสุขซนของ Monchhichi พร้อมกิจกรรมสนุกๆ Monchhichi Meet & Greet

• Monchhichi Christmas Town Experience Event ณ เดอะมอลล์ไลฟ์สโตร์ บางกะปิ ตั้งแต่วันที่ 4 ธันวาคม 2568 - วันที่ 4 มกราคม 2569 โดยนำเสนอประสบการณ์ที่หลากหลายจากคาแร็กเตอร์ Monchhichi อาทิ คริสต์มาส Monchhichi สูงกว่า 12 เมตร และ Monchhichi ยักษ์สูงกว่าตึก 2 ชั้น เป็นต้น
• LINE สติ๊กเกอร์ Monchhichi

ทั้งนี้หลังจากเริ่มเปิดตัวสินค้าบางอย่างในแคมเปญ Monchchichi ไป ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดีมาก ลูกค้ามารอต่อแถวเพื่อซื้อสินค้าคอลเลกชั่นพิเศษ จนสินค้าบางรายการขายหมดทุกวันทั้งที่ขายวันละ 3,000 ชิ้น

สำหรับแคมเปญครั้งนี้ วรลักษณ์กล่าวว่าเป็นการใช้งบประมาณสูงถึง 500 ล้านบาท ซึ่งมีการเซฟงบประมาณบางส่วนในไตรมาส 3 เพื่อมาทุ่มให้กับครั้งนี้โดยเฉพาะ
“ไตรมาส 3 เราลดไป 1-2 แคมเปญ เพราะเราเลือกรบในบางสนาม ถ้ารบทุกสนาม เราอาจจะตายได้” วรลักษณ์ระบุ ก่อนจะฉายภาพเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการแข่งขันกันของศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า คือการสร้างประสบการณ์ที่ดีและแปลกใหม่ให้กับลูกค้า มากกว่าเรื่องของราคาสินค้าหรือการขายของ
“ปัจจุบันผู้บริโภคไม่ได้มาศูนย์การค้าเพื่อซื้อของเป็นเหตุผลหลัก แต่ส่วนใหญ่มากินข้าว มาพบปะกับเพื่อนหรือครอบครัว เรียกได้ว่าศูนย์การค้าเป็นที่มอบความสะดวกสบายในแง่ของการพบปะสังสรรค์ หลายศูนย์ฯ จึงชูเรื่องร้านอาหาร
“ปัจจุบันเราไม่เน้นขายของกันเท่าไหร่ เพราะคนรู้สึกว่าของมีเหมือนกันทุกห้าง แต่ปัจจัยอื่นๆ ต่างหากที่ทำให้รู้สึกว่าต้องมาช็อปที่นี่เท่านั้น เช่น การบริการ หรือความคุ้นเคย ดังนั้น ค้าปลีกออฟไลน์อย่างไรก็ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องประสบการณ์เป็นอันดับหนึ่ง” วรลักษณ์กล่าว
สำหรับภาพรวมของกลุ่มเดอะมอลล์ปีนี้ วรลักษณ์คาดการณ์ว่าจะมียอดขายใกล้เคียงกับปีที่แล้วที่ 55,000 ล้านบาท จากปัจจัยต่างๆ ที่กระทบเศรษฐกิจในช่วงไตรมาส 2 และ 3
“ไตรมาส 4 เริ่มกลับมาบ้าง เราหวังว่าจะไม่แย่ ต้องลุ้นกันต่อในช่วงโค้งสุดท้าย” วรลักษณ์กล่าว ก่อนจะบอกว่า สถานการณ์ตอนนี้เรียกได้ว่าอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ แม้ภาครัฐจะพยายามกระตุ้นด้วยนโยบายคนละครึ่งพลัสและเที่ยวดีมีคืน ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ระดับหนึ่ง “เรารอลุ้นให้มีนโยบาย ‘ช้อปดีมีคืน’ เพื่อตอบเซกเมนต์ลูกค้าระดับบน ซึ่งจะสร้างผลโดยตรงกับเรามากกว่า”
ภาพ: เดอะมอลล์ กรุ๊ป
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ซีพี แอ็กซ์ตร้า ยกระดับ CP AXTRA Mall สู่ ‘Happy Mall’ ขยายพื้นที่ศูนย์การค้า 15 โครงการ พร้อมเปิดตัว ‘Oasis’ คอมมูฯ โมเดลใหม่
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine


