ศูนย์การค้าเมกาบางนา เปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ พร้อมโชว์วิสัยทัศน์ เผยทิศทางการบริหารเดินหน้าผลักดันโครงการเมกาซิตี้ แสวงหาความร่วมมือพันธมิตรร่วมพัฒนาโครงการมิกซ์ยูส ชูกลยุทธ์ TENANT MIX เน้นความหลากหลายที่ตอบโจทย์ทุกรูปแบบการใช้ชีวิต พร้อมยกระดับ Loyalty Program เติมเต็มความต้องการลูกค้าเดิม ดึงดูดลูกค้าใหม่ เผยงบการตลาดปี 2567 รวมกว่า 200 ล้านบาท
บริษัท เอสเอฟ ดีเวลอปเมนท์ จำกัด ผู้บริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา และโครงการเมกาซิตี้ ประกาศแต่งตั้ง มาริส อโบลตินส์ เป็น กรรมการผู้จัดการ พร้อมทีมงานมืออาชีพที่จะมาร่วมกันขับเคลื่อนและต่อยอดการเป็น YOUR EVERYDAY MEETING PLACE ของศูนย์การค้าเมกาบางนา
มาริส อโบลตินส์ เป็นผู้บริหารที่มีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมค้าปลีกมานานกว่า 15 ปี มีความเชี่ยวชาญในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ การบริหารพื้นที่ ค้าปลีกและการวางกลยุทธ์ด้านการขยายธุรกิจ โดยผ่านการทำงานกับเชนห้างสรรพสินค้าหลายแห่งในกลุ่มประเทศยุโรป รวมไปถึงมีประสบการณ์การทำงานร่วมกับ IKEA ในยุโรปหลายประเทศ ซึ่งจากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญดังกล่าวเชื่อมั่นว่าสามารถขับเคลื่อนเมกาบางนาได้ในทุกมิติ
“เมกาบางนา เป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคอาเซียน การได้เข้ามาร่วมงานกับเมกาบางนาครั้งนี้ นับเป็นโอกาสครั้งสำคัญที่จะนำประสบการณ์จากการทำงานในธุรกิจค้าปลีกและอสังหาริมทรัพย์กว่า 15 ปี มาใช้ให้เกิดประโยชน์อย่างสูงสุด โดยยังคงตอกย้ำการเป็น YOUR EVERYDAY MEETING PLACE ของเมกาบางนา ที่ได้ดำเนินงานมาตลอดระยะ 12 ปี” มาริสกล่าว
ผู้บริหารหน้าใหม่ยังเผยเป้าหมายในการรักษาลูกค้าเดิมควบคู่กับการขยายฐานลูกค้าใหม่ให้มากขึ้น ด้วยการสร้างประสบการณ์และการมอบข้อเสนอที่มีความแตกต่าง แปลกใหม่และเข้าถึงความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายได้อย่างแท้จริง
สำหรับโครงการเมกาซิตี้นั้น มองว่ายังสามารถพัฒนาได้อีกมาก โดยหนึ่งในตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการเมกาซิตี้ คือ การดึงสปอร์ตเอนเตอร์เทนเมนท์ชื่อดังที่เปิดมาแล้ว 70 แห่งทั่วโลก อย่าง TOPGOLF มาเปิดให้บริการเป็นสาขาแรกของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตลอดจนส่วนต่อขยายของเมกาบางนา การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย โรงแรม อาคารสำนักงาน รวมถึงการพัฒนาพื้นที่รีเทลเพิ่มเติม โดยพิจารณาจากจุดแข็งของทำเลย่านบางนา-ตราดที่ยังคงมีอัตราการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง
TENANT MIX ชูจุดแข็งเสริมกลยุทธ์บริการเมกาบางนา
มาริส ได้กล่าวถึงกลยุทธ์แนวทางการบริหารศูนย์การค้าเมกาบางนา เพิ่มเติมโดยเฉพาะจุดแข็งในด้าน TENANT MIX ว่า “เมกาบางนา ซึ่งเปิดให้บริการในปี 2555 ปัจจุบันมีผู้เข้ามาใช้บริการรวมแล้วกว่า 550 ล้านคน สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับภูมิภาคอาเซียนได้อย่างชัดเจน โดยในขณะนี้เมกาบางนาที่มีพื้นที่ขายรวมกว่า 240,000 ตารางเมตร มีอัตราการเช่า 100% โดยผู้เช่าหลักที่เป็นแม็กเน็ตสำคัญ ได้แก่ IKEA, CENTRAL@MEGABANGNA, HOMEPRO, BIG C Extra, MEGA CINEPLEX และมีร้านค้า ร้านอาหาร ศูนย์บริการต่างๆ รวมทั้งหมดกว่า 900 ร้านค้า”
เขามองว่าเมกาบางนายังมีศักยภาพในด้านการขยายพื้นที่ให้กับแบรนด์สินค้าต่างๆ ที่ต้องการมาเปิดสาขาเพื่อรองรับกำลังซื้อในย่านกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันออก นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญกับการดึงแบรนด์ที่ตอบโจทย์กับลูกค้าของ เมกาบางนาเข้ามาเพิ่มเติม ทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าเดิมและเพื่อดึงดูดลูกค้าใหม่
อีกทั้ง มีแผนงานในการดึงร้านค้า แบรนด์ดัง ร้านค้าที่อยู่ในกระแสได้รับความนิยม ร้านอาหาร ศูนย์บริการต่างๆ ที่ครอบคลุมในทุกหมวดหมู่เพื่อมาเสริมศักยภาพของเมกาบางนาให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวจะทำให้เมกาบางนาเป็นสวรรค์ของการช้อปปิ้งและการใช้ชีวิตที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ทุกกลุ่ม
ยกระดับ Loyalty Program เพิ่มสิทธิพิเศษให้สมาชิก
มาริส ยังให้ความสำคัญกับ Loyalty Program สำหรับสมาชิกเมกา สไมล์ รีวอร์ดส ซึ่งปัจจุบันมีสมาชิกกว่า 360,000 คน โดยจากการรวบรวมข้อมูลในการเข้ามาใช้บริการและการเข้าร่วมกิจกรรม รวมถึงการรับสิทธิพิเศษต่างๆ นั้น สมาชิกต่างให้ความสนใจกิจกรรมต่างๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี
โดยในปีนี้ มีแผนงานเพื่อยกระดับสิทธิพิเศษให้กับสมาชิก ภายใต้แนวคิด THE ULTIMATE EXPERIENCE ที่จะมอบประสบการณ์และสิทธิประโยชน์ให้กับสมาชิกเมกา สไมล์ รีวอร์ดส ที่แตกต่างและเหนือกว่าเดิม โดยจะมุ่งเน้นการให้สิทธิพิเศษที่มากยิ่งขึ้น อาทิ ที่จอดรถพิเศษสำหรับสมาชิก ส่วนลดและบัตรกำนัลที่มากกว่าเดิม รวมถึงการรับสิทธิ์เข้าร่วมกิจกรรมแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ที่ตรงกับความต้องการ ความชอบ ไลฟ์สไตล์ ของสมาชิก โดยจะมีการเปิดตัวโปรแกรมต่างๆ ภายในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้
ทุ่มงบ 200 ล้าน จัดแคมเปญเสริมประสบการณ์สร้างความประทับใจ
ในส่วนของการตลาด มาริสเผยว่า “ตลอด 12 ปีที่ผ่านมา เราได้สร้างความพิเศษให้เกิดขึ้นในทุกๆ วันของการเข้ามาใช้บริการที่เมกาบางนา โดยการจัดแคมเปญการตลาดและกิจกรรมต่างๆ ที่จะมอบประสบการณ์ที่แปลกใหม่ให้กับลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเทศกาลต่างๆ สำหรับปี 2567 นี้ ได้วางงบประมาณทางการตลาดไว้ที่ 200 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาสแรกได้จัดแคมเปญทั้ง Seasonal Campaign และ Monthly Campaign มาตั้งแต่เทศกาลปีใหม่ ตรุษจีน และสงกรานต์ รวมถึงการจัดกิจกรรมสำหรับคอมมูนิตี้ต่างๆ เช่น Mega Pet Day”
และในเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นโอกาสครบรอบ 12 ปี ของเมกาบางนา ทางศูนย์การค้าจึงตั้งใจมอบความพิเศษสำหรับลูกค้าทุกคน เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จร่วมกัน ในแคมเปญ 12th ANNIVERSARY 365 MEGA MOMENTS สานต่อกลยุทธ์ Collaborated Experience ด้วยการร่วมกับศิลปินนักวาดภาพชื่อดัง Jirayu Koo (จิรายุ คู) ในการสร้างสรรค์งานศิลปะเพื่อนำมาต่อยอดสร้างประสบการณ์สุดพิเศษให้กับลูกค้า ตั้งแต่การตกแต่งบรรยากาศของศูนย์การค้า การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย การจัดทำของสมนาคุณเอ็กซ์คลูซีฟคอลเลคชั่น
“ตลอดระยะเวลา 12 ปี ที่ผ่านมา เมกาบางนามีแนวคิดสำคัญ คือ We Create A Better Everyday Life for the Many People ที่มุ่งทำให้เมกาบางนา เป็นพื้นที่ที่จะยกระดับการใช้ชีวิตสำหรับทุกคน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกคอมมูนิตี้ ในทุกๆวัน ซึ่งได้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม ทิศทางต่อไปจากนี้ เราจะยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าพัฒนาในทุกมิติ ทั้งเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า พันธมิตรทางธุรกิจ สังคม และเพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนให้ภาคการค้าปลีกของไทยโดดเด่นและแตกต่างในระดับโลกต่อไป” มาริส กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : พลิกโฉม ‘ไบเทคบางนา’ สู่เมกะโปรเจ็กต์ ‘ไบเทคบุรี’ ก้าวข้ามอุตฯ MICE สู่ไลฟ์สไตล์ครบวงจร
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine
