“ลัคกี้ สุกี้” และ “ลัคกี้ บาร์บีคิว” เตรียมลงทุนกว่า 300 ล้านบาท เพิ่มสาขาและดันรายได้เท่าตัวเป็น 2,000 ล้านบาทปีนี้ พร้อมวางแผนระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ รองรับแผนขยายพอร์ตอาหารในอนาคต
รสรินทร์ ติยะวราพรรณ กรรมการบริหาร บริษัท มิราเคิล แพลนเนท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนที่จะขยายสาขา "ลัคกี้ สุกี้” และ “ลัคกี้ บาร์บีคิว” ประมาณ 20-30 สาขาในปีนี้ แต่ละสาขาจะใช้พื้นที่ประมาณ 400-680 ตารางเมตร มีขนาด 200 ที่นั่ง ใช้เงินลงทุนสาขาละ 14-15 ล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในกรุงเทพฯ 60 เปอร์เซ็นต์ และต่างจังหวัด 40 เปอร์เซ็นต์ แต่ละสาขาของลัคกี้ สุกี้ จ้างงาน 60 คน และเปิดบริการตั้งแต่ 10.30 น. ถึงตี 2 ทุกวัน
ปัจจุบันแบรนด์ลัคกี้ มีสาขาทั้งหมด 20 สาขา แบ่งเป็น ลัคกี้ สุกี้ 15 สาขา และลัคกี้ บาร์บีคิว 5 สาขา เปิดในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดคือที่พระนครศรีอยุธยา ในปีนี้บริษัทจะเริ่มขยายตลาดต่างจังหวัดมากขึ้น โดยจะไปเปิดสาขาใหม่ที่โลตัส สระบุรี ในเดือนมีนาคม และในไตรมาสที่ 2 จะเริ่มขยายร้านไปยังภาคตะวันออก อาทิ ชลบุรี ระยอง เป็นต้น
นอกจากนี้ยังมองการขยายธุรกิจไปยังนครราชสีมา นครสวรรค์ พิษณุโลก และขอนแก่น ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่หาได้ ส่วนในกรุงเทพฯ และปริมณฑล จะไปเปิดที่โรบินสันแพรกษา สมุทรปราการ และเซ็นทรัลมหาชัย ในปลายปีนี้ ตามแผนธุรกิจปีนี้สาขาของร้านอาหารภายใต้แบรนด์ลัคกี้ ทั้งสุกี้และบาร์บีคิว จะเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวเป็น 40-50 สาขา จากปีที่ผ่านมาซึ่งมีสาขาทั้งหมด 20 สาขา ขณะที่ด้านรายได้ก็คาดว่าจะเพิ่มเท่าตัวเป็น 2,000 ล้านบาทในปีนี้ด้วยเช่นกัน จากปีที่ผ่านมาซึ่งทำรายได้อยู่ที่ 1,000 ล้านบาท
ลัคกี้ สุกี้ เปิดตัวเมื่อวันที่ 27 มกราคม 2565 ด้วยการร่วมทุนของหุ้นส่วน 3 คนได้แก่ วิรัตน์ โรจยารุณ, รุ่งทิวา วิพัฒนานันทกุล และรสรินทร์ ติยะวราพรรณ ซึ่งนอกจากจะไม่เคยรู้จักกันมาก่อนแล้ว ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในธุรกิจอาหารด้วยเช่นกัน
แต่ด้วยความที่วิรัตน์ ทำโรงงานผลิตเฟอร์นิเจอร์เครื่องใช้สำนักงานยี่ห้อ “sure” จึงมีความเชี่ยวชาญด้านโอเปอเรชั่น ขณะที่รุ่งทิวา ทำธุรกิจเกี่ยวกับการนำเข้าหลอดไฟจากต่างประเทศ และรสรินทร์เองเคยมีประสบการณ์ด้านการขายอาหารปลายี่ห้อ “ซากูระ” ซึ่งเป็นธุรกิจของสามีมาก่อน ประกอบกับความรู้ด้านพีอาร์ที่เรียนมา พร้อมกับความชอบเรื่องการตลาด การทำออนไลน์ เมื่อได้มีการพูดคุยกัน แบรนด์ “ลัคกี้ สุกี้” จึงถือกำเนิดขึ้น
“ลัคกี้ สุกี้ เกิดมาจากความบังเอิญ แม้จะไม่มีใครมีประสบการณ์เกี่ยวกับร้านอาหารมาก่อนเลย แต่ด้วยเรามี DNA และ passion ในเรื่องอาหารที่เหมือนๆ กัน คุยกันแค่ไม่กี่เดือน ภายใน 6 เดือนก็เริ่มเปิดสาขาแรกได้เลย” รสรินทร์เล่า
อย่างไรก็ตาม ธุรกิจก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบในช่วงเริ่มต้น เพราะการไปขอเช่าพื้นที่ใน 10 แห่งแรกเธอถูกปฏิเสธทั้งหมด แต่ความโชคดีก็มาถึงเมื่อเจ้าของ People Park (ปัจจุบันชื่ออ่อนนุช พลาซ่า) คอมมูนิตี้มอลล์ในย่านอ่อนนุช ให้เธอเช่าพื้นที่บนชั้น 2
“เราเริ่มธุรกิจในช่วงปลายๆ โควิด วันแรกของการเปิดร้านมีคนมารอคิวยาวเหยียด 300-400 คน มันเกินคาด เราและหุ้นส่วนต้องช่วยกันทำทุกอย่างในวันนั้น ทำไปแก้ปัญหาไป และคิดอยู่อย่างเดียวว่าจะต้องทำร้านสาขาแรกให้ดีที่สุด” รสรินทร์เล่า
ในปีแรกบริษัทเปิดลัคกี้ สุกี้ได้ 2 สาขา และเปิดอีก 4 สาขาในปีที่ 2 ธุรกิจลัคกี้ สุกี้เริ่มดีวันดีคืน จนในปีที่ 3 บริษัทสามารถเปิดสาขาได้ถึง 14 สาขา ทำให้จำนวนสาขาทั้งหมดเพิ่มเป็น 20 แห่ง
ปัจจุบันลัคกี้ สุกี้เปิดบริการที่อ่อนนุช พลาซ่า คอมมูนิตี้มอลล์, โลตัส Paradise Park, อิมพีเรียลเวิลด์สำโรง, อยุธยาซิตี้พาร์ค, เดอะพร้อม ดินแดง, เอ็มที คูคต ไลฟ์สไตล์มอลล์, แม็คโคร เป็นต้น
ส่วนลัคกี้ บาร์บีคิว มีจำนวนทั้งหมด 5 สาขาที่ Paradise Park ศรีนครินทร์, โลตัสบางใหญ่, เอ็มที คูคต ไลฟ์สไตล์มอลล์, อยุธยา ซิตี้ พาร์ค และท็อปส์ สาธุประดิษฐ์ 49
“แม้จะมีแบรนด์สุกี้ใหญ่ๆ หลายแบรนด์ และแต่ละแบรนด์มีความแข็งแกร่งมาก แต่เรามองว่ายังมีโอกาสในตลาด จึงเลือกเข้าร้านสุกี้ระดับแมส สุกี้ไม่ใช่อาหารที่เป็นเทรนด์มาแล้วไป แต่สุกี้เป็นอาหารที่มีคนกินตลอดเวลา ขนาดตลาดจึงใหญ่ มีมูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทก่อนโควิดระบาด และเติบโตมาเป็น 23,000-25,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา” รสรินทร์กล่าว
รสรินทร์กล่าวต่อว่า ท่ามกลางการแข่งขันที่ดุเดือดของตลาดสุกี้ในประเทศไทย ประกอบกับเศรษฐกิจที่ซบเซา เธอเห็นเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป จาก YOLO (YOU ONLY LIVE ONCE) ไปสู่ YONO (YOU ONLY NEED ONE) นั่นเป็นโอกาสทางธุรกิจ แม้จะอยู่ในสงครามแดงเดือด เพราะผู้บริโภคจะต้องการในสิ่งที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางของแบรนด์ลัคกี้
“เราตั้งใจขยายธุรกิจแบบ Slow but Sure ไม่ทำอะไรที่ไม่มีคุณภาพ ลัคกี้ สุกี้ จึงเติบโตแบบก้าวกระโดด ยอดขายกว่า 70 ล้านในปีแรกได้เพิ่มกว่า 6 เท่าตัวเป็น กว่า 400 ล้านบาทในปี 2566 และทะลุ 1,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา พนักงานจาก 100 คนในวันแรกได้เพิ่มเป็น 1,500 คนในวันนี้ วันนี้เรามาไกลกว่าที่คิด และเราจะเปิดอีก 16-20 แห่งในปีนี้ ทั้งลัคกี้ สุกี้ และลัคกี้ บาร์บีคิว” รสรินทร์บอก
“และจากความสำเร็จตลอด 3 ปีที่ผ่านมาด้วยยอดขาย เราพิสูจน์แล้วว่าลัคกี้มีวันนี้ได้ด้วยการตั้งต้นจากคำว่า ลูกค้า โดยในปี 2025 เรามีชาเลนจ์ที่สำคัญในการรักษาฐานลูกค้าเก่าให้รักเราเหมือนเดิม ในขณะที่ฐานลูกค้าใหม่ ก็ยังต้องเพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา”
ดังนั้นในปี 2025 บริษัทมีชาเลนจ์ที่สำคัญในการรักษาฐานลูกค้าเก่า และเพิ่มฐานลูกค้าใหม่ๆ ด้วยการเปิดตัว THEMATIC Campaign “รักเธอไม่มีหมด” ภายใต้ 3 คำมั่นสัญญา ทั้ง มุ่งมั่น สร้างประสบการณ์ในการรับประทานอาหารแบบไม่มีที่สิ้นสุด, ตั้งใจ คัดสรรเมนูและวัตถุดิบที่ดีที่สุด เพื่อเสิร์ฟถึงมือลูกค้าอย่างต่อเนื่อง และพัฒนาการบริการต่างๆ เพื่อความพึงพอใจสูงสุด
รสรินทร์มั่นใจว่า ด้วยความรักและความทุ่มเทในธุรกิจ ลัคกี้ สุกี้ จะยังคงมีที่ยืนในตลาด และได้การตอบรับจากลูกค้าอย่างต่อเนื่องในอนาคต เพราะ 5 เหตุผลหลักที่ลูกค้าต้องมาที่นี่ ได้แก่ 1.คุณภาพอาหาร 2.ความสะอาดและบรรยากาศ 3.มาตรฐานของการบริการ 4.ความคุ้มค่า ลัคกี้ สุกี้มีเมนูอาหารให้เลือกกว่า 50 เมนูในวันธรรมดามีบริการติ่มซำ อาหารทอด และเครื่องดื่มที่ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่มตั้งแต่วัยเด็ก วัยรุ่น วัยทำงานจนถึงวัยสูงอายุ และ 5.รสชาติน้ำจิ้ม
จากธุรกิจเล็กๆ ที่รสรินทร์และหุ้นส่วน เริ่มต้นทำด้วยความรักเพื่อหวังเป็นแค่ธุรกิจเสริมเมื่อ 3 ปีก่อน วันนี้ได้กลายเป็นอาชีพหลักไปแล้ว และระหว่างทางที่อยู่บนสังเวียนสุกี้มา 3 ปี เธอได้รับการติดต่อจากนักลงทุนมากมาย มาขอเป็นพันธมิตร และ step ที่จะไปต่อในอนาคนคือ การนำบริษัทนี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เพื่อระดมทุนขยายธุรกิจที่ในอนาคตอาจจะไม่ได้จำกัดเพียงแค่สุกี้อย่างเดียวเท่านั้น
เก่ง+เฮง มักอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเจ้าของธุรกิจหลายคนรวมทั้ง “ลัคกี้ สุกี้” แบรนด์น้องใหม่ที่ “สุกี้ตี๋น้อย”คงมองแบบไม่ให้คลาดสายตา
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘Hanam Pig’ ปิ้งย่างเบอร์ 1 เกาหลี อยู่ในฉากซีรีส์ Queen of Tears เตรียมเข้าไทยกลางปีนี้!
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine