เมเจอร์ฯ จับมือ แอลจี เปิดตัวโรงหนังจอ LED ใหญ่สุดในโลก กว้าง 14 เมตร มูลค่า 30 ล้าน - Forbes Thailand

เมเจอร์ฯ จับมือ แอลจี เปิดตัวโรงหนังจอ LED ใหญ่สุดในโลก กว้าง 14 เมตร มูลค่า 30 ล้าน

‘เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์’ เอาใจคอหนัง จับมือ ‘แอลจี’ เปิดตัวโรงหนังจอ 4K LED ที่ใหญ่สุดในไทยและในโลก มูลค่ากว่า 30 ล้านบาทมาใช้ที่โรงหนังเมกา ซินีเพล็กซ์ ชูจุดเด่นคมชัดสมจริงกว่าที่เคย


    วิศรุต พูลวรลักษณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์องค์กร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์ของ เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป มุ่งมั่นและตั้งใจสร้างความสุขให้กับลูกค้าจากการใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงในการดูหนังในโรงหนัง ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่สำคัญที่จะต้องสร้างความสุข ความประทับใจ และความแตกต่างในการดูหนัง

    ซึ่งนอกจากเนื้อเรื่องของหนังแล้ว ภาพและเสียงเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะดึงอารมณ์ความรู้สึกของลูกค้าให้เข้าไปอยู่ในหนัง ดังนั้น การดูหนังที่ภาพและเสียงให้ความรู้สึกเหมือนจริงจะทำให้การดูหนังสนุกและได้อรรถรสมากยิ่งขึ้น


    ครั้งนี้ได้ร่วมกับ บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด นำสุดยอดนวัตกรรมจอ LED ขั้นสูงที่ใหญ่ที่สุดในไทย มาให้บริการที่โรงภาพยนตร์เมกา ซีนีเพล็กซ์ บางนา พร้อมสนับสนุนเป็นเนมมิ่งสปอนเซอร์เปิดตัวโรงภาพยนตร์ “LG Miraclass LED Cinema” ประสบการณ์ใหม่ที่ต้องลอง โดยเปิดให้บริการในวันที่ 8 มีนาคม 2567 เป็นต้นไป

    สำหรับโรงภาพยนตร์ LG Miraclass LED Cinema เปิดให้บริการที่ โรงภาพยนตร์ที่ 6 สามารถรองรับลูกค้าได้จำนวน 216 ที่นั่ง ตั้งอยู่บนชั้น 2 ศูนย์การค้าเมกาบางนา เป็นโรงภาพยนตร์จอ LED ขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ขนาดจอกว้าง 14 เมตร สูง 7 เมตร

    จุดเด่นคือมอบภาพคมชัดระดับ 4K และรองรับ HDR (High Dynamic Range) เทคโนโลยีจอ LED ให้ภาพที่สมจริงเป็นพิเศษด้วยเฉดสีที่เพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าหรือ 35 ล้านล้านล้านเฉดสี จากโรงปกติที่มีเพียงแค่ 16 ล้านล้านเฉดสี อีกทั้งให้สว่างคมชัดสม่ำเสมอทั่วทั้งจอภาพไม่ว่าจะรับชมจากตำแหน่งที่นั่งใดในโรงหนัง

    โดยนวัตกรรมจอภาพยนตร์ LED จากแอลจีมีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า 100,000 ชั่วโมง ทำให้มั่นใจได้ว่าโรงภาพยนตร์ LG Miraclass LED Cinema จะให้ภาพสว่างคมชัดในทุกรอบฉาย

    นอกจากนี้ ยังเป็นโรงภาพยนตร์จอ LED แห่งแรก ที่รองรับระบบเสียงรอบทิศทางอย่าง Dollby Atmos ซึ่งเป็นระบบเสียงรอบทิศทางใหม่ล่าสุดที่เพิ่มมิติเสียงจากทุกทิศทางแบบ 360 องศา เหนือกว่าระบบเสียงรอบทิศทางทั่วไป มีมิติเสียงที่ลงมาจากด้านบนผ่านลำโพง Over head ที่ติดตั้งบนเพดานให้เสียงเอฟเฟกต์ เช่น ฝนตก ฟ้าร้อง หรือเสียงเครื่องบินอย่างสมจริง นอกจากนี้ ลำโพงแต่ละตัวยังแยกกันทำงานกันอย่างอิสระช่วยให้ทิศทางเสียงมีความชัดเจนมากขึ้น

    จีรภา คงสว่างวงศา รองประธานบริหาร ฝ่ายธุรกิจกลุ่มลูกค้าองค์กรและไอที บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า จอ LG Miraclass ที่นำมาใช้ในโรงภาพยนตร์ของเมเจอร์ฯ ดังกล่าว คาดว่าจะเป็นจอ LED 4K ที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ว่าได้ โดยแอลจีมีจอกลุ่ม Miraclass ทั้งหมด 3 ขนาดด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ 5 เมตร และรุ่นนี้คือใหญ่ที่สุดกว้าง 14 เมตร


    ปัจจุบันทีวีของแอลจี แบ่งเป็น ลูกค้า B2C อยู่ที่ 90% ส่วน B2B อยู่ที่ 10% แต่ถึงอย่างนั้นกลุ่มลูกค้าองค์กรก็มีอัตราการเติบโตที่น่าสนใจ โดยปีที่ผ่านมามีการเติบโตกว่า 100%

    ส่วนปีนี้คาดว่าจะเติบโตขึ้นอีก เนื่องจากมีการทำโปรเจ็กต์ที่น่าสนใจมากมาย เช่น โปรเจ็กต์จอ LED ที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่ประเทศไทย ใช้จอ LED คิดเป็นพื้นที่รวมกว่า 4,000 ตารางเมตร เป็นการสร้างแลนด์มาร์กใหม่ที่โครงการ ONE Bangkok รูปแบบจะเป็นการติดตั้งจอในหลายตึกในรูปแบบมีเดียอาร์ต ซึ่งคาดว่าจะได้เห็นการเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้

    “เรามีโปรดักต์ที่ตอบโจทย์ทุกเซกเมนต์ ทั้งกลุ่มโฮเรก้า โรงแรม ร้านอาหาร จัดเลี้ยง และปีนี้เราจะมีเสริมทัพโปรดักต์กลุ่มจอเพิ่ม นอกจากนี้ยังมีปัจจัยบวกจากสัญญาณนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และเริ่มดีขึ้นอีกในปีนี้ ทำให้เห็นทิศทางการลงทุนเพิ่มขึ้นทั้งในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและการตั้งสำนักงานในไทย เรียกว่าเป็นโอกาสที่ดีต่อการเติบโตของแอลจีในปีนี้”

    แอลจียังเผยอีกว่าในปีนี้เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ยังมีแผนนำจอของแอลจีมาใช้โรงภาพยนตร์อีก 6 โรงด้วยกัน

    อำนาจ สิงหจันทร์ หัวหน้าฝ่ายการตลาด บริษัท แอลจี อีเลคทรอนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “สำหรับการร่วมมือกับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์นั้น แอลจีเป็นผู้จำหน่ายให้กับเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ซึ่งจอมีมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท นอกจากนี้ในภาพของการเป็นพันธมิตร แอลจียังดูแล brand image ด้วย กล่าวคือโรงภาพยนตร์ก็ใช้ชื่อว่า LG Miraclass LED Cinema ทำให้ลูกค้าที่มาใช้บริการนึกถึงแอลจีเมื่อดูหนังจบ เรียกว่าได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย”

    อำนาจยังกล่าวอีกว่า ปัจจุบันทีวีแอลจีมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ 2 ของตลาด ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 20% ส่วนเบอร์หนึ่งครองส่วนแบ่งอยู่ราว 30% แต่ถ้าแบ่งเป็นเซ็กเมนต์พรีเมียม เช่น OLED แล้ว แอลจีจะมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 78% ในปี 2023 ที่ผ่านมา และในปีนี้คาดว่าภาพรวมยอดขายของกลุ่ม B2C จะเติบโตขึ้นจากปัจจัยบวกอย่างการแข่งขันโอลิมปิกและฟุตบอลยูโร ที่จะส่งผลให้แนวโน้มการใช้จอน่าจะเพิ่มขึ้น



อ่านเพิ่มเติม : พานาโซนิค ส่งเครื่องปรับอากาศ XU Series ใหม่ ลุยหน้าร้อน ชูจุดเด่นประหยัดพลังงาน 20% ลดกลิ่นอับเร็วขึ้น 4 เท่า

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine