“กรุงทองพลาซา” ห้างแฟชั่นพลัสไซซ์ ตั้งมาครบ 23 ปีแล้ว พื้นที่เช่าเต็ม 100% ปี 67 เป้ายอดขาย 500 ล้าน - Forbes Thailand

“กรุงทองพลาซา” ห้างแฟชั่นพลัสไซซ์ ตั้งมาครบ 23 ปีแล้ว พื้นที่เช่าเต็ม 100% ปี 67 เป้ายอดขาย 500 ล้าน

FORBES THAILAND / ADMIN
17 Jan 2024 | 04:00 PM
READ 1113

ห้างกรุงทองพลาซา ศูนย์ค้าส่งเสื้อผ้า “พลัสไซซ์” ฉลองครบรอบ 23 ปีแห่งความสำเร็จ พร้อมกางแผนกลยุทธ์ธุรกิจยกระดับการเป็นห้างค้าส่งเสื้อผ้าพลัสไซซ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มุ่งสู่การเป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าพลัสไซซ์ของภูมิภาคเอเชีย ตั้งเป้าปี 67 ทราฟฟิกผู้ใช้บริการเติบโต 30% คาดเม็ดเงินสะพัดกว่า 500 ล้านบาท ผ่านการทำแคมเปญการตลาด 360 องศา ให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ


    อัญชลี ตันติวงษากิจ กรรมการผู้จัดการ ห้างกรุงทองพลาซา กล่าวว่า “จากวันแรกจนถึงปัจจุบันตลอดการเดินทางกว่า 23 ปีในประเทศไทย ห้างกรุงทองพลาซาไม่เคยหยุดพัฒนาและค้นหาสิ่งใหม่ๆ เพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดจากสินค้าแฟชั่นที่ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าสาวพลัสไซซ์มาอย่างยาวนาน ปัจจุบันห้างกรุงทองพลาซาได้ก้าวขึ้นสู่ห้างค้าส่งเสื้อผ้าพลัสไซซ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ด้วยความเชื่อมั่นของพันธมิตรธุรกิจร้านค้าภายในห้างฯ และลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจกับห้างกรุงทองพลาซามาตลอด 23 ปี”

    เธอเผยแผนการอนาคตอันใกล้นี้ว่า “ทางห้างยังคงมุ่งมั่นและผลักดันจุดยืนของหนุ่มสาวพลัสไซซ์ ให้สามารถสนุกกับแฟชั่น มั่นใจในการแต่งตัว รวมไปถึงเป็นกระบอกเสียงให้เกิดการยอมรับ ผลักดันเรื่องความเท่าเทียม ให้ทุกคนสามารถแสดงความเป็นตัวของตัวเองได้ อย่างไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดไซซ์ เป้าหมายของเราต่อจากนี้คือการยกระดับห้างกรุงทองพลาซาให้เป็นศูนย์กลางทางด้านธุรกิจแฟชั่นเสื้อผ้าพลัสไซซ์ของภูมิภาคเอเชีย”


อัญชลี ตันติวงษากิจ


    สำหรับภาพรวมธุรกิจของกรุงทองพลาซา มีอัตราการเช่าพื้นที่ของห้างในปี 2566 ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีด้วยการเช่าพื้นที่เต็ม 100% ไม่มีพื้นที่ว่าง ในส่วนของปี 2567 มีการจองและทำสัญญาเต็ม 100% แล้วเช่นกัน นับเป็นสัญญาณการเติบโตในทิศทางที่ดีขึ้น โดยปัจจุบันมีลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติแวะเวียนกันเข้ามาใช้บริการภายในศูนย์การค้าเฉลี่ย 10,000 คนต่อวันในวันธรรมดา และช่วงวันหยุดอาจจะสูงถึง 20,000 คน ต่อวัน โดยเมื่อเปรียบเทียบมีอัตราที่เพิ่มมากขึ้นกว่าปี 2565 ถึง 50%

    สัดส่วนร้านค้าในห้างกรุงทองพลาซาในปัจจุบัน มีสินค้าพลัสไซซ์มากกว่า 70% ที่เหลือจะเป็นเสื้อผ้าไซซ์เล็ก รวมไปถึงเครื่องประดับ อุปกรณ์การแต่งตัวต่างๆ เช่น เข็มขัด รองเท้า วิกผม และกระเป๋า เป็นต้น กลุ่มสินค้าที่เรียกได้ว่าได้รับความนิยมส่วนใหญ่ก็ยังเป็นกลุ่มสินค้าแฟชั่นของสาวพลัสไซซ์ อันดับแรกจะเป็นพวกเสื้อผ้าแฟชั่นในแนวมินิมอล ที่สามารถใส่ใช้งานได้ทุกวัน อันดับรองลงมาจะเป็นแฟชั่นชุดทำงาน และออกงานต่างๆ ตามลำดับ

    แนวโน้มของการขายในปัจจุบัน มุ่งเน้นไปทางออนไลน์ควบคู่กันไปกับแบบออฟไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการไลฟ์สดขายเองตามแพลตฟอร์มต่างๆ หรือว่าจะเป็นการให้ต่างชาติ หรือลูกค้าที่ซื้อสินค้ามาทำการไลฟ์ขายสินค้าหน้าร้าน ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยในส่วนของออฟไลน์ก็ยังคงซัพพอร์ตลูกค้าที่สะดวกในการเลือกสี เลือกสินค้าด้วยตัวเอง ได้จับสินค้าจริง รวมไปถึงการขายส่ง ที่ต้องมีพื้นที่ในการจัดทำสต็อก เพื่ออำนวยความสะดวกในการมารับสินค้าได้ง่ายและสร้างความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

    “ปีนี้เรามุ่งเน้นการพัฒนากลยุทธ์การตลาดแบบ 360 องศา เพื่อทำให้ห้างกรุงทองพลาซาแข็งแกร่งกว่าเดิม และมีเป้าหมายการเป็น Top of Mind ของสาวพลัสไซซ์ทั่วเอเชีย ซึ่งมีผลต่อยอดขายและอัตราการเช่าพื้นที่ เราจึงเดินหน้าวางกลยุทธ์สร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ผ่านแคมเปญการตลาด รวมถึงการสร้างคอนเทนต์ออฟไลน์-ออนไลน์ที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ทำให้เกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ ทำให้เราขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว” อัญชลี กล่าวเสริม


กลยุทธ์รุกตลาดปีที่ 24 เน้น “การมีประสบการณ์ร่วม”

    ในปี 2567 กรุงทองพลาซาเตรียมจัดโปรโมชั่นตอบแทนลูกค้าเช่นเคย จากการประเมินกิจกรรมที่ผ่านมา ลูกค้าที่ร่วมสนุกกับกิจกรรมส่งเสริมการขายของทางห้างฯ จะกลับมาซื้อซ้ำและมาพร้อมกับยอดซื้อที่เยอะขึ้นกว่าเดิม

    นอกจากกิจกรรมส่งเสริมการขายดังกล่าวข้างต้น ทางห้างเตรียมจัดการประกวดออกแบบเสื้อผ้า “Krungthong Plussize Fashion Revolution” เปิดเวทีแสดงศักยภาพของนักออกแบบไทย ทั้งนี้เพื่อที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันและสนับสนุนให้คนไทยได้ก้าวสู่เวทีระดับโลก และเพื่อยกระดับอุตสาหกรรมเสื้อผ้าแฟชั่นไทยให้ก้าวขึ้นเป็นอันดับต้นๆ ของตลาดโลกด้วย

    อีกหนึ่งกลยุทธ์ในปัจจุบันคือการทำ Content Marketing สร้างคอนเทนต์ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมาย กรุงทองพลาซาได้มุ่งเน้นพัฒนาคอนเทนต์คุณภาพและเข้าถึงกลุ่มลูกค้าให้ตรงจุด ไม่ว่าจะเป็นคอนเทนต์จากโลกออนไลน์-ออฟไลน์ของห้างเอง จากผู้ใช้บริการจริง หรือจากการรีวิวของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ โดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และเครื่องมือจัดการ Data จากหลายแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram, TikTok และ YouTube เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการทำคอนเทนต์ให้เป็นที่พูดถึงในกลุ่มเป้าหมายและจะส่งผลต่อการดึงดูดผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Z ที่เติบโตมาพร้อมเทคโนโลยีดิจิทัล

กรุงทองพลาซาฉลองครบรอบ 23 ปี


    สำหรับกลยุทธ์ทางการตลาดที่โดดเด่นที่สุดของห้างกรุงทองพลาซาคือการสร้างความแตกต่าง เพื่อนำเสนอสินค้าสู่ผู้บริโภค ปัจจุบันทางห้างมีเสื้อผ้าตั้งแต่ XS -6XL ซึ่งส่วนใหญ่ในท้องตลาดจะผลิตเพียง S-2XL ซึ่งไม่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เพียงพอ เป็นการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นในตัวสินค้า สร้างความโดดเด่นในสินค้าให้มีความเป็นเอกลักษณ์ หรือการสร้างตัวตนที่แตกต่าง ตรงความต้องการและชัดเจน

    ในอนาคตก็จะมีการพัฒนาปรับเพิ่มไซซ์ให้ถึง 8XL รวมถึงโปรโมชั่นส่งเสริมการขายที่มีความแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น เนื่องจากมีการแข่งขันในตลาดที่สูงมาก โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำให้ลูกค้าพึงพอใจสูงสุด จะเห็นได้ว่ากลยุทธ์ต่างๆ ของกรุงทองพลาซามุ่งเน้นให้เกิดการซื้อซ้ำและบอกต่อ ทำให้ขยายฐานลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว โดยยังคงมีส่วนร่วมกับลูกค้ารายเดิม ทำให้ฐานลูกค้ามีความจงรักภักดีในแบรนด์สูงมาก


เจาะ Customer Insight ชาวพลัสไซซ์

    กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลักของกรุงทองพลาซาสัดส่วนของคนไทยยังถือได้ว่าเป็นส่วนใหญ่กว่า 70% และเป็นอัตราส่วนลูกค้าต่างชาติประมาณ 30% โดยส่วนมากจะเป็นประเทศในโซนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ โดยภาพรวมนั้นสัดส่วนของลูกค้าเพศหญิงยังถือว่ามากที่สุด รองลงมาจะเป็น LGBTQ และผู้ชาย

    สำหรับการจับจ่ายแต่ละครั้งของลูกค้าปลีกอยู่ที่ประมาณ 2,000 - 3,000 บาทต่อครั้ง และลูกค้าส่งจะอยู่ที่ประมาณ 10,000 บาทต่อครั้ง จะเห็นได้ว่ามีการให้ความสำคัญกับทุกเพศและทุกวัย เพราะเรื่องแฟชั่นไม่ได้จำกัดแค่ชายหรือหญิง แต่ในยุคปัจจุบันมีการเปิดกว้างและเป็นอิสระ ทางห้างจึงพยายามผลักดันตลาดเฉพาะกลุ่มเพิ่มมากขึ้น

    ในปี 2567 จะมีการปรับสัดส่วนของต่างชาติให้เข้ามาใช้บริการเพิ่มมากขึ้น โดยมุ่งเน้นขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มมุสลิมและโซนยุโรป เพราะเป็นกลุ่มที่มีโอกาสเติบโตและมีกำลังซื้อมาก ซึ่งจะช่วยให้ทราฟฟิกของห้างเพิ่มขึ้นได้อีก 30% และคาดว่าในปี 2567 จะมีรายได้ประมาณ 500 ล้านบาท


อัญชลี ตันติวงษากิจ และบรรดาคนดังที่มาร่วมฉลองครบรอบ 23 ปี


ฉีกทุกกฎการแต่งตัว เทรนด์แฟชั่นสาวพลัสไซซ์ยุคใหม่

    ต้องยอมรับว่าในยุคที่สังคมเปิดกว้างและยอมรับความแตกต่างเรื่องของ Beauty Standard มากขึ้น จากในยุคก่อน สาวพลัสไซซ์มักจะเลือกใส่เสื้อผ้าเรียบๆ ตัวใหญ่ๆ เพื่อใช้ในการปกปิดรูปร่าง แต่ในปัจจุบันโลกของแฟชั่นสาวพลัสไซซ์ได้เติบโตขึ้นมาก มีสาวพลัสไซซ์หลายคนที่กล้าแต่งตัวมากขึ้น

    ห้างกรุงทองพลาซามีแฟชั่นที่หลากหลายรูปแบบและหลากหลายไซซ์ในราคาหลักร้อย สินค้าในห้างยังมีการเปลี่ยนใหม่ทุกสัปดาห์ ในราคาโรงงาน เพราะห้างได้คัดสรรร้านค้าที่มีคุณภาพและมีประสบการณ์ รวมไปถึงการเป็นผู้ผลิตเองโดยตรง ทำให้สามารถซื้อได้ในราคาย่อมเยาและมีคุณภาพดี เพื่อตอบสนองและส่งเสริมให้สาวพลัสไซซ์กล้าแสดงออก มีความมั่นใจในการแต่งตัว กล้าที่จะปฏิวัติตัวเอง กรุงทองพลาซามองว่าตลาดสาวพลัสไซซ์ยังมีแนวโน้มที่ดีในอนาคต มีการซื้อต่อเนื่องเป็นประจำ

    ไม่เพียงแค่เรื่องของแฟชั่นเท่านั้น แต่กรุงทองพลาซายังต้องการที่จะเป็นตัวช่วยผลักดันสังคมของสาวพลัสไซซ์ให้ได้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ยอมรับของสังคมเพิ่มมากขึ้น โดยได้จัดให้มีการประกวดสาวพลัสไซซ์แบบไม่จำกัดเพศเพื่อตอกย้ำจุดยืนดังกล่าวในปีที่ผ่านมา

    ห้างกรุงทองพลาซายังคงมุ่งมั่นพัฒนาในทุกด้านเพื่อขยายการรับรู้ของแบรนด์ออกไปยังกลุ่มลูกค้าเป้าหมายให้มีประสบการณ์ร่วมมากยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายแบรนด์สู่ตลาดลูกค้าต่างชาติและก้าวขึ้นเป็นฮับแฟชั่นเสื้อผ้าพลัสไซซ์ของภูมิภาคเอเชีย


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เปิด 4 ธุรกิจอาณาจักร WHA เจ้าของนิคมฯ ที่วงการ “รถยนต์” เข้าไปสร้างโรงงาน

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine