บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM” ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ “FTREIT” เผยผลการดำเนินงาน 9 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2566 (ตุลาคม 2565-มิถุนายน 2566) ทำรายได้รวม 2,810.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84 ล้านบาท หรือ 3.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรจากการลงทุนสุทธิ 1,887.8 ล้านบาท
ขณะที่ ไตรมาส 3 ของปีงบประมาณ 2566 (เมษายน-มิถุนายน 2566) มีรายได้รวม 942.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.5 ล้านบาท หรือ 3.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรจากการลงทุนสุทธิ 616.2 ล้านบาท โดย FTREIT สามารถรักษาอัตราการเช่าเฉลี่ยได้ในระดับสูงอยู่ที่ 87.1%
ทั้งนี้ FTREIT ประกาศจ่ายเงินปันผลประจำไตรมาส 3/2566 ในอัตรา 0.1870 บาทต่อหน่วยทรัสต์ กำหนดจ่ายในวันที่ 31 สิงหาคม 2566 เมื่อรวม 3 ไตรมาส ประกาศจ่ายเงินปันผลรวม 0.5610 บาทต่อหน่วยทรัสต์
ธนะรัชต์ บุญญะโกศล กรรมการผู้จัดการ FIRM กล่าวว่า กองทรัสต์เติบโตอย่างมั่นคงทั้งการรับรู้รายได้จากค่าเช่าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมการขยายการลงทุนในการซื้อทรัพย์สินคุณภาพสูงจากกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย และบุคคลนอกกลุ่มเป็นไปตามแผน
ขณะเดียวกัน ยังได้รับปัจจัยบวกจากภาพรวมเศรษฐกิจไทยซึ่งปรับตัวไปในทิศทางที่ดีตามการบริโภคของภาคเอกชนและการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว ส่งผลให้รายได้โดยรวมของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจปรับตัวดีขึ้น สนับสนุนภาคการผลิตของอุตสาหกรรมให้ขยายตัวต่อเนื่อง FTREIT เล็งเห็นดีมานด์โรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและอีอีซี รวมถึงดีมานด์คลังสินค้าที่มีแนวโน้มเติบโตขึ้นตามแรงหนุนของด้านโรงงาน
สำหรับไตรมาส 4 (กรกฎาคม-กันยายน 2566) FTREIT เตรียมรับรู้รายได้จากทรัพย์สินโครงการ TIP 9 เป็นคลังสินค้า จำนวน 9 อาคาร พื้นที่เช่ารวมกว่า 70,000 ตร.ม. ซึ่งได้เข้าลงทุนเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2566 และพร้อมจะเข้าลงทุนตามแผนในทรัพย์สินของกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย มูลค่าการลงทุน 1,550 ล้านบาท
สำหรับโรงงานและคลังสินค้าจำนวน 25 ยูนิต พื้นที่ประมาณ 58,000 ตร.ม. ซึ่งคาดว่าการโอนทรัพย์เข้ากองทรัสต์จะดำเนินการแล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2566 ไม่รวมค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการลงทุนในทรัพย์สินที่จะลงทุนเพิ่มเติม ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการว่าจ้างผู้ประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ค่าที่ปรึกษากฎหมาย และค่าว่าจ้าง ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ
อ่านเพิ่มเติม : SCB EIC คาด กนง. จะขึ้นดอกเบี้ยต่อสู่ Terminal rate ที่ 2.5%
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine