EKA GLOBAL คาดปี 67 ยอดขายแพ็กเกจจิ้งโต 15% หลังการท่องเที่ยวฟื้นดันออเดอร์สายการบินพุ่ง - Forbes Thailand

EKA GLOBAL คาดปี 67 ยอดขายแพ็กเกจจิ้งโต 15% หลังการท่องเที่ยวฟื้นดันออเดอร์สายการบินพุ่ง

EKA GLOBAL คาดยอดขายบรรจุภัณฑ์หรือแพ็กเกจจิ้งตลอดปี 67 โต 15% รับอานิสงส์ภาคท่องเที่ยวฟื้น หนุนลูกค้าสายการบินออเดอร์แน่น โดยกำลังการผลิตพร้อมเต็มที่หลังโรงงานใหม่ที่เมืองปูเน่ อินเดีย เปิดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา


    ชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้ผลิตนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) แบรนด์คนไทยที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่าสองทศวรรษ เปิดเผยว่า ธุรกิจในปีนี้ยังคงเผชิญกับปัจจัยและความท้าทายรอบด้าน ทั้งภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่ ประกอบกับปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศยังไม่คลี่คลาย และปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงมากขึ้น ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการขนส่ง และต้นทุนด้านพลังงานและการผลิตที่สูงขึ้น เป็นต้น ทำให้ภาคธุรกิจยังต้องเพิ่มความระมัดระวัง

    ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะตลาดอาหาร โดยเฉพาะอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-to-Eat) และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม (Pet-Foods) ซึ่งเป็นกล่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ มองว่า ปีนี้มีแนวโน้มสดใสมากขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยคาดการณ์ว่ายอดขายตลอดทั้งปีจะเติบโตราว 15% เนื่องจากตลาดได้ผ่านช่วงสินค้าคงคลัง (สต็อกสินค้า) ล้นตลาดไปแล้ว และทั่วโลกกลับมาสั่งซื้อสินค้าใหม่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    “ตลาดมีสัญญาณการฟื้นตัวของการบริโภคทั่วโลกตั้งแต่ปลาย Q3/66 และสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงขณะนี้ ผู้ผลิตอาหารรายใหญ่ในตลาดเองก็กลับมาขยายกำลังการผลิตมากขึ้น เห็นชัดจากออเดอร์บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าทุกรายของ “เอกา โกลบอล” และจากสัญญาณบวกนี้ บริษัทฯ มั่นใจว่ายอดขายทั้งปี 2567 ของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้น 10-15% ตามทิศทางตลาดอาหารอย่างแน่นอน”



    นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้รับปัจจัยบวกจากภาคการท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างเต็มที่ หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ยุติลง โดยขณะนี้ บริษัทฯ มีคำสั่งซื้อจากกลุ่มลูกค้าสายการบิน (แอร์ไลน์) กลับเข้ามาในปริมาณที่สูงมากอีกครั้ง โดยเฉพาะกลุ่มโลว์คอสต์แอร์ไลน์ เพราะบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารของบริษัทฯ มีส่วนช่วยเสริมจุดแข็งการให้บริการ ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการสต็อกอาหารบนเครื่องและลดต้นทุนได้เป็นอย่างดี

    สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโรงงานใหม่ที่เมืองปูเน่ (PUNE) ประเทศอินเดีย ได้ดำเนินการเสร็จเรียบร้อย พร้อมเดินเครื่องเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และปัจจุบันมียอดขายเข้ามาแล้ว “ตลาดอินเดีย ถือเป็นดาวรุ่งของปีนี้เพราะมีโอกาสเติบโตสูงมาก อินเดียเป็นประเทศที่ไม่พึ่งพาการส่งออก แต่เน้นการอุปโภคบริโภคภายในประเทศ โดยตลาดได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือ GDP ของอินเดียในปีนี้น่าจะโต 5-7% ซึ่งการเปิดโรงงานที่อินเดีย ของเอกา โกลบอล ก็จะได้รับผลดีจากการขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศไปด้วย” ชัยวัฒน์ กล่าวปิดท้าย



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : เบียร์ช่วยหนุน! ‘คาราบาวกรุ๊ป’ ไตรมาส 1/67 กวาดรายได้ 4,935 ล้าน โต 20%

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine