‘โคเวย์’ (Coway) เสนอทางเลือกผ่อนคลายเครียดให้คนไทย เตรียมเปิดตัวเก้าอี้นวดระบบ Subscription ฟินได้ทุกวัน แค่จ่าย 1,000 กว่าบาทต่อเดือน ตั้งแต่เมษานี้เป็นต้นไป
ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี การผ่อนคลายเป็นเรื่องที่ผู้บริโภคมองหา นอกจากได้สูดอากาศบริสุทธิ์และดื่มน้ำสะอาด คนไทยมองหาวิธีผ่อนคลายความเครียดหลังการทำงาน ด้วยวิธีการต่างๆ อาทิ ออกกำลังกาย เล่นกีฬา ดูซีรีส์ นั่งสมาธิ และที่นิยมมากๆ ก็น่าจะเป็น การเข้าร้านสปาหรูตามศูนย์การค้า โรงแรม หรือร้านนวดราคาที่เข้าถึงง่ายบนท้องถนน หรือตามวัดที่มีชื่อเสียงด้านนี้บางแห่ง
แม้จะไม่ใช่เรื่องยากที่จะเข้าไปใช้บริการจากร้านนวดที่ไหนสักแห่งในเมืองไทย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ทุกคนจะเข้าถึงร้านนวดได้ เพราะค่าใช้จ่ายต่อหัวต่อคนเริ่มตั้งแต่ 250 บาทต่อชั่วโมงในร้านตามตรอกซอกซอยบนถนน หรือมากกว่า 500 บาทต่อครั้งในสปาชั้นนำตามศูนย์การค้าทั่วไป และอาจจะต้องจ่ายสูงถึง 3,000 บาทหากจะใช้บริการนวดตามโรงแรมระดับ 5 ดาว นอกจากนี้ผู้นวดยังเจอ pain point อาทิ ความไม่สม่ำเสมอของการนวด ข้อจำกัดเรื่องเวลา และไม่สามารถจะทำที่บ้านได้
นี่เป็นเหตุผลที่ โคเวย์ ตัดสินใจจะนำเก้าอี้นวดออกวางตลาด ในระบบสมาชิกรายเดือน (subscription) ในเดือนเมษายนนี้ เพื่อเป็นทางเลือกในการผ่อนคลายที่สามารถทำที่บ้านเวลาไหนก็ได้
ซึ่งเชื่อว่าโมเดล subscription นี้จะเหมาะสมกับสภาวะตลาดมากที่สุด เพราะผู้ซื้อไม่ต้องมีภาระเรื่องการจ่ายเงินเป็นก้อนในครั้งเดียว ในยามที่เงินในกระเป๋ามีจำกัด ผู้ซื้อสามารถซื้อสินค้าผ่านระบบสมาชิก จ่ายเงินเป็นรายเดือน จะเป็นระยะ 5 ปี หรือ 7 ปีก็ได้
อีกทั้งยังมีผู้ให้บริการ (โคตี้) คอยเข้าไปบริการลูกค้าถึงบ้านทุกๆ 2-4 เดือน เพื่อดูแลความสะอาดของสินค้า เปลี่ยนอุปกรณ์ และซ่อมแซมหากสินค้าเกิดมีปัญหาหรือชำรุดระหว่างใช้งาน
การนำเก้าอี้นวดโคเวย์มาบุกตลาดในระบบสมาชิกรายเดือนในปีนี้ เป็นการเดินรอยตามความสำเร็จในการทำตลาดของเครื่องกรองน้ำและเครื่องฟอกอากาศโคเวย์ในระบบ subscription ใน 3 ปีที่ผ่านมา ภายหลังจากที่ได้เปลี่ยนจากการใช้ระบบขายตรงในการทำตลาดในเมืองไทยมากว่า 20 ปี ทำให้ยอดขายทั้งเครื่องฟอกอากาศและเครื่องกรองน้ำโคเวย์เติบโตปีละ 15% ต่อเนื่องมาถึง 3 ปี
“แม้ตลาดเก้าอี้นวดในเมืองไทยมีขนาดไม่ใหญ่มาก มีเก้าอี้นวดแบรนด์ต่างๆ ขายในตลาดจำนวนมาก แต่ราคาแพง และไม่มีบริการ เราจึงเห็นโอกาสตลาด โคเวย์ขายเก้าอี้นวดในมาเลเซียแล้ว แม้จะมีร้านนวดคล้ายๆ เมืองไทย สามารถขายเก้าอี้นวดได้ถึง 2,000 เครื่องต่อเดือน และคิดว่าปรากฏการณ์นี้จะเกิดขึ้นกับเมืองไทยด้วยเช่นเดียวกัน” คิ รยง ชอย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารคนใหม่ของ บริษัท โคเวย์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านเครื่องกรองน้ำและเครื่องฟอกอากาศจากเกาหลีใต้กล่าว
คิ รยง ชอย ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของเก้าอี้นวดที่จะนำมาทำตลาดในเดือนเมษายนนี้ ให้ข้อมูลแต่เพียงว่า เก้าอี้นวดนี้มีระบบ body scan ที่จะนวดได้ตามสรีระของผู้นวดแต่ละคน อาทิ ความสูง เป็นต้น
ส่วนราคายังไม่ได้กำหนดแน่นอน แต่ที่ทำตลาดในมาเลเซียขณะนี้ ค่าสมาชิกต่อเดือนจะอยู่ที่ 1,200-1,300 บาท นอกจากนี้บริษัทยังมีสินค้าอื่นๆ ที่จะนำมาทำตลาดในระบบ subscription ในไทยด้วย โดยขณะนี้กำลังศึกษาความเป็นไปได้ของเตียงนอน ซึ่งยังไม่ได้สรุปรายละเอียด เพราะการแข่งขันในไทยสูงมาก
นอกจากการเปิดตัวเก้าอี้นวดแล้ว คิ รยง ชอย ยังเตรียมเดินหน้าขยายฐานลูกค้า subscription service และสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน และยกระดับ Cody service เพื่อเพิ่มประสบการณ์ลูกค้าอีกระดับ นอกจากนี้ยังมีสินค้าใหม่ๆ จากเครื่องฟอกอากาศ และเครื่องกรองน้ำที่ตลาดรวมเติบโตมากกว่า 7.7 เปอร์เซ็นต์ในปีที่ผ่านมา โดยประเมินว่าเครื่องฟอกอากาศจะเติบโตเพิ่มขึ้น เพราะมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซึ่งจะทำให้ธุรกิจของโคเวย์ในไทยเติบโต 20 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้
“โคเวย์เล็งเห็นว่าไทยเป็นหนึ่งในตลาดที่มีศักยภาพสูงในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี และเรื่องสิ่งแวดล้อม การเติบโตอย่างต่อเนื่องของผู้บริโภคในกลุ่มสุขภาพและไลฟ์สไตล์ จะทำให้โคเวย์เมืองไทยใหญ่เป็นอันดับสอง รองจากเกาหลีใต้ จากปัจจุบันที่ใหญ่เป็นอันดับสาม ตามหลังมาเลเซีย” คิ รยง ชอย กล่าว
ปัจจุบันโคเวย์มีฐานสมาชิกจ่ายรายเดือนในประเทศเกาหลี 7 ล้านราย มาเลเซีย 3 ล้านราย ประเทศไทย 3 แสนราย อเมริกา 2-3 แสนราย ส่วนอินโดนีเซียยังมีสมาชิกไม่มากเพราะเพิ่งขยายตลาด
เขายังกล่าวอีกว่า โคเวย์จะไม่เพียงแค่ขยายฐานลูกค้าในไทยให้ถึง 1 ล้านรายให้เร็วที่สุด หรือถึง 5 ล้านสมาชิกในระยะยาวเท่านั้น แต่ยังยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมที่ล้ำสมัยและบริการที่เป็นเลิศด้วย
สำหรับในปี 2568 โคเวย์มุ่งเน้น 3 กลยุทธ์หลัก คือ
1) การพัฒนา โมเดล subscription ให้แข็งแกร่งขึ้น มีการปรับปรุงระบบบริการสมัครสมาชิกให้เข้าถึงง่ายขึ้น พร้อมขยายเครือข่ายบริการหลังการขาย เพื่อให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีขึ้น
2) กลยุทธ์การตลาดดิจิทัลและอีคอมเมิร์ซ ขยายฐานลูกค้าผ่านช่องทางออนไลน์ เพื่อเพิ่มยอดมากขึ้น รวมถึงใช้แบรนด์แอมบาสเดอร์และอินฟลูเอนเซอร์ไทย สร้างการรับรู้และความเชื่อมั่นต่อแบรนด์
3) การดำเนินโครงการเพื่อสังคม เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับคนไทย และให้ความสำคัญกับนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พัฒนาเทคโนโลยีเครื่องกรองน้ำและเครื่องฟอกอากาศให้ทันสมัยยิ่งขึ้น พร้อมลดการใช้พลาสติกในบรรจุภัณฑ์ และส่งเสริมแนวคิด Smart & Sustainable Growth
“ผมจะนำโคเวย์ ประเทศไทย ก้าวไปสู่ยุคใหม่ของการเติบโตอย่างยั่งยืน ประเทศไทยเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง และผมเชื่อมั่นว่าโมเดล subscription ของเราจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับผู้บริโภคไทยได้อย่างแท้จริง เป้าหมายของผมคือการทำให้โคเวย์เป็นมากกว่าผลิตภัณฑ์ แต่เป็นแบรนด์ที่ผู้บริโภคไว้วางใจ และเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคนไทย” คิ รยง ชอย กล่าว
เขาระบุเพิ่มเติมว่าปัจจุบันโคเวย์ทำตลาดใน 60 ประเทศทั่วโลก ในปีที่ผ่านมารายได้ 60 เปอร์เซ็นต์มาจากเกาหลีใต้ และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 30 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเพิ่มจาก 10% ใน 10 ปีก่อน ส่วนที่เหลืออีก 10 เปอร์เซ็นต์มาจากอื่นๆ โคเวย์ทำตลาดผ่านทั้งตัวแทนจำหน่าย และผ่านระบบ subscription ที่มีในไม่กี่ประเทศ อาทิ เกาหลีใต้ มาเลเซีย อเมริกา ประเทศไทย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์
สำหรับ คิ รยง ชอย เข้าร่วมงานกับโคเวย์ตั้งแต่ปี 2546 เขามีประสบการณ์ในอุตสาหกรรมเครื่องกรองน้ำและเครื่องฟอกอากาศมากกว่า 20 ปี และได้ดำรงตำแหน่งสำคัญในตลาดต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น สหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย โดยเฉพาะในตลาดมาเลเซีย เขาสามารถผลักดันให้โคเวย์ครองอันดับ 1 ในตลาดด้วยโมเดล subscription
นอกจากนี้ ประสบการณ์ในเครื่องกรองน้ำและเครื่องฟอกอากาศแล้ว การมีพื้นฐานความรู้ทางการเงินที่แข็งแกร่งจากการทำงานกับ KPMG บริษัทตรวจสอบบัญชีระดับโลกของเขายังช่วยเสริมศักยภาพในการบริหารองค์กรขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
การเข้ามาของ คิ รยง ชอย ในประเทศไทย เพื่อช่วยขับเคลื่อนโคเวย์สู่เป้าหมายในการเป็น “แบรนด์ subscription ที่น่าเชื่อถืออันดับ 1 และการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนในระยะยาว” จึงน่าจับตามอง
ภาพ: โคเวย์
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : SHARP คัมแบ็กหลังเงียบกว่า 10 ปี ปรับดีไซน์ครั้งใหญ่สุดใน 52 ปี พร้อมสู้ศึกเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine