CMG เตรียมลงทุนเพิ่ม 7 พันล้าน หวังเขย่าวงการแฟชั่นรีเทลดันยอดขายปี 67 พุ่ง 20% - Forbes Thailand

CMG เตรียมลงทุนเพิ่ม 7 พันล้าน หวังเขย่าวงการแฟชั่นรีเทลดันยอดขายปี 67 พุ่ง 20%

​บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้งกรุ๊ป จำกัด (CMG) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล ประกาศความสำเร็จแบบนิวไฮในปี 2566 ด้วยยอดขายเติบโตขึ้นถึง 28% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยปี 2567 นี้ CMG เตรียมเขย่าวงการแฟชั่นรีเทลไทยอีกครั้ง ด้วยงบลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้าดันยอดขายโตก้าวกระโดดอีก 20%


    เอ็ดวิน ยัป ฮอสัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลมาร์เก็ตติ้ง กรุ๊ป จำกัด (CMG) ในเครือเซ็นทรัล รีเทล กล่าวว่า “ความมุ่งมั่นของ CMG คือ การเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งในธุรกิจแฟชั่นรีเทลที่สามารถส่งมอบแบรนด์ที่ดีที่สุดระดับโลกและสร้างประสบการณ์ช้อปปิ้งที่ดีที่สุดให้กับคนไทย ผ่านแพลตฟอร์มออมนิแชแนลที่ครบวงจร และเชื่อมช่องทางออฟไลน์และออนไลน์เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์ของเราได้ทุกช่องทางอย่างสะดวกสบายและไร้รอยต่อ รวมถึงเรายังมุ่งมั่นในการเป็นองค์กรสุดยอดนายจ้างที่ทุกคนอยากร่วมงานด้วย เพราะหัวใจที่สำคัญที่สุดในการดำเนินธุรกิจของ CMG ก็คือ การส่งมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า แบรนด์ และทีมงานของเราทุกคน”

    สำหรับปี 2566 ที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งปีที่สร้างปรากฎการณ์ความสำเร็จให้กับ CMG สามารถเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกสถานการณ์ ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินงานตามแผนที่วางไว้ได้อย่างครอบคลุม ทั้งการปรับปรุง เพิ่มประสิทธิภาพ และพัฒนาธุรกิจในหลากหลายมิติ ดังนี้


    1. ความเป็นเลิศในการบริหารจัดการร้านค้า - ในปี 2566 CMG ได้เสริมแกร่งจุดขายออฟไลน์ด้วยการเปิดหน้าร้านใหม่กว่า 180 จุด ทำให้มีจุดขายในศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้าในประเทศไทยรวมกว่า 2,200 แห่ง และยังริเริ่มนำเทคโนโลยี AI มาใช้วิเคราะห์ร้านค้าชั้นนำของบริษัทฯ เพื่อติดตามการดำเนินงานในร้านค้าและผลักดันการปรับปรุงการให้บริการลูกค้าอย่างจริงจัง และด้วยปัจจัยเหล่านี้ส่งผลให้ CMG มียอดการปิดการขาย และความพึงพอใจของลูกค้าเพิ่มขึ้น พร้อมวางแผนที่จะขยายการใช้ระบบ AI สู่ร้านค้าอื่น ๆ ในเครือเพิ่มมากขึ้นในปี 2567

    2. แพลตฟอร์มออมนิแชแนลแบบ 360 องศา - CMG ได้เปิดตัว 2 เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซใหม่ สำหรับจำหน่ายแบรนด์ Casio และ MLB ในปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งขยายจุดขายให้กับแบรนด์ในพอร์ตโฟลิโอสู่แพลตฟอร์ม Central Online และแพลตฟอร์มอื่น ๆ เช่น Lazada, Shopee และ Tiktok นอกจากนี้บริษัทฯ ยังได้ยกระดับช่องทาง Omnichannel ให้ดียิ่งขึ้น และพัฒนากลยุทธ์การตลาดดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ CMG มียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงแคมเปญออนไลน์ Double-Digit ในปี 2566

    3. การขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ - CMG โฟกัสการทำการตลาดแบบ CRM ที่ขับเคลื่อนด้วย บิ๊กดาต้า โดยมีเป้าหมายเพื่อขยายฐานลูกค้ารายใหม่ผ่านทุกช่องทางที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์สินค้าได้ ซึ่งปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้จัดทำแคมเปญการตลาดไปแล้วมากกว่า 1,200 แคมเปญ ส่งผลให้มีจำนวนลูกค้าใหม่มากกว่า 1,000,000 ราย และมีผู้ติดตามมากกว่า 7.7 ล้านคนบนช่องทางโซเชียลมีเดีย

    4. การขยายแบรนด์ใหม่ๆ - CMG ไม่เคยหยุดนิ่งในการเพิ่มแบรนด์ใหม่ระดับโลกเข้ามาในพอร์ตโฟลิโอ ในขณะเดียวกันก็เสริมแกร่งความสัมพันธ์ และสร้างความร่วมมือกับแบรนด์ที่มีอยู่เดิมในพอร์ตให้แข็งแรงยิ่งขึ้น โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เพิ่มแบรนด์ชั้นนำต่างๆ เข้ามาในพอร์ตโฟลิโอ อาทิ CROCS และ FILA รวมถึงได้เป็นพันธมิตรค้าปลีกกับแบรนด์ SKECHERS และจัดให้มีวางจำหน่ายในทุกสาขาของศูนย์การค้าในเครือเซ็นทรัล พัฒนาและห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล นอกจากนี้ CMG ยังได้เปิดตัวแบรนด์ L:A BRUKET ซึ่งเป็นแบรนด์ความงามออร์แกนิกสัญชาติสวีเดน เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้นของลูกค้าชาวไทยในด้านการดูแลผิวพรรณและมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว

    5. องค์กรที่มีความพร้อมมุ่งสู่อนาคต - หัวใจสำคัญของความสำเร็จของ CMG มาจากพนักงานทุกคน บริษัทฯ จึงมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาบุคลากรภายในองค์กรให้มีศักยภาพ และมีการ Reskill - Upskill อยู่เสมอ โดยเริ่มตั้งแต่การฝึกอบรมในร้านค้า การเทรนนิ่งเฉพาะบุคคล ไปจนถึงโปรแกรมส่งเสริมการเติบโตในสายอาชีพ ซึ่งทั้งหมดนี้ส่งผลให้ CMG ได้รับรางวัล “สุดยอดนายจ้างดีเด่นปี 2566” ติดต่อกัน 5 ปีซ้อนจากเวที Kincentric Thailand สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นองค์กรที่มีความพร้อม และได้รับการยอมรับจากทุกภาคส่วน


    "ปี 2567 นี้ CMG จะยังคงมุ่งหน้ายกระดับธุรกิจ และสร้างมาตรฐานที่เหนือกว่าให้กับวงการ รีเทลไทย ด้วยการนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่าง AI analytics และระบบอัตโนมัติ มาช่วยในการดำเนินงานด้านต่าง ๆ อาทิ การปรับปรุงกระบวนการทำงานของพนักงาน, การให้บริการลูกค้าที่หน้าร้าน, แพลตฟอร์มออมนิแชแนล และการเพิ่มประสิทธิภาพด้าน CRM โดยเรามุ่งมั่นที่จะเร่งพัฒนานวัตกรรมให้ครอบคลุมรอบด้าน พร้อมทั้งตอบสนองความต้องการ ของลูกค้าในกลุ่มสินค้าแฟชั่นและความงามที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้นให้ได้ดีที่สุด 

    นอกจากนี้ เรายังมีแผนที่จะเปิดจุดขายเพิ่มอีก 180 แห่ง เพื่อขยายขีดความสามารถในการให้บริการลูกค้าในหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ตลอดจนมีแผนที่จะขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ โดยเริ่มจากประเทศเวียดนาม ซึ่งบริษัทแม่ของเราอย่างเซ็นทรัล รีเทล ได้รุกตลาดและสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งไว้อยู่ก่อนแล้ว ที่สำคัญเราจะยังคงมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างเต็มที่ เพื่อเสริมแกร่งความเป็นผู้นำในธุรกิจจัดจำหน่ายและบริหารแบรนด์สินค้าชั้นนำระดับโลก ควบคู่ไปกับการเป็นบริษัทฯ ที่บริหารงานบนหลักธรรมาภิบาล และเป็นองค์กรที่ทุกคนอยากร่วมงานด้วย” เอ็ดวิน กล่าวทิ้งท้าย


เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'ไมโล' ทุ่มงบการตลาดกว่า 200 ล้าน ดึงไอดอลเกาหลี ‘ชาอึนอู’ เป็น Brand Ambassador คนแรกของไทย

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine