เปิดวิสัยทัศน์พลิกโลกการศึกษาของ ศ.ดร. วิเลิศ ภูริวัชร พิชิตพันธกิจด้วยกลยุทธ์การพัฒนารอบทิศ - Forbes Thailand

เปิดวิสัยทัศน์พลิกโลกการศึกษาของ ศ.ดร. วิเลิศ ภูริวัชร พิชิตพันธกิจด้วยกลยุทธ์การพัฒนารอบทิศ

FORBES THAILAND / ADMIN
30 Nov 2023 | 10:00 AM
READ 8843

    บนโลกใบเดิมที่ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกต่อไป ไม่ใช่แค่โลกธุรกิจที่ต้องปรับตัว แต่โลกการศึกษา ในฐานะแหล่งผลิตบุคลากรคุณภาพ ที่จะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป ก็ยิ่งจำเป็นต้องเร่งปรับตัวขนานใหญ่เช่นกัน โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาระดับมหาวิทยาลัยที่แต่เดิมคิดแต่จะก้าวให้ทันโลก แต่วันนี้ต้องหัดคิดให้ก้าวล้ำนำไปข้างหน้า เพื่อเป็นการศึกษาที่สร้างผู้นำแห่งอนาคต (Future Leaders)

    หนึ่งในตัวอย่างสถาบันการศึกษาที่ไม่ยอมถูกดิสรัป แต่เลือกที่สู้กลับกับดิจิตัล ดิสรัปชั่นได้อย่างโดดเด่น คือ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn Business School) ซึ่งนอกจากจะยืนหยัดในฐานะสถาบันการศึกษาด้านการบริหารธุรกิจที่มีชื่อเสียงที่สุดในประเทศไทยมา 85 ปี ยังยืนหนึ่งในฐานะ The Top Business School with Triple Crown Accreditation โดยมีหมุดหมายสำคัญคือ การก้าวสู่ Global Business School ที่ไม่เพียงอุดมไปด้วยคนเก่ง แต่ยังอุดมไปด้วยความดีและการเรียนอย่างมีความสุข

ศาสตราจารย์ ดร. วิเลิศ ภูริวัชร

ก้าวที่ยิ่งใหญ่ CBS สถาบันด้านบริหารธุรกิจ Top 100 ของโลก

    ศาสตราจารย์ ดร. วิเลิศ ภูริวัชร คณบดี คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (CBS)    ลูกหม้อของจุฬาฯที่จบการศึกษาด้านการเงินด้วยเกียรตินิยม และก้าวไปต่อด้วยปริญญาโทสองใบจาก Yale University ด้านการจัดการภาครัฐและเอกชน ตามด้วยดีกรีปริญญาเอกจาก University of Oxford กล่าวว่า จากประสบการณ์ที่ได้เรียนในมหาวิทยาลัยระดับท้อปทั้งอเมริกาและอังกฤษ ทำให้เชื่อมั่นว่าเด็กไทยมีคุณภาพไม่แพ้ชาติใดในโลก แต่ต้องการกระบวนการในการบ่มเพาะด้วยคุณภาพ จึงเป็นที่มาของความมุ่งมั่นในการพัฒนาการศึกษาของไทย

    ปัจจุบันทั่วโลกมีสถาบันการศึกษาด้านบริหารธุรกิจมากกว่า 30,000 แห่ง คำถามคือ เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสถาบันไหนที่มีคุณภาพการศึกษาระดับนานาชาติ ดังนั้น จึงมีหน่วยงานระดับโลกเข้ามาตรวจสอบและรับรองมาตรฐาน คณะฯจึงได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพการศึกษาจาก 3 สถาบันการศึกษาระดับโลก ประกอบด้วย Association to Advance Collegiate Schools of Business (AACSB), Association of MBAs (AMBA) และ The EFMD Quality Improvement System (EQUIS)

    "การได้รับการรับรองคุณภาพจาก 3 สถาบันระดับโลก จะได้รับการขนานนามว่า Triple Crown ก็เหมือนได้ 3 มง(กุฏ)มาครอง ทั้งนี้เราไม่ได้มองว่า มงกุฏที่ได้เป็นแค่เครื่องประดับ แต่เป็นการสร้างให้คณะฯ ได้พิสูจน์ว่าคุณภาพการศึกษามีความทัดเทียมกับนานาชาติ แต่ที่สำคัญกว่านั้นคณะฯของเรายังได้รับการจัดอันดับให้เป็นสถาบันด้านบริหารธุรกิจอันดับหนึ่งของประเทศไทย 18 ปีต่อเนื่องโดยการจัดอันดับขององค์กร QS Ranking อีกด้วย เลยกลายเป็นที่มาของฉลอง 85 ปีของคณะฯ ด้วยการประกาศเป็น The Top Business School with Triple Crown Accreditation"

    ศ.ดร. วิเลิศ ยังกล่าวด้วยว่า ความสำเร็จดังกล่าว ไม่เพียงเป็นความภาคภูมิใจของคณะฯ ชาวจุฬาฯ แต่รวมถึงคนไทยทั้งประเทศ ที่ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า คุณภาพการศึกษาไทยก็ไม่แพ้ชาติใดในโลก ที่สำคัญ ยังเป็นใบเบิกทางสำหรับบัณฑิตของคณะฯ ที่ต้องการไปศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยดังทั่วโลก เพราะสำเร็จการศึกษาจากสถาบันด้านบริหารธุรกิจที่ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มท้อปของโลกเช่นกัน ซึ่งเมื่อบัณฑิตเหล่านี้สำเร็จการศึกษา ก็จะกลับมาเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไป ในฐานะ "ผู้นำแห่งอนาคต"

    นอกจากนี้การสร้างให้สถาบันของไทยให้ที่มีชื่อเสียงระดับโลกจะทำให้ต่างชาติเข้ามาศึกษาเป็นการนำรายได้จากต่างชาติเข้าสู่ประเทศ เพราะปัจจุบันเด็กไทยแต่ละคนที่ไปเรียนต่างประเทศ หากใช้เงินคนละเป็นละล้านบาทต่อปี ถ้าหมื่นคนก็ทำให้เงินไหลออกจากประเทศประเทศเป็นระดับหมื่นล้าน การสร้างสถาบันการศึกษาไทยให้มีคุณภาพคือการพัฒนารายได้ด้วยเช่นกัน

ศาสตราจารย์ ดร. วิเลิศ ภูริวัชร

เบื้องหลังความสำเร็จมาจาก "วิสัยทัศน์" ที่มากด้วยกลยุทธ์วิธี

    แน่นอนว่า เบื้องหลังความสำเร็จในการพาคณะฯ ไปสู่การยอมรับในระดับสากล ไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ แต่หนึ่งในแรงผลักดันสำคัญ มาจาก "วิสัยทัศน์" ของ ศ.ดร. วิเลิศ ที่มองว่า แค่เป้าหมายหรือวิสัยทัศน์ทั่วไปอาจไม่ทรงพลังเพียงพอ จึงต้องอาศัยความรู้และประสบการณ์จากการทำงานทั้งภาครัฐและเอกชนมากลั่นเป็น "วิสัยทัศน์เชิงกลยุทธ์" (Strategic Vision) ที่เปี่ยมไปด้วยชั้นเชิง และนำไปสู่การปฏิบัติได้จริง (Strategic Actions)

    "ต้องเข้าใจก่อนว่าวิสัยทัศน์ไม่ใช่เป้าหมายระยะสั้น ที่จะทำให้สำเร็จใน 1-3 ปี แต่วิสัยทัศน์ คือ โจทย์ที่ผู้นำต้องกล้าฝัน ที่จะทำในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น วิสัยทัศน์ของคณะฯ คือ เราอยากเป็น Global Business School ความเป็น Global ไม่เหมือนกับ World-Class ซึ่งหมายถึงการมีคุณภาพเทียบเท่าระดับโลก แต่ความเป็น Global คือ เหมือนเวลาเรานึกถึง KFC, McDonald’s, Starbucks หรือ Coke เราไม่ได้มองว่าเป็นแบรนด์จากชาติไหน แต่เรารู้สึกว่า แบรนด์เหล่านี้เป็นแบรนด์ของทุกคนในโลก เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน เช่นเดียวกัน เราอยากให้นักศึกษาจากทั่วโลก ที่อยากเรียนด้านบริหารธุรกิจนึกถึงเรา แล้วมาเรียนที่คณะฯ ซึ่งนอกจากจะเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการนำรายได้เข้าสู่ประเทศ การที่ได้คนเก่งๆ มาเรียน จะทำให้คนเหล่านี้เกิดความผูกพันกับประเทศไทยด้วย"

    ศ.ดร. วิเลิศ ยังขยายความต่อว่า เมื่อตั้งต้นด้วยวิสัยทัศน์ที่อยากจะพาคณะฯ ไปสู่ Global Business School คำถามถัดมา คือ แล้วจะทำอย่างไร เพื่อไปสู่เป้าหมาย คำตอบทั้งหมดจึงสะท้อนผ่านวิสัยทัศน์ของคณะฯ ที่ว่า "A Global Business School delivering life-changing experiences with innovative wisdom and a philanthropic spirit."

    "เราเชื่อว่าการศึกษาจะสร้างประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตผู้คนได้ ทำให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ดังนั้นเราต้องสร้างสรรค์ภูมิปัญญาหรือความฉลาดเชิงนวัตกรรม เพราะสุดท้ายแล้วความรู้อาจมีวันล้าสมัย แต่ความฉลาดไม่มีวันล้าสมัย ที่สำคัญเมื่อเราพัฒนาผู้เรียนให้มีความเก่งแล้ว การปลูกฝังจิตวิญญาณในการรับใช้สังคมให้กับผู้เรียนก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ การสอนให้คนเราต้องไม่โกงต้องลงลึกทำให้คนๆ นั้น รู้สึกผิดเมื่อคิดจะโกง เพราะนั่นเป็นการสอนลงไปถึงระดับจิตวิญญาณ"

    จากวิสัยทัศน์ดังกล่าว จึงนำมาสู่การริเริ่มโครงการต่างๆ มากมายในคณะฯ หนึ่งในไฮไลท์ที่ถือว่าเป็นมิติใหม่ในการศึกษาด้านบริหารธุรกิจ คือ การก่อตั้ง Chula Business Entreprise ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้จากประสบการณ์ทำงานจริง เพื่อแก้ Pain points ของบัณฑิตจบใหม่ ที่มีความรู้เชิงทฤษฎี แต่ขาดประสบการณ์ทำงานจริง โดย Chula Business Entreprise จะเปิดโอกาสให้นิสิตได้สวมบทผู้ประกอบการ บริหาร CBS Mart และ CBS Cafe เพื่อพัฒนาทักษะในด้านต่างๆ ทั้งการขาย การบริหารคน การจัดสรรงบประมาณ รวมไปถึงการทำการตลาด ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีโครงการส่งนิสิตไปลงพื้นที่ในจังหวัดต่างๆ เพื่อช่วยเหลือรัฐวิสาหกิจในชุมชนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น การจัดการภาษี การจัดการสต็อก การทำการตลาด รวมไปถึงการสร้างแบรนด์

    "ถามว่าเราทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร ก็ต้องย้อนกลับมาที่วิสัยทัศน์ของคณะฯ คือ เราพาคณะฯ ขึ้นไปคว้ารางวัลระดับโลก แต่เราก็ไม่ลืมฝึกให้เด็กของเรามีความติดดิน Down to earth และให้มีจิตสำนึกของการช่วยเหลือชุมชนด้วย การให้เขาได้ไปเรียนรู้จากประสบการณ์จริงที่ไม่อยู่แค่ในห้องเรียน แต่ให้เขาได้รู้ว่า ประเทศไทยยังต้องการคนที่มีความรู้และความสามารถอีกมาก โครงการส่งนิสิตไปทำงานทั้งทางด้านบัญชี การตลาด บริหารให้กับชุมชนคือ การสร้างจิตสำนึกช่วยเหลือสังคม (Philanthropic spirit) เพราะการช่วยเหลือสังคมมิใช่ให้ทำแค่กิจกรรมแต่ต้องบ่มเพาะภูมิความดีให้เกิดขึ้นในใจ"

​    นอกจากการริเริ่มโครงการต่างๆ เพื่อพลิกโฉมภาพจำของการเรียนการสอนแบบเดิมๆ ในแง่ของหลักสูตร ศ.ดร. วิเลิศฯ ได้มีการปรับปรุงหลักสูตรอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่การบูรณาการข้ามศาสตร์ ทั้งในระดับปริญญาตรี และปริญญาโท โดยล่าสุด ได้เปิดหลักสูตร MSB (Master of Science in Business) ปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ควบปริญญาโท เพื่อเปิดโอกาสให้นิสิตสาขาอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจที่กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีได้เรียนควบคู่ปริญญาโททางธุรกิจอีกเพียง 1 ปีเท่านั้น โดยไม่จำเป็นต้องมีประสบการณ์การทำงาน พร้อมกันนี้ยังเชื่อมโยงคณะฯ กับองค์กรในระดับประเทศและต่างประเทศ เพื่อพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง

ศาสตราจารย์ ดร. วิเลิศ ภูริวัชร

    ศ.ดร. วิเลิศ ยังเสริมด้วยว่า คณะฯ ไม่ได้มุ่งสอนแค่เรื่องธุรกิจแต่ยังมอบประสบการณ์ให้ผู้เรียน ด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อาทิ Financial Lab ซึ่งจำลองบรรยากาศห้องลงทุนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มาให้ผู้เรียนได้สัมผัสเสมือนบรรยากาศจริงๆ Management Theatre พื้นที่ให้นิสิตได้ฝึกฝนทักษะด้านการสื่อสาร การนำเสนอไอเดีย ซึ่งเป็นหนึ่งในทักษะสำคัญของผู้นำในอนาคตในบรรยากาศเสมือนโรงละคร นอกจากนี้ยังมี CBS Lounge เป็นเหมือน Co-Working Space ของคณะ ที่นอกจากจะให้นิสิตได้มามาระดมความเห็น หรือทำการบ้านและโปรเจ็กต์ต่างๆ ยังช่วยสร้างความผูกพันระหว่างอาจารย์กับนิสิตอีกด้วย นอกจากนี้การสร้างแอพพลิเคชั่น CBS ที่ทำให้นิสิตสามารถทำงานและเรียนควบคู่กันไปได้ในโลกดิจิตัล

    "นิยามของมหาวิทยาลัยยุคนี้ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป มหาวิทยาลัยไม่ได้เป็นเพียงสถานศึกษาเพื่อให้ความรู้ (Knowledge provider) เท่านั้น แต่เป็นสถาบันที่เป็นที่พึ่ง บ่มเพาะทางปัญญา (Innovative talent incubator) ทำให้เกิดแนวคิดและกลยุทธ์ ในฐานะสถาบันการศึกษาด้านการบริหารธุรกิจ ภารกิจของเราคือ ก้าวนำเพื่อผู้นำ (Leading the leaders) โดยเราทำหน้าที่เป็นเหมือนสปอร์ตไลท์ที่นำทางคนที่มีความรู้ความสามารถในการก้าวไปสู่การเป็นผู้นำของประเทศ การเรียนและคุณภาพการศึกษา คือ กลยุทธ์หลักในการพัฒนาคุณภาพชีวิตและประเทศไทย"          ศ.ดร. วิเลิศ กล่าวทิ้งท้าย