คนไทยยังมีกำลังซื้อกล้องหลักแสน! ‘แคนนอน’ เผยมิเรอร์เลสฟูลเฟรมโตแรง ลุยเปิดตัว 2 รุ่นใหม่ ราคาเริ่ม 147,900 บาท - Forbes Thailand

คนไทยยังมีกำลังซื้อกล้องหลักแสน! ‘แคนนอน’ เผยมิเรอร์เลสฟูลเฟรมโตแรง ลุยเปิดตัว 2 รุ่นใหม่ ราคาเริ่ม 147,900 บาท

‘แคนนอน’ เผยคนไทยยังมีกำลังซื้อกล้องระดับไฮเอนด์ โดยเฉพาะกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมที่โตแรงต่อเนื่อง หลังผู้บริโภคหันมาใช้แทน DSLR ลุยเปิดตัว 2 รุ่นใหม่ขายในไทยครึ่งปีหลังนี้ คือ EOS R1 ราคาบอดี้ 235,900 บาท และ EOS R5 Mark II ราคาบอดี้เริ่ม 147,900 บาท


    ฮิโรชิ โยโกตะ ประธานบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า “ปี 2567 ถือเป็นหลักชัยสำคัญสำหรับแคนนอน ประเทศไทย ในโอกาสที่ได้ดำเนินธุรกิจในไทยมาครบ 30 ปี ซึ่งตลอดสามทศวรรษที่ผ่านมา เราได้ร่วมสร้างความเติบโตเคียงข้างพันธมิตร ช่างภาพ และลูกค้าผู้มีอุปการคุณมาอย่างมั่นคง

    “ในปัจจุบัน เราได้เข้าสู่ยุคแห่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์อันน่าตื่นใจ ซึ่งแคนนอนได้ผสานศักยภาพของสิ่งเหล่านี้เข้ากับเทคโนโลยีการเรียนรู้เชิงลึก เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ จนสามารถทำในสิ่งที่เคยเป็นไปไม่ได้ ให้เกิดขึ้นอย่างง่ายดายเพียงปลายนิ้ว ซึ่งสิ่งนี้เกิดจากความก้าวล้ำทางเทคโนโลยี AI ของเรานั่นเอง

    “วันนี้ เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์กล้องถ่ายภาพระดับแฟล็กชิปที่ทุกคนรอคอยทั้ง EOS R1 และ EOS R5 Mark II สู่ตลาดกล้องเมืองไทยอย่างเป็นทางการ โดยแคนนอนมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมกล้องเหล่านี้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและยกระดับงานถ่ายภาพไปสู่มาตรฐานอีกขั้นหนึ่ง ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าหากทุกท่านได้สัมผัสใช้งาน จะต้องรู้สึกประทับใจอย่างแน่นอน”


    เนตรนรินทร์ จันทร์จรัสสุข ผู้อำนวยการอาวุโส กลุ่มผลิตภัณฑ์คอนซูมเมอร์อิมเมจจิ้งอินฟอร์เมชั่น บริษัท แคนนอน มาร์เก็ตติ้ง (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมตลาดกล้องในปี 2024 แคนนอนยังครองมาร์เก็ตแชร์อันดับ 1 ของโลก

    ส่วนในแง่ของตลาดกล้องประเทศไทย ครึ่งปีแรกของปี 2024 ที่ผ่านมา ภาพรวมจำนวนยูนิตเติบโต 15% ส่วนในแง่มูลค่าตลาดเติบโต 25% ทั้งนี้ กล้องกลุ่มที่เติบโตอย่างน่าสนใจคือกลุ่มมิเรอร์เลสฟูลเฟรม ที่ในแง่ยูนิตเติบโตถึง 33% และในแง่ของมูลค่าเติบโตถึง 30%

    “ยอดขายกล้องมิเรอร์เลสในปัจจุบันมีสัดส่วนมากถึง 2 ใน 3 ของตลาดรวมทั้งหมด ขณะที่กล้อง DSLR มียอดขายตกลงเรื่อยๆ ซึ่งสาเหตุเป็นเพราะผู้บริโภคหันมาใช้กล้องมิเรอร์เลสแทน เนื่องจากตอบโจทย์ทั้งในแง่คุณภาพ เทคโนโลยี น้ำหนัก ทุกแบรนด์ตอนนี้ก็จะไปพัฒนากล้องมิเรอร์เลสเพราะเทคโนโลยียังพัฒนาต่อไปได้อีก ขณะที่กล้องคอมแพคในแง่ของจำนวนยูนิตที่ขายได้ก็ค่อนข้างทรงๆ แต่มูลค่าเพิ่ม เนื่องจากกลุ่มไฮเอนด์ยังใช้กล้องกลุ่มนี้อยู่” เนตรนรินทร์ กล่าว

    แคนนอนยังคาดการณ์มูลค่าตลาดกล้องรวม ปี 2024 ว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3,000 ล้านบาท หรือในแง่ของยูนิตคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 90,000 ตัว โดยแบ่งเป็น กล้องมิเรอร์เลส 60% รองลงมาคือกลุ่ม DC ประมาณ 35% และกล้อง DSLR ประมาณ 5% ของจำนวนตัวทั้งหมด

    ในส่วนของแคนนอนเอง ตั้งเป้าครองส่วนแบ่งตลาดในกลุ่มกล้องมิเรอร์เลสฟูลเฟรมปีนี้ที่ 40% จากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 35%

    ทั้งนี้ แม้ภาพรวมกำลังซื้อของคนไทยไม่ค่อยสู้ดีนักจากสภาวะเศรษฐกิจ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่กับตลาดกล้อง โดยเนตรนรินทร์เผยว่ากำลังซื้อของตลาดกล้องเรียกได้ว่าขึ้นอยู่กับการใช้งานที่แตกต่างกันไป ซึ่งมีทั้งกลุ่มที่ต้องการซื้อกล้องไปประกอบอาชีพ และกลุ่มที่ซื้อกล้องเพื่อการใช้งานทั่วไป

    “ภาพรวมกำลังซื้อที่ชะลอตัวไม่กระทบตลาด เห็นได้จากการเติบโตของกล้องฟูลเฟรม ซึ่งกำลังซื้อของคนที่ใช้กล้องกลุ่มนี้ยังมีอยู่ นอกจากนี้ ลูกค้าที่ใช้กล้องแบบ APSC ก็ขยับขึ้นมาใช้กล้องฟูลเฟรมมากขึ้น หรือกลุ่มที่ใช้กล้องฟูลเฟรมในระดับเริ่มต้น ก็ขยับมารุ่นสูงขึ้นด้วย” เนตรนรินทร์ระบุ

    สำหรับกล้อง 2 รุ่นใหม่ที่เปิดตัวล่าสุด ได้แก่ EOS R1 กล้องเรือธงระดับมาสเตอร์สำหรับมืออาชีพตัวจริง โดดเด่นทั้งความเร็วและฟีเจอร์ครบครัน ทั้งความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่อง ความเร็วในการโฟกัส รวมถึงความเร็วในการถ่ายโอนไฟล์ ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าระดับมืออาชีพที่เน้นเรื่องความรวดเร็วในการทำงานเป็นหลัก ทั้งการถ่ายการแข่งขันกีฬา ชีวิตสัตว์ป่า รวมถึงงานข่าว ส่งให้กล้อง EOS R1 ได้รับฉายา Speed Champion “You’R Difference” นำเสนอราคาเฉพาะตัวกล้องที่ 235,900 บาท โดยจะวางขายอย่างเป็นทางการปลายเดือนพฤศจิกายนนี้


    ส่วนอีกรุ่นหนึ่ง คือ EOS R5 Mark II กล้องมิเรอร์เลสไฮบริด ที่มีความโด่นเด่นในเรื่องความละเอียด แบบ High Resolution ทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว พร้อมจัดเต็มฟังก์ชันด้านวิดีโอ เพื่อให้เป็นที่สุดของ VDO performance รองรับกลุ่มผู้ใช้งานที่ต้องการผลงานคุณภาพสูง โดยเฉพาะกลุ่มงานเวดดิ้ง งานผลิตวิดีโอเชิงพาณิชย์ คอนเทนต์ครีเอเตอร์ ไปจนถึงช่างภาพอาชีพทุกสาย โดยนำเสนอ 2 รุ่นได้แก่ EOS R5 Mark II เฉพาะตัวกล้อง ราคา 147,900 บาท และ EOS R5 Mark II พร้อมเลนส์ RF24-105mm f/4L IS USM ราคา 192,900 บาท เริ่มขายเดือนกันยายนนี้


    สำหรับกล้อง 2 รุ่นใหม่นี้เรียกได้ว่าได้รับกระแสดีตั้งแต่มีข่าวว่าจะเปิดตัว และมียอดจองเข้ามาแล้ว โดยยอดจองของ EOS R1 อยู่ที่ประมาณ 100 กว่าตัว ส่วน EOS R5 Mark II มียอดจองมากกว่า 200 ตัว

    “สำหรับ EOS R1 เราประเมินว่าปีนี้อาจจะมียอดขายค่อนข้างน้อย คืออาจไม่ถึง 5% ของกล้องมิเรอร์เลสทั้งหมดของเรา เนื่องจากเริ่มวางขายในช่วงปลายปี หรือมีเวลาแค่เดือนเดียว เทียบกับรุ่นอื่นๆ ที่ขายมาทั้งปี แต่เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับดีเนื่องจากเป็นรุ่นที่ช่างภาพทุกคนตั้งตารอ

    “ส่วนการทำการตลาดปีนี้เราคงเน้นไปที่ EOS R5 Mark II มากกว่า โดยทุ่มงบประมาณกว่า 10 ล้านบาทในการทำการตลาดสำหรับรุ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นการทำโปรโมชั่น การจัดกิจกรรมต่างๆ เพื่อให้สมน้ำสมเนื้อกับแฟนๆ แคนนอนที่รอมา” เนตรนรินทร์กล่าวทิ้งท้าย



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : 'ตอบโจทย์ค่าไฟแพง' EnergyLIB เปิตัวโซล่าร์เซลล์ ใช้ได้ทั้งกลางวัน-กลางคืน ประหยัดไฟสูงสุด 70%

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine