ส่องพฤติกรรม Gen New Gen Now ผู้บริโภค 2 กลุ่มหลักในสังคมไทย เชื่อมั่นในแบรนด์สินค้า หาข้อมูลหาอินฟลูเอนเซอร์เพื่อตัดสินใจซื้อ แต่ยังซื้อของที่ออฟไลน์เป็นหลัก ปัจจุบันผู้บริโภครับชมรายการผ่านหลากหลายจอ โทรทัศน์ สมาร์ทโฟน ขณะที่ CTV เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64 ลุ้นอุตสาหกรรมโฆษณาเติบโตต่อเนื่อง คาดปีนี้ขยายตัวร้อยละ 4 มูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านบาท
บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย จัดงาน “The Future of Media 2024" เปิดเผยแนวโน้มพฤติกรรมผู้บริโภคในการซื้อสินค้าและการบริโภคสื่อในรอบปีที่ผ่านมา และทิศทางในอนาคต ซึ่งปัจจุบันอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในประเทศไทย ถูกกำหนดโดยผู้บริโภค 2 กลุ่ม คือ Gen New Gen Now
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/ks55fFsEGmKMHaxKFtUG.jpg)
รัญชิตา ศรีวรวิไล Thailand Vertical Lead - Advertiser and Agency บริษัท นีลเส็น ประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันสามารถแบ่งผู้บริโภคในประเทศไทยออกเป็น 2 กลุ่มด้วยกัน ได้แก่ Gen New อายุต่ำกว่า 40 ปี (Gen y และ Gen Z) และ Gen Now (Gen X และ Baby Boomer) อายุ 40 ปีขึ้นไป ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 57 ผู้บริโภคทั้งสองกลุ่มมีพฤติกรรมที่เหมือนและแตกต่างกัน เช่น ทั้ง 2 กลุ่ม ให้ความสำคัญกับการบริโภคอาหารที่ดีต่อร่างกาย ใช้สินค้าที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และมองว่าเงินยังเป็นสิ่งสะท้อนถึงความสำเร็จ รวมทั้งเปิดกว้างในการยอมรับความเท่าเทียม
อย่างไรก็ตาม Gen New ยังให้ความสำคัญกับการออมเงินมากขึ้น คิดเป็นสัดส่วน 53% และ 31% มองหาโอกาสการลงทุนในผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ ๆ นอกจากนี้ยังเปิดรับความแตกต่างทางเพศได้มากกว่าอยู่ที่ร้อยละ 67 ขณะที่ Gen Now อยู่ที่ร้อยละ 54
Gen New ชอบช้อปปิ้งออนไลน์
พฤติกรรมการช้อปปิ้ง กลุ่ม Gen New และ Gen Now ยังให้ความสำคัญกับแบรนด์ในการเลือกซื้อสินค้าในสัดส่วนร้อยละ 76 และ 79 ตามลำดับ แต่ Gen New จะมีการหาข้อมูล ดูรีวิวก่อนการซื้อสินค้า คิดเป็นสัดส่วน 52% ขณะที่ Gen Now อยู่ที่ 28% และ Gen New ชอบซื้อสินค้าออนไลน์มากกว่า (ร้อยละ 50) ขณะที่ Gen Now อยู่ที่ร้อยละ 23 โดยกลุ่มสินค้าที่มีการซื้อออนไลน์ เช่น สินค้าแฟชั่น และของสด
“แม้กลุ่ม Gen New จะให้ความสำคัญกับการหาข้อมูลสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ แต่ 53% ของกลุ่มตัวอย่างยังคงตัดสินใจซื้อสินค้าที่ออฟไลน์เป็นหลัก สะท้อนให้เห็นว่าทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ยังเป็นช่องทางสำคัญสำหรับผู้บริโภคชาวไทย และในแง่ผู้โฆษณาได้โยกงบไปลงกับสื่ออินสโตร์มากขึ้น เพราะมีส่วนในการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ณ จุดขาย” รัญชิตากล่าว
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/BPMCQiUgN6p57JkQcxad.jpg)
ขณะที่พฤติกรรมในการบริโภคสื่อของ Gen New มีการรับสื่อในช่องทางที่หลากหลาย ขณะที่สื่อหลักของคน Gen Now คือ ทีวี นอกจากนี้กลุ่ม Gen New ยังมีการฟังเพลงผ่านช่องทางดิจิทัลในสัดส่วนถึงร้อยละ 90 และร้อยละ 34 รับฟัง podcasts ขณะที่ร้อยละ 49 ฟังวิทยุระบบ FM ในช่วงที่ขับรถยนต์
“จากผลสำรวจจะเห็นได้ว่าผู้บริโภคยังให้ความสำคัญกับแบรนด์ ดังนั้นการลงทุนสื่อสารแบรนด์ผ่านสื่อต่าง ๆ จะช่วยสร้างการจดจำ โดยร้อยละ 1 ของการจดจำแบรนด์ที่เพิ่มขึ้น จะทำช่วยผลักดันยอดขายให้เพิ่มขึ้นร้อยละ 1 เช่นเดียวกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญสำหรับนักการตลาดทั้งในไทยและเอเชียแปซิฟิกยังให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์”
การเติบโตของ CTV
สำหรับผลสำรวจเกี่ยวกับการบริโภคสื่อผ่านช่องทางต่าง ๆ ในปัจจุบัน ผู้บริโภคชาวไทยมีการรับชมรายการผ่านหลากหลายช่องทาง และการขยายตัวของ CTV หรือ Connected TV ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วนร้อยละ 41 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 64 เมื่อเทียบกับช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ การเข้ามาของ CTV ช่วยปิดช่องว่างการลดลงของการรับชมทีวีแบบเดิม นอกจากนี้ผู้บริโภคในเอเชียแปซิฟิกในปัจจุบันรับชมรายการผ่านสมาร์ทโฟนเป็นหลัก โดยไทยมีสัดส่วนร้อยละ 90 ขณะที่สิงคโปร์และไต้หวันอยู่ที่ร้อยละ 98
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/XAHjFeFLVYvSLbPv68Js.jpg)
ปัจจุบันผู้บริโภคชาวไทยรับชมทีวีแบบออฟไลน์ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 64 ขณะที่รับชมผ่าน Streaming ร้อยละ 36 โดยการรับชม Streaming ผ่านแพลตฟอร์มยูทูบมากที่สุดร้อยละ 14 ตามด้วย TikTok ร้อยละ 7 และ เฟซบุ๊คร้อยละ 6 ผู้บริโภคชาวไทยชอบดูรายการสดมากที่สุด โดยเฉพาะคอนเทนต์กีฬาและละคร ซึ่งในปีที่ผ่านมามีรายการกีฬาหลายรายการทั้งฟุตบอลและวอลเล่ย์บอลที่ดึงคนดูได้มาก รวมทั้งอีเวนต์สำคัญ ๆ เช่น การเลือกตั้ง ปัจจุบันมีผู้ชมรายการเฉลี่ยวันละ 39 ล้านคน ผ่านทีวีออฟไลน์ และ Streaming และช่วงเวลาที่คนรับชมรายการโทรทัศน์มากที่สุด คือช่วงไพรม์ไทม์ 18.00 – 22.00 น.
อุตสาหกรรมสื่อโฆษณาโตร้อยละ 4
ปัทมวรรณ สถาพร นายกสมาคมมีเดียเอเยนซี่ ประเทศไทย (MAAT) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กรุ๊ปเอ็ม ประเทศไทย กล่าวว่า ปีนี้คาดว่าอุตสาหกรรมสื่อโฆษณาในประเทศจะมีมูลค่า 1.2 แสนล้านบาท เติบโตจากปีก่อนร้อยละ 4 ซึ่งจากต้นปีคาดว่าอุตสาหกรรมจะเติบโตร้อยละ 7 แต่จากปัจจัยต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย หรือจีดีพีที่ประกาศออกมาขยายตัวไม่ถึงร้อยละ 2 ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมสื่อโฆษณาเช่นเดียวกัน ขณะที่ปี 2567 มองว่าอุตสาหกรรมฯจะเติบโตมากกว่าปีนี้ จากมาตรการกระต้นเศรษฐกิจของรัฐบาล
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/HCvXmZPLYQNduHtSrh5k.jpg)
นอกจากนี้ ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ภูมิทัศน์ของสือเปลี่ยนแปลงไป จากเดิมทีวีเป็นสัดส่วนหลักเกือบร้อยละ 60 ปัจจุบันเหลือร้อยละ 42 แม้สื่อดิจิทัลจะเติบโตขึ้น แต่เม็ดเงินโดยรวมลดลงเกือบครึ่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามจากการขยายตัวของสื่อดิจิทัล ทำให้นักการตลาดไม่สามารถมองข้ามได้ และต้องหากลยุทธ์ที่จะช่วยขับเคลื่อนเพื่อให้โฆษณาเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งร้อยละ 85 เป็น Netizen เช่น การใช้ Data AI การทำ Personalization Ad
“การเข้าถึงความสนใจของกลุ่มเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญ แม้จะเห็นว่า Gen New ขยายตัวมากขึ้น แต่อย่าลืมว่า Gen Now เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ต้องหาจุดสนใจของพวกเขาให้เจอ หาเครื่องมือที่จะช่วยในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็น KOL หรือ Creator แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงมากมาย แต่หวังว่าปีหน้าอุตสาหกรรมจะดีกว่าปีนี้” ปัทมวรรณกล่าว
![](https://forbesthailand.com/wp-content/uploads/2023/11/N3Ft62V9dVDmJXF1GvGC.jpg)
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : บริหารกิจการแบบ Suntory ใช้สูตรผสมต่างวัย