ใครจะไปคิดว่าร้านบุฟเฟ่ต์นานาชาติสุดฮอตอย่าง Copper Beyond Buffet นั้นแรกเริ่มเดิมทีถูกวางให้เป็นแค่ ‘แม็กเน็ต’ ดึงคนเข้าศูนย์การค้า และช่วงแรกที่เปิดกิจการขาดทุน 9 เดือนติด แต่ปีนี้ Copper Beyond Buffet กำลังทะยานสู่เป้าหมายรายได้ 1,000 ล้านบาท เปิดเกมรุกด้วยกลยุทธ์คอลแล็บ ‘สก๊อต รังนก’ และ ‘ชาตรามือ’ สร้างปรากฏการณ์ใหม่ ตั้งเป้าสู่ Best International Buffet ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ร้านบุฟเฟ่ต์นานาชาติพรีเมียมที่อยู่กระแสร้อนแรงในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และเชื่อว่าหลายคนอาจจะเคยแวะเวียนไปชิมกันมาบ้าง Copper Beyond Buffet ที่ประสบความสำเร็จล้นหลามจนต้องขยายจากย่านปิ่นเกล้ามาสู่กลางเมืองอย่างเกษรอัมรินทร์เมื่อปีก่อน
เส้นทางของ Copper Beyond Buffet เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่ใช่น้อย จากผู้ก่อตั้งที่ทำธุรกิจร้านจิวเวลรี่ มาเปิดคอมมูนิตี้มอลล์แต่ยังไม่บูม เลยต้องเปิดร้านอาหารเพื่อเป็นแม็กเน็ตดึงคนเข้าศูนย์ฯ แต่ร้านอาหารก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนกัน
“เปิดปุ๊บ เจ๊งปั๊บเลยค่ะ” พจนีย์ พินิจศักดิ์กุล ประธานกรรมการบริหาร คอปเปอร์ บียอนด์ บุฟเฟต์ กล่าวพร้อมหัวเราะ ขณะเล่าถึงเส้นทางของ Copper Beyond Buffet ว่าแรกเริ่มเดิมที คุณพ่อของเธอทำเปิดร้านจิวเวลรี่อยู่ที่ดิ โอลด์ สยาม แต่เมื่อธุรกิจจิวเวลรี่เริ่มเข้าสู่ขาลงในช่วงปี 2545-2555 คุณพ่อของเธอจึงเริ่มมองหาธุรกิจอื่น ซึ่งในตอนนั้นได้ซื้อที่ดินไว้แปลงหนึ่งในย่านปิ่นเกล้า และตอนนั้นในไทยเริ่มมีคนพัฒนาโครงการค้าปลีกอย่างคอมมูนิตี้มอลล์ขึ้น คุณพ่อของเธอจึงเกิดไอเดียพัฒนาที่ดินผืนนี้ที่แต่เดิมเป็น ป. กุ้งเผา ให้เป็นโครงการที่ชื่อว่า The Sense ปิ่นเกล้า ขึ้นในปี 2557
แต่ธุรกิจคอมมูนิตี้มอลล์ไม่ใช่เรื่องง่าย พจนีย์ หรือเหมี่ยน บอกว่าเปิดมาก็เจ๊งเลย ทำให้คุณพ่อคิดว่าจะต้องมีร้านอาหารมาเป็นแม็กเน็ตดึงคนเข้ามาใช้บริการที่คอมมูฯ จึงเปิดตัวร้าน Copper ในปี 2559

“เปิดปีแรก เรามีลูกค้า 6,000-8,000 คน/เดือนในช่วงแรก แต่ขาดทุนสะสมทุกเดือนเป็นเวลาราว 8-9 เดือน ถามว่าขาดทุนแต่ทำไมเราถึงยังทำต่อ เพราะสิ่งที่เป็นเป้าหมายของเราคือการดึงคนเข้ามาในศูนย์การค้า ทำให้เรามุ่งมั่นตั้งใจพัฒนาต่อทั้งในเรื่องคุณภาพและบริการ”
ความมุ่งมั่นและจริงจังของ Copper Beyond Buffet เรียกว่าไม่ได้มาเล่นๆ ตั้งแต่การฟอร์มทีมดึงคนเก่งเข้ามาทำงาน ตัวอย่างเช่น เกษมสันต์ สัตยารักษ์ ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งรองประธานบริหาร เขามีประสบการณ์ในแวดวงอาหารมายาวนาน ทำให้สามารถติดต่อเข้าหาบริษัทวัตถุดิบชั้นเยี่ยม เพื่อคัดสรรวัตถุดิบจากแหล่งที่ดีที่สุด เก็บผลผลิตในช่วงเวลาที่ดีที่สุด มีการเดินทางไปดูแหล่งวัตถุดิบถึงที่ ทั้งหมดทั้งมวลเพื่อให้ได้วัตถุดิบชั้นเลิศมารังสรรค์เป็นเมนูพิเศษนั่นเอง
“การที่เราอยากเป็นผู้นำในตลาดบุฟเฟ่ต์นานาชาติ เราต้องได้รับการซัพพอร์ตจากผู้นำด้านวัตถุดิบที่สำคัญ ซึ่งเรามีพาร์ทเนอร์ทั้ง เบทาโกร ในวัตถุดิบกลุ่มหมู ไก่ มี QFresh ในเครือเบทาโกรในกลุ่มอาหารทะเล มี foodiva ซึ่งเป็นผู้นำในวัตถุดิบเนื้อแกะและเนื้อนำเข้า และการที่เรามีพาร์ทเนอร์เป็นผู้นำด้านวัตถุดิบ ทำให้เราเติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอด 9 ปีที่ผ่านมา” พจนีย์ กล่าว

ความตั้งใจส่งผลมาถึงการเติบโต Copper Beyond Buffet ในปี 2561 มีลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 10,000-13,000 คน/เดือน และเพิ่มเป็น 15,000 คน/เดือนในปี 2562
จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้ Copper Beyond Buffet เติบโตอย่างก้าวกระโดดคือการเข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มจองดีลร้านอาหารอย่าง Hungry Hub เมื่อ 6 ปีก่อน โดย Hungry Hub จะมีการตลาดช่วยเสริมด้วย และนั่นคือส่วนหนึ่งที่ทำให้ลูกค้าของ Copper ขยายฐานจากกลุ่มคนไทยไปสู่ชาวต่างชาติมากขึ้น นอกเหนือจากการรีวิวโดยชาวต่างชาตินั่นเอง
“เมื่อแบรนดิ้งเริ่มแข็งแรง กลุ่มลูกค้าเริ่มขยายตัวมากขึ้น บวกกับช่วงนั้นที่เกษรรีโรเวตอัมรินทร์พลาซ่า เขาเข้ามาคุยกับคุณพ่อ ช่วงนั้นหุ้นส่วนหลายคนก็เริ่มมองว่าถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องขยายไปสาขาสอง” พจนีย์ กล่าวถึงที่มาของการขยายมาสาขาที่สองในปี 2567 ที่ผ่านมา

และนั่นทำให้บริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดด คือมีผู้ใช้บริการทั้งปีราว 480,000 คน หรือเฉลี่ย 40,000 คน/เดือน โดยเฉลี่ยแบ่งเป็นคนไทย 65% และต่างชาติ 35% อย่างไรก็ตาม สาขาเกษรอัมรินทร์สัดส่วนต่างชาติจะเยอะกว่าคือประมาณ 40% ส่วนสาขา The Sense มีชาวต่างชาติประมาณ 25%
และเพียงจำนวน 2 สาขา ปี 2567 ก็สามารถปิดรายได้ปีที่แล้วไปที่ 800 ล้านบาท กำไรอยู่ที่ราวๆ 10% หรือประมาณ 80 ล้านบาท ขณะที่ในปี 2566 นั้น ข้อมูลจากเว็บไซต์กรมพัฒนาระบุว่า บริษัท ชัยยะเจริญกิจ จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของ Copper Beyond Buffet มีรายได้ 451.6 ล้านบาท กำไร 15.5 ล้านบาท
ทั้งนี้ สาขา The Sense แรกเริ่มนั้นมีขนาดเพียง 400 ตารางเมตร แต่ปัจจุบันมีขนาดถึง 2,300 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้กว่า 400 คน ส่วนสาขาเกษรอัมรินทร์มีพื้นที่ 1,300 ตารางเมตร รองรับลูกค้าได้ 300 คน โดยเฉลี่ยทั้งปีมี Occupancy Rate หรืออัตราการเข้าใช้บริการอยู่ที่ 70% แต่ถ้าเป็นช่วง 3 เดือนพีค คือ พฤศจิกายน ธันวาคม และมกราคม มี Occupancy Rate สูงถึง 95%

บริษัท ทิพย์ธารี จำกัด ในนาม ร้านชาตรามือ, พจนีย์ พินิจศักดิ์กุล และ ชลธิชา ชวาลเวชกุล กรรมการผู้จัดการ
บริษัท สก๊อต อินดัสเตรียล (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับการฉลองเข้าสู่ปีที่ 9 Copper Beyond Buffet ตั้งใจสร้างมิติใหม่ให้วงการบุฟเฟ่ต์อีกครั้งด้วยการ Collaboration กับสองแบรนด์ไทยแต่ชื่อดังระดับโลกอย่าง “สก๊อต รังนก” แบรนด์รังนกแท้จากธรรมชาติ และ “ชาตรามือ” ตัวแม่แห่งวงการชาไทยและเครื่องดื่ม พร้อมเชิญสองเชฟมิชลินชื่อดังอย่าง เชฟไฮเคิล โจฮาริ เชฟมิชลิน 1 ดาวจากร้าน AVANT และเชฟแท็ป ศุภสิทธิ์ ก๊กผล เชฟมิชลิน 1 ดาว จากร้าน CODA Bangkok มาร่วมรังสรรค์เมนูพิเศษกว่า 20 เมนู

โดยนำวัตถุดิบไฮไลต์ของทั้งสองแบรนด์มารังสรรค์ใหม่ร่วมกับวัตถุดิบคุณภาพสูงด้วยเทคนิคการปรุงขั้นสูง และเสิร์ฟทุกเมนูในรูปแบบของไฟน์ไดนิ่งที่มีที่ Copper Beyond Buffet ที่เดียว

“เป้าหมายของเราปีนี้คือมีรายได้แตะ 1,000 ล้านบาท และรองรับลูกค้าได้ 500,000 คน และอยากเป็นอินเตอร์เนชั่นแนลบุฟเฟ่ต์ที่ดีที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราจึงอยากสร้างปรากฏการณ์ใหม่ๆ ผ่านการคอลแล็บครั้งนี้ เพื่อขยายฐานให้ลูกค้าของทั้งสก๊อตและชาตรามือซึ่งเป็นที่เติบโตในต่างประเทศด้วย รู้จักเรามากขึ้น และให้เราเป็น Top of Mind ทั้งในกลุ่มลูกค้าคนไทยและต่างชาติ และอยากกลับมาใช้บริการเราอีก” พจนีย์กล่าว

สำหรับแผนต่อไปหลังจากนี้ของ Copper Beyond Buffet นั้น พจนีย์บอกว่ายังไม่มีแผนขยายสาขาเพิ่มเติมในปีนี้ เพราะต้องดูกระแสการตอบรับของเกษรอัมรินทร์ให้คงที่ก่อน โดยเธอประเมินว่าสาขานี้จะใช้เวลา 2 ปี – 2 ปีครึ่งถึงจะถึงจุดคุ้มทุน ส่วนสาขาใหม่ในอนาคตต้องอยู่ในทำเลที่เป็น Strategic Location มีทราฟฟิกของชาวไทยและชาวต่างชาติในสัดส่วนเท่าๆ กับปัจจุบัน และต้องมีพื้นที่อย่างน้อย 1,200 ตารางเมตร
“หลังจากนี้เราไม่ได้มองว่า Copper คือตัวดึงทราฟฟิกเข้ามาที่ The Sense แล้ว เรามองว่า Copper เป็นแบรนด์ที่จะสามารถต่อยอดธุรกิจ เป็นธุรกิจ Food & Beverage เต็มตัวแบบจริงจัง ซึ่งมีโอกาสที่จะขยายสาขา หรือขยายเป็นแบรนด์ต่างๆ หรือแม้แต่ขยายไป division อื่นๆ เช่น แตกแบรนด์ไปทำเมอร์แชนไดส์หรือแคเทอริ่งก็ได้” พจนีย์กล่าว ก่อนจะทิ้งท้ายด้วยประโยคที่พูดพร้อมหัวเราะไปว่า “ส่วนคอมมูนิตี้มอลล์ ไม่ทำแล้วนะคะ เหนื่อย (หัวเราะ)”

น่ารู้
-เมนูอย่างซุปทรัฟเฟิล และก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อวากิว ปีที่ผ่านมาเสิร์ฟไปแล้วเมนูละ 1 ล้านถ้วย
-ก๋วยเตี๋ยวเรือเนื้อวากิว ได้รับความนิยมมากจนคุณพ่อของคุณพจนีย์ นำไปเปิดร้านก๋วยเตี๋ยวเรือชื่อ “เตี๋ยว คอปเปอร์” มี 1 สาขาอยู่ภายใน The Sense เช่นกัน ซึ่งพจนีย์บอกว่ามีโอกาสที่จะนำธุรกิจนี้เข้ามาอยู่ในบริษัทโฮลดิ้งของ Copper
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘แมคโดนัลด์’ ทุ่ม 700 ล้านบาท เปิดสาขาใหม่-ปรับโฉมร้านเดิม พร้อมอัดโปรโมชั่นเต็มที่ ฉลอง 4 ทศวรรษในไทย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine