ธุรกิจ SME 'แม่สุนีย์ ขนมไทย' เผยเคล็ดลับ 2 ดี 'สินค้าดี-พันธมิตรดี' ดันยอดขายปี 2566 พุ่ง 260 ล้านบาท ผ่านร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น
ขนมไทยในร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ที่หลายคนติดอกติดใจในรสชาติอย่างเช่น กล้วยปิ้ง กล้วยปิ้งน้ำตาลมะพร้าว เต้าส่วนทรงเครื่อง เปียกปูนดอกไม้ กล้วยไข่เชื่อมน้ำกะทิ ส่วนหนึ่งเป็นฝีมือการผลิตของผู้ประกอบการ SME ไทย ที่ทำออกมาได้อย่างน่าทึ่งไม่ว่าจะแพ็กเก็จจิ้ง รสชาติ หรือรูปแบบขนม
โดยหนึ่งในผู้ประกอบการ SME ขนมไทยที่ได้ผลตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภคก็คือ บริษัท เจ เอช แอนด์ สโนว์ กรุ๊ป จำกัด เจ้าของแบรนด์ “แม่สุนีย์ ขนมไทย” และผู้ผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ EZY SWEET โดยเป็นผู้ประกอบการที่อยู่คู่กับเซเว่น อีเลฟเว่น มายาวนานกว่า 10 ปี มีสินค้าจัดจำหน่ายในร้านเซเว่น อีเลฟเว่นกว่า 13 รายการ สามารถสร้างอัตราการเติบโตด้านยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2566 มียอดขายสูงกว่า 260 ล้านบาท และในปี 2567 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่กว่า 360 ล้านบาท
ก้องปพัฒน์ เรืองจินดาชัยกิจ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เจ เอช แอนด์ สโนว์ กรุ๊ป จำกัด เล่าว่า หัวใจสำคัญในการทำให้ขนมไทยสามารถเติบโตได้ในตลาดโมเดิร์นเทรดนั้น ต้องประกอบด้วย 2 ดี ได้แก่
1. สินค้าดี : ต้องมี “เอกลักษณ์-มาตรฐาน-ความอร่อย”
เอกลักษณ์ : ขนมของบริษัทจะใช้วัตถุดิบจากธรรมชาติ 100% เพื่อยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของขนมไทย ที่จะใช้วัตถุดิบจากท้องถิ่นนำมาทำขนม เช่น ใช้ใบเตยสดในการทำขนมประมาณ 2-3 ตันต่อวัน หรือ การคัดเลือกกล้วยที่มีเมล็ดน้อย เพื่อสะดวกต่อการรับประทาน
มีมาตรฐานตรวจสอบได้ : วัตถุดิบที่นำมาผลิตต้องสามารถตรวจสอบแหล่งที่มาได้ว่ามาจากที่ไหน เพื่อที่เวลาเกิดปัญหาจะแก้ที่ต้นทางได้ทันที เพื่อลดการสูญเสียต้นทุนในการผลิต เช่น บริษัทฯจะเปิดรับซื้อกล้วยเกษตรกรจากพื้นที่ต่างๆ เป็นล็อตๆ เพื่อให้นำมาส่งตามวันเวลาที่กำหนด ทำให้รู้ได้ว่ากล้วยของวันนี้มาจากที่ไหน หากมีปัญหาก็จะได้แจ้งเกษตรกรพื้นที่นั้นๆ ได้ เป็นต้น
อร่อย : ขนมไทยที่อร่อยคือ ขนมที่เมื่อได้รับประทานไปแล้วต้องให้ความรู้สึกว่าอยากรับประทานต่อ โดยยังคงรสชาติของขนมไทยที่หวาน หอม กลมกล่อมครบรสขนมไทยอย่างที่คุ้นเคยไว้ได้ครบถ้วน
2. พันธมิตรดี : ช่วยสร้างโอกาสการเติบโตอย่างยั่งยืน
ผู้ประกอบการ SME ยังกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า นอกจากสินค้าที่ดีมีคุณภาพแล้ว พันธมิตรที่ดีก็มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้บริษัทมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในตลาดโมเดิร์นเทรด การเติบโตเพียงลำพังอาจเป็นการเติบโตแบบไม่ยั่งยืน พันธมิตรที่สำคัญของบริษัทคือ เซเว่น อีเลฟเว่นและกลุ่มเกษตรกร
เซเว่น อีเลฟเว่น มีส่วนช่วยสร้างการเติบโตให้กับบริษัทอย่างมากในเรื่องของช่องทางขาย การให้องค์ความรู้ และการเชื่อมโยงเครือข่าย เพราะการทำการค้าในตลาดโมเดิร์นเทรดจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้ให้ทันตลาด ซึ่งเซเว่น อีเลฟเว่น มีกลุ่มลูกค้าขนาดใหญ่ ทำให้มองเห็นเทรนด์และความต้องการของตลาดเป็นอย่างดี ล่าสุดได้มีการจัด แคมเปญ “เปิดวาร์ปความอร่อยขนมไทยจาก SME” ซึ่งทางบริษัทก็ได้เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าวเช่นกัน โดยกิจกรรมส่งเสริมการขายในแต่ละครั้งที่เซเว่น อีเลฟเว่นจัดนั้น ช่วยเพิ่มยอดขายในช่วงกิจกรรมได้สูงถึงประมาณ 20% เลยทีเดียว
นอกจากพันธมิตรในเรื่องของการตลาดแล้ว กลุ่มเกษตรกร ยังถือเป็นกลุ่มพันธมิตรที่สำคัญ เพราะหากวัตถุดิบไม่มีคุณภาพไม่ได้มาตรฐานก็จะส่งผลต่อคุณภาพสินค้า โดยในแต่ละปีบริษัทรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรมากกว่า 4,000 ตันต่อปี ถือเป็นอีกหนึ่งช่องทางช่วยกระจายรายได้กลับสู่ชุมชน
“การที่บริษัทเป็นเพียงผู้ประกอบการขนาดเล็ก การสร้างการเติบโตให้กับธุรกิจอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยพันธมิตรที่ดีช่วยในทุกช่วงการดำเนินงาน นับตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง และหากคุณต้องการที่จะเข้าสู่สู่ตลาดโมเดิร์นเทรด คุณต้องหาตัวตนของตัวเองให้เจอเสียก่อน อย่าทำตามใคร พร้อมตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนให้กับตัวเอง หมั่นเรียนรู้ และหาความรู้ใหม่ๆเพิ่มเติมให้ตัวเองอยู่เสมอ” ก้องปพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘หาดทิพย์’ เบอร์ 1 ผลิตโคล่าภาคใต้ ยอดขายปี 66 ทุบสถิติรอบ 5 ปี หลังท่องเที่ยวบูม ปรับราคาขายบางขนาด
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine
