เปิดแผนธุรกิจ "เซ็ปเป้" จับมือพันธมิตร-SMEs พัฒนาสินค้าสู่ตลาดโลก ดันเป้าปีนี้โต 30% - Forbes Thailand

เปิดแผนธุรกิจ "เซ็ปเป้" จับมือพันธมิตร-SMEs พัฒนาสินค้าสู่ตลาดโลก ดันเป้าปีนี้โต 30%

เซ็ปเป้ เปิดแผนธุรกิจ 2562 จับมือพันธมิตรพัฒนาสินค้าใหม่ มุ่งโฟกัส innostudio ดันสินค้า SMEs ไทยสู่ตลาดโลก พร้อมตั้งเป้าปีนี้โต 30%

ปิยจิต รักอริยะพงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัทในปี 2562 ว่า นอกจากการคิดค้นนวัตกรรมของตัวเองแล้ว แนวทางของบริษัทฯ ยังเน้นไปที่การร่วมมือกับพันธมิตร โดยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทฯ เพิ่งลงทุนเพิ่มในธุรกิจน้ำมะพร้าวน้ำหอม ออล โคโค่ จาก 40% เป็น 51% และร่วมมือกับ MYEN PTE. LTD. หรือ Danone จัดตั้งบริษัทร่วมทุนดานอน-เซ็ปเป้ เบฟเวอเรจเจสเปิดตัว B’lue เครื่องดื่มผสมวิตามินเพื่อสุขภาพไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาด้วย

นอกจากนี้ อีกแนวทางที่ปีนี้เราโฟกัสคือ innostudio ซึ่งเริ่มทำตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเป็นแนวทางใหม่ของเซ็ปเป้ที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ 1.ให้พื้นที่กับพนักงานในการทำงานร่วมกับมหาวิทยาลัย หรือหน่วยงานรัฐ เพื่อร่วมกันคิดค้นหรือพัฒนาสินค้า 2.พัฒนาสินค้าร่วมกับเกษตรกรให้สินค้าสามารถขายในระดับ mass ได้ และ 3.ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจ เช่น SMEs ในประเทศไทย เพราะเรามองว่า SMEs ไทยมีสินค้ามากมายที่ดีและสามารถขยายไปในตลาดต่างประเทศได้ ซึ่งจากเครือข่ายกระจายสินค้าที่ครอบคลุมกว่า 91 ประเทศทั่วโลก เชื่อว่าเรามีศักยภาพที่จะ scale up ได้

ปิยจิต กล่าวอีกว่า บริษัทตั้งเป้าพัฒนาผลิตภัณฑ์จาก innostudio ปีละ 3-5 ชิ้น โดยในปีนี้มีสินค้าที่พัฒนาเสร็จแล้ว 2 ชิ้น คือ คางกุ้งรสชาติต่างๆ แบรนด์ CH!M DII (ชิมดิ) ซึ่งเป็นการร่วมมือกับ SMEs อย่าง okusno โดยคางกุ้ง CH!M DII จะส่งขายในต่างประเทศ ขณะที่สินค้าของ okusno จะวางขายในไทย ดังนั้น เซ็ปเป้จึงเป็นเหมือน distributor ที่ซื้อสินค้าจาก SMEs แล้วนำไปขายต่อ ซึ่งเซ็ปเป้จะช่วยโปรโมทให้ SMEs ด้วย ขณะที่สินค้าจาก innostudio อีกชิ้นมีชื่อว่า มีเวทีฟ โดยบริษัทฯ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียด

คางกุ้งแบรนด์ CH!M DII

นอกจากนี้ เซ็ปเป้ยังมีการทำงานร่วมกับเกษตรกรไทยในการนำกล้วยหอมทองมาเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต energy gel วางขายในแบรนด์ Maxtive

เราร่วมงานกับ SMEs ในหลากหลายรูปแบบมาก เราเปิดกว้างและไม่จำเพาะเจาะจง แต่ไม่ได้เป็นการร่วมทุนหรือเปิดบริษัทใหม่ อย่างไรก็ตาม ในอนาคตหากมี SMEs รายไหนที่น่าสนใจ เราก็อาจร่วมทุนได้

ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 30%

ด้าน อเนก ลาภสุขสถิต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.เซ็ปเป้ กล่าวว่า ภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทปีที่ผ่านมามีรายได้ 2,896 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 7.2% โดยสัดส่วนรายได้มาจากในประเทศ 38% ต่างประเทศ 62% และหากแยกตามผลิตภัณฑ์แล้ว รายได้ของเซ็ปเป้มาจากสินค้ากลุ่มเพื่อสุขภาพ ขนม และอื่นๆ ซึ่งเป็นกลุ่มใหม่ 5-7% เครื่องดื่มผลไม้ 70% functional drink และ functional powder อย่างละประมาณ 10%

อเนก ลาภสุขสถิต ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน บมจ.เซ็ปเป้

ขณะที่ไตรมาส 1/62 ผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ โดยมีรายได้อยู่ที่ 775.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 10.4% มาจากในประเทศ 48% ต่างประเทศ 52% โดยปัจจัยมาจากการเปิดตัว B’lue ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสินค้าที่ให้ความรู้สึกใหม่แก่ผู้บริโภคกลุ่มมิลเลเนียลเป็นอย่างดี และยังมาจากออล โคโค่ ที่เซ็ปเป้เข้าซื้อหุ้นเพิ่มตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งมีตัวเลขที่ดีอยู่ ส่วนปัจจัยสุดท้ายคือธุรกิจอื่นที่เติบโตแบบ double digit”

อเนกระบุอีกว่า กำไรของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 351.4 ล้านบาท ลดลง 14.1% ซึ่งเป็นผลมาจากเงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลต่ออัตราแลกเปลี่ยน ส่วนไตรมาส 1/62 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 117.8 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 1.3% เนื่องจากมีการลงทุนเพิ่ม

สำหรับปีนี้วางแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 20 รายการ (SKU) เช่น She-wy ซึ่งเป็นการปรับเครื่องดื่มผงอย่างเพรียวมาเป็นขนม ลักษณะเหมือนนมอัดเม็ด เป็นต้น

ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน กล่าวอีกว่า ปีนี้ตั้งเป้ารายได้เติบโต 30% ซึ่งสิ่งที่จะขับเคลื่อนให้เป็นไปตามเป้านั้น มองว่ามาจากหลายส่วนด้วยกัน คือ 1.ออล โคโค่ ที่คาดว่าจะมียอดขาย 400 ล้านบาท เติบโต 15% 2.ส่วนของการร่วมมือกับ Danone ในการผลิตเครื่องดื่ม B’lue ที่เบื้องต้นเจาะกลุ่มมิลเลเนียลได้ดี ซึ่งเราจะมีกิจกรรมตลอดปีเพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคอีก 4-5 กลุ่ม และในระยะถัดไปจะร่วมกันพัฒนาสินค้าใหม่อีก

เครื่องดื่ม B’lue

ปัจจัยที่ 3 คือตลาดต่างประเทศที่ยังเติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งเป้าเติบโต 10% แม้ปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายในเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน แต่เชื่อว่าเรามีรากฐานในต่างประเทศที่ดีพอ และ 4.ตลาดในประเทศที่มีการเติบโตพอสมควร ถึงแม้จะมีแรงกดดันอยู่บ้างในเรื่องของกำลังซื้อในประเทศที่ไม่เติบโตเท่าไหร่นัก ส่วนต่างจังหวัดมีกำลังซื้อลดลง อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าถ้าสินค้าตอบโจทย์ผู้บริโภค ก็ยังสามารถเติบโตได้

ขณะที่ ปิยจิต มองว่าในเรื่องสงครามการค้า เซ็ปเป้ไม่ได้รับผลกระทบเท่าไรนัก เนื่องจากเซ็ปเป้ส่งสินค้าไปอเมริกาและสหภาพยุโรปรวม 10% ขณะที่ส่งออกไปจีนน้อยมาก และสงครามการค้ายังไม่มีผลกระทบระหว่างไทย-อเมริกา และระหว่างไทย-จีนด้วย แต่ที่กระทบโดยตรงคงเป็นเรื่องภาษีและ local regulation มากกว่า

ขนทัพสินค้าออกบูธงาน THAIFEX

ปิยจิต กล่าวว่า สำหรับงาน THAIFEX-World of food ASIA 2019 ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 28 พฤษภาคม - 1 มิถุนายน 2562 เซ็ปเป้ออกบูธโดยนำเสนอภายใต้ธีม Sappe - Home of Innovators เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำนวัตกรรมอาหารที่ไม่ได้เกิดจากฝ่ายพัฒนาสินค้าหรือฝ่ายวิจัยเท่านั้น แต่นวัตกรรมของเซ็ปเป้ยังฝังอยู่ในองค์กร วัฒนธรรมของ และดีเอ็นเอของพนักงานทุกคน โดยภายในบูธจะแบ่งออกเป็น 3 โซน คือ โซนสินค้าที่บริษัทฯ พัฒนาเอง สินค้าที่พัฒนาร่วมกับพาร์ทเนอร์ และส่วนของ innostudio

 
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine