แสนรัก อินโนเวชั่น จับมือ มิ้นต์เต็ดฯ เปิดตัว “เรียล สมาร์ท” ดิจิทัล เอเยนซี่ รับเทรนด์ METAVERSE ชูกลยุทธ์ “รุก รับ ระวัง” ป้องกันชื่อเสียงให้กับแบรนด์แบบเรียลไทม์ ด้วยซอฟต์แวร์ที่คิดค้นโดยคนไทย พร้อมเดินแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ใน 3 ปี หนุนยุทธศาสตร์ “Go Global”
บริษัท แสนรัก อินโนเวชั่น จำกัด และ บริษัท มิ้นต์เต็ด ดิจิทัล เอเยนซี่ จำกัด ร่วมลงทุนเปิดตัว บริษัท เรียล สมาร์ท จำกัด ประกาศตัวเป็น Digital Super Agency รายแรกของเมืองไทย ด้วยการใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย ให้บริการการตลาดดิจิทัลที่มีครบทั้งข้อมูลการตลาดเชิงรุก เชิงรับ การจัดการเมื่อเกิดภาวะวิกฤต พร้อมเฝ้าระวัง-ป้องกันชื่อเสียงให้กับแบรนด์และองค์กร เพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างครบวงจรในการก้าวสู่ยุค METAVERSE
การตลาดรุก รับ ระวัง
อุกฤษฎ์ กล่าวว่า การที่บริษัทกล้าประกาศตัวว่าเป็น Digital Super Agency รายแรกของเมืองไทย เพราะบริษัทมีผู้เชี่ยวชาญที่รู้จริงในทุกด้านที่ให้บริการ อย่างแสนรัก อินโนเวชั่น เป็นผู้ให้บริการด้าน Social Monitoring และ Real time Data Management รวมถึง Online real-time crisis management มากว่า 6 ปี เราให้บริการที่เรียกว่าเป็น Super Service คือมีทั้งการวางแผนการตลาดเชิงรุก เชิงรับ ด้วยหน่วยงาน Data Analytics วิเคราะห์แผนการตลาด การขยายผล โดย Digital Admins ที่ทำงาน 24 ชั่วโมง และ หน่วยเฝ้าระวัง รับฟังความคิดเห็นจากผู้บริโภค “เราใช้เครื่องมือสมัยใหม่ในการรับฟังความเห็นของผู้บริโภค เพราะเมื่อเราฟังอย่างตั้งใจ เราจะเข้าใจอย่างแท้จริง และนี่คือการตลาดแห่งอนาคต” อุกฤษฎ์กล่าว อุกฤษฎ์ เป็นผู้มีประสบการณ์ด้านดิจิทัล มาร์เก็ตติ้งกว่า 15 ปี ได้รับความไว้วางใจจากเฟซบุ๊ค ให้เป็น Facebook Certified Training Partner เช่นเดียวกับกูเกิล ที่แต่งตั้งให้เป็น Google Academy Trainer and Speaker เป็นวิทยากรสอนให้ Google Partner ในประเทศไทยพัฒนาซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์คนไทย

เตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์
ภูกิจ กล่าวว่า บริษัทมีแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายใน 3 ปี เพื่อต่อยอดธุรกิจตามยุทธศาสตร์ Go Global เพื่อแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของบริษัทคนไทย ที่มีการคิดค้น พัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง และสามารถนำไปใช้ได้กับหลายประเทศ โดยจะเริ่มที่ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียใต้ก่อน ซึ่งที่ผ่านมาการดำเนินธุรกิจของบริษัทมีรายได้มากกว่า 100 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตไม่ต่ำกว่าร้อยละ 20 ต่อปี และคาดว่าในปี 2565 รายได้จะเติบโตร้อยละ 25–30 โดยมุ่งเจาะกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มากขึ้นในปีหน้า เพราะเป็นช่วงที่ธุรกิจจะกลับมาฟื้นตัว ปัจจุบันลูกค้าที่ไว้วางใจเข้ามาใช้บริการของบริษัทฯ มีหลายอุตสาหกรรมด้วยกัน ทั้งองค์กรภาครัฐ เอกชน และรัฐวิสาหกิจ ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมพลังงาน สถาบันการเงิน ยานยนต์ อสังหาริมทรัพย์คอมพิวเตอร์และไอที โรงพยาบาล ธุรกิจสุขภาพและเครื่องสำอาง สินค้าอุปโภค บริโภค ธุรกิจด้านการสื่อสารและการประชาสัมพันธ์ ธุรกิจค้าปลีก ธุรกิจประกัน ธุรกิจบันเทิง เป็นต้น อ่านเพิ่มเติม: พลัสฯ ปลื้ม ปี 64 ได้รับความไว้ใจบริหารที่พักอาศัยกว่า 270 โครงการ ชูจุดแข็งมาตรฐานสากลไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine