เซ็นทรัลพัฒนา ประกาศเป็นหัวเรือใหญ่ภาคเอกชนขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ด้วยงบการตลาดกว่า 400 ล้านบาท กระตุ้นการท่องเที่ยวทั้งระบบ พร้อมเปิดแคมเปญส่งท้ายปี Forwarding Happiness 2022 ชูกลยุทธ์ Destination Plus+ + ย้ำความแข็งแกร่งศูนย์การค้า 35 สาขาทั่วประเทศ
ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการตลาด บมจ. เซ็นทรัลพัฒนา เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีความพร้อมในการเป็น Purposeful Destination ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการส่งเสริมและตอกย้ำไทยเป็นแลนด์มาร์กระดับโลก ด้วยความแข็งแกร่งของศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศ “เราจับเทรนด์ทั่วโลกในช่วงสิ้นปีนี้ คือ Shop & Travel with Purpose การช้อป-เที่ยว ช่วยชาติอย่างมีความหมาย ให้ทุกการจับจ่ายมีส่วนช่วยเหลือเศรษฐกิจชุมชน พร้อมรณรงค์ให้ตระหนักถึงความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ตอบรับวิถีชีวิตใหม่แบบ Next Normal” ดังนั้น บริษัทจึงเตรียมทุ่งงบการตลาดกว่า 400 ล้านบาทในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้สำหรับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยผ่านแคมเปญ Forwarding Happiness 2022 เพื่อตอบรับแผนเปิดประเทศ และรองรับนักท่องเที่ยวไทยรวมถึงต่างชาติ พร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ เศรษฐกิจชุมชน (Local Economy) ให้แข็งแกร่ง ตลอดจนส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ท้องถิ่น (Local Essence) สะท้อนถึงความใส่ใจในชุมชน โดยจัดงานเพื่อสร้าง Tourism Ecosystem ที่จะช่วยเดินหน้าเศรษฐกิจทั้งระบบ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งงานท่องเที่ยวร่วมกับ ททท., สายการบินและโรงแรมชั้นนำ และ ตลาดสินค้าท้องถิ่น ด้วยความเชื่อมั่นในภาพรวมการท่องเที่ยวไทยและภาคค้าปลีกไทยจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาสนี้ “ศูนย์การค้าเซ็นทรัลชูความแข็งแกร่งในการมี 35 สาขาครอบคลุมทุกภาคทั่วประเทศในสิ้นปีนี้ จึงได้ใช้กลยุทธ์ Destination Plus+ เสริมความครบครัน มุ่งเน้นการเติมเต็มประสบการณ์ ได้แก่ Destination + Experience & Happiness Moment ผ่านการสร้าง Customer Experience ที่เชื่อมโยงทั้ง Shop & Travel Ecosystem ให้เกิดขึ้น ภายใต้แนวคิด Art Heal & Music Heal ที่ใช้ศิลปะและเสียงดนตรีอันเป็นภาษาสากลเพื่อสร้างความสุข” ณัฐกิตติ์ กล่าวถึงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผลักดันศูนย์การค้าเซ็นทรัลทั่วประเทศให้เป็น The Best Thailand’s Happiness Landmark เทศกาลแสงไฟและสีสันแห่งความสุข (Sparkling Light of Happiness) ช่วยสร้างพลังบวกด้วยEmoticon และคำที่มีความหมายให้กำลังใจคนไทย สำหรับไฮไลท์สำคัญ เช่น ต้นคริสต์มาสสูงที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่เซ็นทรัลเวิลด์ และต้นคริสต์มาสสีสันแห่งดอยตุง DOITUNG x CENTRAL CHIANGRAI Christmas ซึ่งเป็นต้นคริสต์มาสต้นแรกและต้นเดียวในประเทศไทยที่ออกแบบและผลิตโดยดอยตุงสะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่นและการมีส่วนร่วมของชุมชนที่เซ็นทรัล เชียงราย และ Craft Ornament จากของดอยตุงทั้งหมด เช่น ไม้ไผ่ เถาสน ผีเสื้อสาน ไหมย้อมสี โดยมีการใช้สีสัน ถ่ายทอดจากวัฒนธรรมเครื่องแต่งกายอัตลักษณ์แห่งชาติพันธุ์ของเชียงราย รวมถึงต้นคริสต์มาสที่นำคอนเซ็ปต์จากดอกยี่สุ่นซึ่งเป็นดอกไม้ที่ปลูกทุกเรือนชานในสมัยอยุธยาที่เซ็นทรัลอยุธยา และลานไอซ์สเก็ตล้อมต้นคริสมาสยักษ์ที่เซ็นทรัล อีสต์วิลล์ ขณะเดียวกันยังมี Line Sticker ให้ดาวน์โหลดและกิจกรรม CSR ร่วมกับนิ่ม เอ็กซ์เพรสในการส่งต่อของขวัญที่ซื้อในงาน Gift Market ให้กับชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 ภายใต้มาตรการ เซ็นทรัล สะอาด มั่นใจ Safe Plus+ พร้อมนวัตกรรม SMART & HEALTHY BUILDING อัพเกรดระบบปรับอากาศและกรองอากาศที่ครอบคลุมทุกสาขา นอกจากนี้ ดร. ณัฐกิตติ์ ยังได้แสดงวิสัยทัศน์เพิ่มเติมถึงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นจุดหมายปลายทางระดับโลกด้านการท่องเที่ยวที่มีองค์ประกอบครบถ้วนหรือ 6 Attributes of Tourism Destination ได้แก่ Attraction ที่น่าตื่นตาตื่นใจทั้งการท่องเที่ยวเชิงธรรมชาติและวัฒนธรรม Activities ประเพณีและเทศกาลครบทุกภาค Amenities ความสะดวกครบครันที่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวทั้งระบบ Available Packages โปรโมชั่นท่องเที่ยวและช้อปปิ้งที่ดึงดูดใจทั่วประเทศ Accessibility การเข้าถึงที่สะดวกสบายทั้งเส้นทางการท่องเที่ยว สายการบิน บริการรถโดยสารสาธารณะและเอกชน และ Ancillary Services บริการเสริมอื่นๆ เช่น ธนาคาร, จุดแลกเปลี่ยนเงินตรา, บริการพัสดุและไปรษณีย์ และเครือข่ายโทรคมนาคมที่ครอบคลุม ด้าน ภัทรพร เพ็ญประพัฒน์ Head of Commercialization บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแคมเปญ Forwarding Happiness 2022 แบ่งเป็น 3 กลุ่มได้แก่ กลุ่ม Wealth & High Spenders ที่มีกำลังซื้อสูงและต้องการสินค้าหรือประสบการณ์ความเปลกใหม่ โดยอาจจะเลือกสินค้าจากออนไลน์ แต่ต้องการทดลองหรือซื้อที่หน้าร้านเท่านั้น รวมถึงกลุ่มลูกค้าทั่วไป และกลุ่มนักชอปต่างชาติ ซึ่งบริษัทได้ออกแบบสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าทุกกลุ่ม “เนื่องด้วยปีนี้เป็นโอกาสสำคัญที่เซ็นทรัลพัฒนาอยู่เคียงข้างคนไทยมายาวนานกว่า 40 ปี เรามุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืนสำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน อีกทั้งยังได้ส่งต่อคุณค่าและความเชื่อในเรื่องของ Community at Heart เข้ามาในแคมเปญนี้ด้วย โดยมีการต่อยอดศิลปวัฒนธรรมและอัตลักษณ์ชุมชน ส่งเสริมเศรษฐกิจช่วยสร้างรายได้ให้กับชุมชนต่างๆ ซึ่งปีนี้เรามีตลาด Gift Market ที่นำสินค้าชุมชนที่มีดีไซน์มาร่วมจำหน่ายเป็นของขวัญในสาขาต่างๆ รวมถึงต้นคริสต์มาสสีสันแห่งดอยตุง ทั้งยังมีจัดงานในชื่อชุด Chiangrai Dancing Flower x Chiangrai Youth Orchestra ในธีม The Harmony & Melody ดนตรี ดอกไม้ วัฒนธรรมแห่งเชียงรายด้วย” ณัฐกิตติ์ กล่าวปิดท้ายฃ อ่านเพิ่มเติม: ‘ยศกร นิรันดร์วิชย’ ปั้น ‘สแทชอเวย์’ จากวิกฤตสู่โอกาสการลงทุนไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine