อนล ธเนศวรกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มิลลาร์รี่ จำกัด มาสเตอร์แฟรนไชส์ The Alley แบรนด์ชานมไข่มุกในกลุ่มพรีเมียมจากประเทศไต้หวัน ฉลองความสำเร็จ 1 ปี หลังเปิดตลาดในไทยชูยอดขาย 100,000 แก้วต่อเดือนในปีที่ผ่านมา ตั้งเป้าปี 2020 ยอดขายโต 100 % สร้างแบรนด์สู่ Lifestyle พร้อมเผยสถิติคนไทยแชมป์บริโภคชานมไข่มุกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
อนล ธเนศวรกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มิลลาร์รี่ จำกัด มาสเตอร์แฟรนไชส์
The Alley เผยจุดเริ่มของการนำเข้าแบรนด์ชานมไข่มุกสัญชาติไต้หวัน เกิดขึ้นระหว่างการเดินทางในประเทศจีนเมื่อพบว่ามีแถวของผู้ต่อคิวเข้าซื้อชานมตั้งแต่ร้านยังไม่เปิด เมื่อเดินเข้าไปสังเกตจึงพบว่านอกจากรสชาติแล้วจุดเด่นด้านการตกแต่งที่สวยงาม ผนวกกับต้องการสร้างธุรกิจด้านอาหารและเครื่องดื่มจึงเดินทางติดต่อผู้ก่อตั้งแบรนด์เพื่อนำแฟรนไชส์มาทำตลาดในประเทศไทย
“หลังจากได้ติดต่อกับผู้ก่อตั้ง (Mao Ting Chiu) ไม่แปลกใจที่การออกแบบร้านมีความดีไซน์ที่แตกต่างจากร้านชานมไข่มุกทั่วไป เนื่องจากเขาเป็นนักออกแบบมาก่อนและต้องการสร้างประสบการณ์ที่เชื่อมต่อผู้บริโภคกับการออกแบบและรสชาติเข้าไว้ด้วยกัน” อนล ธเนศวรกุล กล่าวและเสริมว่า หลังจากเจรจาราว 3-4 เดือนในช่วงต้นปี 61 สาขาแรกที่สาขาสยามสแควร์วันได้เปิดตัวเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ก่อนที่จะทยอยเปิดสาขาแล้วถึง 12 สาขาในปัจจุบัน
“เคพีไอหลักๆ ที่ได้รับจากเจ้าของแบรนด์คือคุณภาพของรสชาติ มาตรฐานการบริการของพนักงานเป็นหลัก ส่วนด้านการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ สาขาใหม่ๆ หรือการบริการใหม่ ถือเป็นสิทธิของผู้บริหารมาสเตอร์แฟรนไชส์ของแต่ละประเทศ”
การพัฒนาสาขาของ The Alley แบ่งเป็นร้านตามไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคหลักใน 3 รูปแบบ ได้แก่ The Alley, The Alley Express และ The Alley Cafe ร้านคาเฟ่ที่มีเมนูครบโดยเปิดตัวแห่งแรกที่สีลมคอมเพล็กซ์ ซึ่งในภาพรวมด้านสาขาปี 2562 นี้ เปิดแล้ว 12 สาขา และภายในสิ้นปีนี้เปิดอีก 2 สาขาได้แก่ สาขาไอคอนสยาม และ เดอะมอลล์งามวงศ์วานซึ่งสาขานี้จากเป็นร้านคาเฟ่แห่งที่สอง โดยร้านทั้ง 3 รูปแบบ มีพื้นที่ตั้งแต่ 25-60 ตร.ม.
อนล ตั้งเป้าปี 2563 ขยายร้านสู่หัวเมืองใหญ่ได้แก่ อุดรธานี ชลบุรี ระยอง และภูเก็ต ซึ่งเป็น 1 ใน 5 ของแผนการรุกสร้างธุรกิจในระยะยาว ที่ประกอบไปด้วย การขยายสาขา, การเพิ่มสินค้าใหม่และหลากหลาย อาทิ เบเกอรี่ เครื่องดื่มร้อน, ด้าน Catering ที่ปีหน้าตั้งเป้าทำรายได้ 20% จากรายได้รวม, การนำส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิคเป็นส่วนประกอบของเมนูและเครื่องดื่มต่างๆ และการมุ่งสู่ Go Green ซึ่งนโยบายทั้ง 5 ด้านมุ่งเป้าไปสู่ยอดขายที่เขาตั้งเป้ายอดขายโตอีก 100%
“เราเชื่อว่าชานมไข่มุกแบบพรีเมี่ยมยังเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้จะเลยจุดสูงสุดเมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมาแล้วก็ตามเรา การกลับมาเป็นเทรนด์ของชานมไข่มุกครั้งนี้ถึงว่าแตกต่างจากเมื่อราว 15 ปีที่่มาอย่างมาก เนื่องจากแต่ละแบรนด์ต่างรุกสร้างจุดยืนของตนเอง สร้างแบรนด์ให้แตกต่างและตรงใจกลุ่มเป้าหมาย ซึ่งในปีนี้ 3 ท็อปแบรนด์ในประเทศยอดขายรวมยังคงเติบโตไม่น้อยว่า 40 % แม้ยังไม่มีผลสำรวจและวิจัยที่แน่นอน แต่เชื่อว่ามูลค่าตลาดชานมไข่มุกในประเทศไทยอยู่ที่ราว 2-3 พันล้านบาท”
อนล ธเนศวรกุล ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท มิลลาร์รี่ จำกัด เผยและกล่าวเสริมว่าตลาดชานมไข่มุกในประเทศไทยแบ่งเป็น 3 ตลาด โดย ราคาตั้งแต่ 75 บาทขึ้นไป จัดอยู่ในกลุ่มพรีเมียม ส่วนราคาระหว่าง 45-75 บาท อยู่ในกลุ่มมีเดียม และกลุ่มแมสคือกลุ่มราคาต่ำกว่า 45 บาท
จากข้อมูลของบริษัทฯ พบว่า จำนวน 80% ของยอดขายเป็นเครื่องดื่ม Milk Tea และ Brown Sugar กลุ่มลูกค้าหลักเป็นผู้หญิงต่อผู้ชาย 79-21% อยู่ในช่วงอายุ 24-35 ปี ถึงกว่า 50% โดยเมนูยอดนิยมของผู้บริโภคใน 3 อันดับแรกได้แก่ Brown Sugar Deerioca & Fresh Milk, Royal No.9 Milk Tea และ Brown Sugor Deerioca & Puff ตามลำดับ
“เครื่องดื่มที่เป็น Brown Sugar ถือเป็นเมนูที่ที่ขายดีที่สุด กลิ่นหอมของน้ำตาลทรายแดง ถือเป็นสัมผัสแรกที่สำคัญที่มอบให้กับลูกค้าเมื่อเดินเข้ามาในร้านของเรา และเมื่อผสานกับรสชาติ บริการ และการตกแต่งยิ่งเสริมสัมผัสด้านอื่นๆที่สร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับกลุ่มลูกค้าของเรา อย่างการเคี่ยวไข่มุก 1 หม้อใช้เวลาถึง 2 ชั่วโมง และมีความเหนียวหนึบที่เหมาะสมอยู่ได้เพียง 2 ชั่วโมงอีกเช่นกันเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับมาตรฐานของ The Alley เหมือนกันในทั่วโลก”
อนล ธเนศวรกุล กล่าวเสริมด้วยว่าในขณะที่มูลค่ารวมของตลาดชานมไข่มุกทั่วโลกอยู่ที่ราว 6.2 หมื่นล้านบาท มีการคาดการณ์ว่าหากชานมไข่มุกจะกลายอีกหนึ่งเครื่องดื่มรสชาติพื้นฐาน (everyday drink) ในปี 2023 มูลค่ารวมของตลาดชานมไข่มุกจะไปแตะที่แสนล้านบาท
ข้อมูลจาก
Grab เผยว่าตลาดเครื่องดื่มชานมไข่มุกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2561 มียอดสั่งซื้อเติบโตเพิ่มขึ้น 3,000% จากแบรนด์ชานมไข่มุกกว่า 1,500 แบรนด์ ที่มีหน้าร้านจำหน่ายรวมกว่า 4,000 สาขา โดยชาวไทยบริโภคชานมไข่มุกมากที่สุด เฉลี่ยคนละ 6 แก้วต่อเดือน ตามด้วยชาวฟิลิปปินส์บริโภคชานมไข่มุกเฉลี่ยคนละ 5 แก้วต่อเดือน ชาวมาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม และอินโดนีเซีย บริโภคเฉลี่ยคนละ 3 แก้วต่อเดือน จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าตลาดเครื่องดื่มชานมไข่มุกยังเป็นตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มขึ้นได้อย่างต่อเนื่องรวมถึงในประเทศไทย
ด้านส่วนผสมที่เป็นออร์แกนิค The Alley ใช้น้ำเชื่อมที่ผลิตจากอ้อยออร์แกนิคไม่ผ่านการฟอกขาว ไซรัปน้ำตาลอ้อย ปลอดสารเคมี ไม่ปรุงแต่งกลิ่น และสีสังเคราะห์ใบชาออแกนิค คัดสรรใบชาที่ผ่านกระบวนการปลูกแบบออแกนิค ส่วนด้าน Go Green อนล กล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งเราได้ทำไปแล้วคืองดใช้ถุงพลาสติกหน้าร้าน ในทุกๆ วันเรามีขยะจากการผลิตเป็นจำนวนมากทั้งพลาสติก กระดาษ และขยะสด ในแต่ละเดือนกล่องนมกว่า 30,000 กล่องถูกล้างและนำไปรวมกันสร้างเป็นหลังคาจากกล่องนม ขยะสด เราเตรียมจัดแยกขยะเพิ่มไปทำเป็นปุ๋ย ส่วนหลอดพลาสติกเราก็นำไปล้างและสามารถไปทำเป็นหมอนหรือที่นอนให้กับผู้ป่วย
“ทั้งหมดทั้งมวล เรามีโลกแค่ใบเดียวคือใบนี้ แค่อยากทำอะไรก็ตามเพื่อให้โลกใบนี้ยั่งยืนที่สุด แม้เราไม่ใช่องค์กรที่ใหญ่ สิ่งที่ทำไม่เกิดผลกระทบในวงกว้าง แต่ก็อยากเป็นฟันเฟืองเล็กๆ ให้โลกนี้น่าอยู่มากยิ่งขึ้น เราเอาทรัพยากรจากโลกมาทำธุรกิจก็อยากคืนอะไรให้กับโลกได้บ้าง” อนล ธเนศวรกุล กล่าวทิ้งท้าย