มิตซูฯ โชว์ยอดขายเดือด 1.55 หมื่นล้าน เดินหน้าติดอาวุธแอร์สู้ PM2.5 - Forbes Thailand

มิตซูฯ โชว์ยอดขายเดือด 1.55 หมื่นล้าน เดินหน้าติดอาวุธแอร์สู้ PM2.5

มิตซูฯ ครองแชมป์เครื่องปรับอากาศอันดับ 1 มั่นใจเทคโนโลยีสู้มลพิษเมืองในหมอก พร้อมยกระดับการบริการส่งความเย็นทั่วไทยสู่เป้าหมายรายได้ 1.67 หมื่นล้านบาทสิ้นปีนี้

Yasushi Moriyama กรรมการผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด นำทีมผู้บริหารประกาศความสำเร็จผลประกอบการปี 2562 (สิ้นสุดวันที่ 31 มีนาคมนี้) จำนวน 1.55 หมื่นล้านบาท หรือเติบโตสูงกว่ายอดขายรวมที่ทำได้ในปีก่อนหน้ากว่า 7% โดยเฉพาะเครื่องปรับอากาศภายในบ้านและปั๊มน้ำของ มิตซูฯ นับเป็นผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ อีเล็คทริคที่ได้รับความนิยมมากในปีที่ผ่านมา

แม้สภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2562 จะมีการชะลอตัวจากภาวการณ์ลดต่ำลงของธุรกิจภาคส่งออก และการลดต่ำลงของอัตราการบริโภคภายในประเทศ แต่ภาพรวมของตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศในประเทศไทยยังคงมีมูลค่ากว่า 3 หมื่นล้านบาท หรือมีการขยายตัวไม่ต่ำกว่า 6% ทั้งในกลุ่มของเครื่องปรับอากาศเชิงพาณิชย์ และกลุ่มที่พักอาศัย

ขณะที่บริษัทยังคงเดินหน้าธุรกิจภายใต้เป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน “SDGs หรือ Sustainable Development Goals” ขององค์การสหประชาชาติ โดยให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์คุณภาพ รวมถึงการสร้างสรรค์นวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ควบคู่กับความปลอดภัย ประหยัดพลังงาน และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้สามารถเข้าถึงและตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ

พร้อมทั้งดำเนินธุรกิจด้วยความตระหนักถึงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน สานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมต่างๆ เพื่อเสริมสร้างพัฒนาคุณภาพชีวิตและสังคมไทยให้ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ “Changes for the Better” หรือการเปลี่ยนแปลงเพื่อสิ่งที่ดีกว่า

Yasushi Moriyama

ในปี 2563 นี้ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค คอร์เปอเรชั่น (ประเทศญี่ปุ่น) ได้ก้าวเข้าสู่วาระครบรอบ 100 ปีแห่งการประกอบการ เรายังคงมุ่งมั่นเดินหน้าประกอบธุรกิจด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยมุ่งสู่ความสำเร็จของการสร้างความเติบโตทางธุรกิจ ให้บรรลุยอดขายไม่ต่ำกว่า 5 ล้านล้านเยน รวมถึงการยกระดับภาพลักษณ์จากแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าสู่แบรนด์ด้านเทคโนโลยีเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคต

Yasushi ย้ำถึงความมั่นใจในเป้าหมายยอดขายในประเทศไทยที่วางไว้กว่า 1.55 หมื่นล้านบาท จากผลสำรวจแนวโน้มการซื้อเครื่องปรับอากาศของผู้บริโภคจำนวนกว่า 50% ที่เลือกผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค รวมถึงการเปิดตัวเครื่องปรับอากาศฟังก์ชั่นพิเศษ Fast Cooling และฟิลเตอร์กรองอากาศ PM 2.5 Filter ประสิทธิภาพสูง ที่ช่วยกรองและตรวจจับฝุ่นละอองขนาดเล็ก 2.5 ไมครอนด้วยประจุไฟฟ้า ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน และแนวโน้มในอนาคตได้เป็นอย่างดี

 

กลยุทธ์รักษาแชมป์ 1.67 หมื่นล้าน

ด้าน ประพนธ์ โพธิวรคุณ กรรมการรองผู้จัดการ บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด กล่าวถึงกลยุทธ์การยกระดับบริการหลังการขาย และการพัฒนาช่องทางการติดต่อผ่าน Hot Line 1325 เพื่อสร้างมาตรฐานและประสบการณ์ระดับพรีเมียมแก่ผู้บริโภค โดยต่อยอดความสำเร็จจากผลตอบรับที่ผ่านมา ด้วยการทุ่มงบประมาณกว่า 30 ล้านบาทในปีนี้ เพื่อเดินหน้าพัฒนาศักยภาพศูนย์บริการมิตซูบิชิ อีเล็คทริค โดยขยายสาขาศูนย์บริการแต่งตั้งมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ให้ครอบคลุมพื้นที่ใหม่ทั่วประเทศ

นอกจากนั้น บริษัทยังวางแผนขยายศูนย์บริการสำหรับกลุ่มลูกค้าเชิงพาณิชย์สำนักงานสนับสนุนลูกค้าโครงการระบบปรับอากาศซิตี้มัลติเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่เปิดให้บริการในหัวเมืองใหญ่ ได้แก่ ภูเก็ต เชียงใหม่ อุดรธานี ชลบุรี และนครศรีธรรมราช รวมทั้งขยายเวลาการให้คำปรึกษาด้านเทคนิคและปัญหาการใช้งานผลิตภัณฑ์ผ่าน Hot Line 1325 พร้อมเปิดให้บริการซ่อมเครื่องปรับอากาศภายในบ้าน ประเภทด่วนพิเศษ “Express Team Service” ภายใน 24 ชั่วโมงในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล

พร้อมคิดค้นระบบ Smart Service Tool เครื่องมือพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตรวจเช็กอาการผิดปกติของเครื่องปรับอากาศมิตซูบิชิ อีเล็คทริค ระบบอินเวอร์เตอร์โดยเฉพาะ เพื่อวิเคราะห์ปัญหาความผิดปกติของเครื่องปรับอากาศได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ผ่าน Mobile Application

ประพนธ์กล่าวว่าเราได้การรับรองจากกรมพัฒนาฝีมือแรงงานให้จัดตั้งศูนย์ทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงานแห่งชาติ สาขาอาชีพช่างเครื่องปรับอากาศและการพาณิชย์ขนาดเล็ก ระดับ 1 โดยบริษัทได้มีส่วนช่วยให้ความรู้ในการสร้างบุคลากรช่างเทคนิคไทยที่มีคุณภาพและบริการที่ได้มาตรฐาน ซึ่งจะเริ่มดำเนินการทดสอบให้กับช่างของศูนย์บริการแต่งตั้งช่างตัวแทนจำหน่ายและช่างอิสระได้ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้เป็นต้นไป

ขณะเดียวกัน บริษัทยังคงเดินหน้าเสริมศักยภาพพนักงานอย่างต่อเนื่อง ด้วยการจัดอบรมให้ความรู้ทักษะความชำนาญเกี่ยวกับการบริการด้านต่างๆ โดยเน้นการปฏิบัติงานตามมาตรฐานเพื่อความปลอดภัยและความสะดวกสบายของลูกค้าไปพร้อมกัน ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การบริการอย่างมืออาชีพมากยิ่งขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจในทุกขั้นตอน ตอกย้ำความเป็นแบรนด์ยอดนิยมอันดับ 1 ที่ผู้บริโภคชาวไทยให้ความไว้วางใจมาอย่างยาวนาน

ส่วน Takashi Fujiki กรรมการและผู้จัดการทั่วไปส่วนการตลาดและการขาย บริษัท มิตซูบิชิ อีเล็คทริค กันยงวัฒนา จำกัด  เปิดเผยว่า ปัจจุบันตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน สะท้อนความต้องการของผู้บริโภคที่ใส่ใจในทุกองค์ประกอบมากขึ้น พฤติกรรมของผู้บริโภคมีการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจน ส่งผลให้เห็นการเปลี่ยนแปลงในตลาดมากขึ้น โดยบริษัทได้มุ่งเน้นการทำตลาดแบบ Business-to-Consumer หรือ B2C ในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องปรับอากาศ ตู้เย็น และพัดลมระบายอากาศ เพื่อให้สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยี ซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมการใช้งานของผู้บริโภคในปัจจุบัน

สำหรับธุรกิจในแบบ Business-to-Business หรือ B2B ได้มุ่งเน้นการขยายไปยังหัวเมืองใหญ่ รวมถึงต่างจังหวัดตามการเจริญเติบโตของระบบสาธารณูปโภค เช่น ร้านค้า โรงแรม และได้เปิดตัวเครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนขนาดใหญ่ มิตซูบิชิ อีเล็คทริค มิสเตอร์สลิม ระบบอินเวอร์เตอร์รุ่นใหม่ (Mr.Slim R32 INV Series) ซึ่งใช้เทคโนโลยีประหยัดพลังงานระดับสูง เพื่อให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีในอนาคต

นอกจากนี้  บริษัทยังได้ขยายฐานลูกค้าทั่วประเทศ ด้วยการเปิดศูนย์กระจายสินค้า “Mitsubishi Electric Smart Hub” จังหวัดลำปาง บนพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร เพื่อพัฒนาระบบขนส่งโลจิสติกส์ ครอบคลุมการให้บริการ 12 จังหวัด ในเขตภาคเหนือ โดยหวังผลให้ผู้บริโภคได้รับสินค้ารวดเร็วยิ่งขึ้นและมุ่งตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในทุกๆ ด้าน รวมถึงบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายให้ครอบคลุมทั้งร้านค้าผู้แทนจำหน่าย โมเดิร์นเทรด ไฮเปอร์มาร์เก็ต โครงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ และยกระดับการบริการหลังการขายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วไทย

ในปี 2563 นี้ บริษัทตั้งเป้าการขายรวมกว่า 1.67 หมื่นล้านบาท และเปิดตัวสินค้าใหม่ 3 กลุ่ม ตอกย้ำแนวคิด Changes for the Better มุ่งมั่นในการมอบวิถีชีวิตที่เรียบง่าย สะดวกสบายแก่ผู้บริโภคแล้ว เรายังให้ความสำคัญในการรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศ อินเวอร์เตอร์ รุ่น JS Series และ รุ่น KS Series (Happy Inverter) เครื่องปรับอากาศแบบแยกส่วนขนาดใหญ่ และตู้เย็น รวมถึงพัดลม ซึ่งเพิ่มมาตรฐานความปลอดภัยให้มากขึ้น” Takashi กล่าว

ทั้งนี้ ด้านสื่อสารทางการตลาดในปีนี้จะเน้นการใช้สื่อออนไลน์และ BIG DATA ช่วยวิเคราะห์ โดยประยุกต์ใช้กับ Digital Marketing เพื่อสื่อสารให้ตรงกับความต้องการและสอดรับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภคในยุคปัจจุบัน และสะท้อนภาพลักษณ์ The Cooling Master

รวมถึงสร้างการรับรู้แบรนด์มิตซูบิชิ อีเล็คทริค ผ่าน Sport Marketing พร้อมจับมือธนวรรธน์ วรรธนะภูติ พาร์ทเนอร์ พรีเซนเตอร์ ร่วมขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดย้ำแนวคิดชัดเลยว่าดี การันตีเลยว่าใช่ เชื่อในสิ่งที่ใช่สร้างการเติบโตทางธุรกิจและเพิ่มทางเลือกที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งจะช่วยสานต่อความสำเร็จในการทำตลาดของมิตซูบิชิ อีเล็คทริค และผลักดันยอดขายให้เติบโตได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

  อ่านเพิ่มเติม  
ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine