พานาโซนิค วางกลยุทธ์รุกตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมดึงผลิตภัณฑ์โซลูชั่นญี่ปุ่นเสริมทัพ ตั้งเป้ายอดขายทั่วภูมิภาค 2.78 หมื่นล้านบาทในปี 2021
Daizo Ito รองประธานกรรมการอาวุโส และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดต่างประเทศ บริษัท พานาโซนิค คอร์ปอเรชั่น ไลฟ์ โซลูชั่นส์ ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า จากการดำเนินงานในประเทศไทยมากว่า 35 ปี ซึ่งเน้นไปที่อุปกรณ์ไฟฟ้าและโฟกัสธุรกิจแบบ B2C เป็นหลัก แต่ตั้งปี 2020 เป็นต้นไป บริษัทฯ จะเร่งดำเนินกลยุทธ์ทางการตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อสร้างการเติบโตในธุรกิจอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์สำหรับที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งด้านความสัมพันธ์กับลูกค้า การสร้างธุรกิจใหม่ร่วมกับพาร์ทเนอร์ และการนำเสนอโซลูชั่นใหม่ๆ เพื่อแก้ปัญหาทางสังคม
“จากข้อมูลพบว่าตั้งแต่ปี 2020 จำนวนผู้สูงอายุในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่สัดส่วนประชากรวัยแรงงานก็ลดลง ทำให้คาดการณ์ว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคตจะประสบปัญหาต่างๆ ที่ญี่ปุ่นกำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น โซลูชั่นต่างๆ ของเราที่เกี่ยวข้องกับการอยู่อาศัยของมนุษย์ ซึ่งมีการใช้งานอยู่ในประเทศญี่ปุ่น คาดว่าจะตอบโจทย์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้อย่างแน่นอน” Ito กล่าว
Ito ระบุอีกว่า สำหรับตลาดในอาเซียนที่พานาโซนิคโฟกัสเป็นพิเศษคือ ไทย เวียดนาม และอินโดนีเซีย เนื่องจากจำนวนประชากร, จำนวนครัวเรือน และจีดีพีของทั้ง 3 ตลาดมีการเติบโตที่น่าสนใจ รวมถึงผู้บริโภคเองยังมีความต้องการมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความพยายามสรรหานวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาในชีวิตประจำวันของตัวเอง
โดยกลยุทธ์สำหรับตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือรุกตลาดกลุ่มที่อยู่อาศัยอย่างจริงจัง โดยร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ ซึ่งจะเริ่มต้นจากผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับที่อยู่อาศัย นำเสนอเป็นแพลตฟอร์มในการออกแบบรวมถึงแพ็กเกจการตกแต่งภายใน
นอกจากนี้ กลยุทธ์ของพานาโซนิคยังรวมถึงการนำผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ในบ้านที่ญี่ปุ่นมาเจาะตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการจัดแสดงผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งนำเสนอโซลูชั่นโดยใช้สินค้าที่หลากหลายของบริษัท โดยเชิญดีเวลอปเปอร์และบริษัทพาร์ทเนอร์ในภูมิภาคนี้มาร่วมงานกว่า 600 บริษัท
“จากแผนการต่างๆ เหล่านี้ พานาโซนิคคาดว่าจะสามารถบรรลุยอดขาย 1 แสนล้านเยน หรือประมาณ 2.78 หมื่นล้านบาทในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ภายในปี 2021 และบรรลุยอดขาย 1 ล้านล้านเยนได้ในปี 2030”
สำหรับผลการดำเนินงานในปีงบประมาณ 2018 ของพานาโซนิค ไลฟ์ โซลูชั่นส์ มียอดขายอยู่ที่ 2.0361 ล้านล้านเยน หรือราว 5.77 แสนล้านบาท เป็นยอดขายในประเทศไทย 3 พันล้านบาท
Ito กล่าวเพิ่มเติมว่า เทคโนโลยีต่างๆ ที่พานาโซนิคพร้อมนำเสนอจะแตกต่างกันไปตามความต้องการของแต่ละตลาด เช่น อินโดนีเซีย จะให้ความสำคัญกับเรื่องแสง ซึ่งเราก็มีนวัตกรรมการใช้แสงเพื่อผ่อนคลาย ลดความเครียด ขณะที่ประเทศไทยจะให้ความสำคัญกับเรื่องอากาศ เป็นต้น
ด้าน Masashi Yamada รองประธานกรรมการอาวุโส และผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจ Housing Systems กล่าวว่า กลุยทธ์แผนงานในต่างประเทศของฝ่าย Housing Systems คือการเปลี่ยนจากธุรกิจก่อสร้างและตกแต่งภายในไปสู่การขายสินค้าแบบ B2B โดยนำเสนอโซลูชั่นเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์มารองรับตามความต้องการของตลาด
“มาตรการในการดำเนินงานของเราคือการสร้างความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ในการทำงานและสร้างเครือข่ายทางการค้าที่แข็งแกร่งร่วมกัน ในโซลูชั่นที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มอุตสาหกรรม, กลุ่มสังคมผู้สูงอายุ และกลุ่มอุปกรณ์ที่มีฟังก์ชั่นระดับสูง อย่างในไทยเราทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ในการออกแบบและวางแผนเป็นระบบห้องครัวคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น ซึ่งทำให้ใช้พื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดูแลรักษาง่าย โดยเปิดตัวไปเมื่อเดือนสิงหาคม 2562 ที่ผ่านมา”
Yamada กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ พานาโซนิคยังมีการ Co-creation partner ร่วมกับพันธมิตรในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้นำเสนอผลิตภันฑ์ได้อย่างเข้าใจตลาดของแต่ละพื้นที่อย่างแท้จริง อย่างในประเทศไทย บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาสมาร์ตบ็อกซ์ (smart box) ซึ่งเป็นตู้ล็อกเกอร์ที่สามารถรองรับธุรกิจอี-คอมเมิร์ซได้ หรือการพัฒนาห้องอาบน้ำสำเร็จรูปที่ใช้เวลาในการติดตั้งเพียง 2 วัน เพื่อส่งเสริมการจำหน่ายสินค้าให้กับผู้พัฒนาหรือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ ทั้งนี้ ทั้ง 2 เทคโนโลยีดังกล่าวคาดว่าจะสามารถผลิตและให้บริการในประเทศไทยได้ในเร็วๆ นี้
“จากแผนงานดังกล่าวเราคาดว่ายอดขายในต่างประเทศของธุรกิจ Housing Systems จะไปสู่เป้าหมาย 1 แสนล้านเยนได้ในปี 2030 โดยมาจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 4 หมื่นล้านเยน จากปัจจุบันยอดขายของธุรกิจนี้ในปี 2018 อยู่ที่ 5 พันล้านเยน และเป็นยอดจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 200 ล้านเยน” Yamada กล่าว
ขณะที่ Sadaharu Ukon รองประธานกรรมการ และผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดในประเทศ กล่าวว่า เศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชียมีการเติบโตขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องเผชิญกับปัญหามลภาวะทางอากาศ, สังคมสูงวัย, ภัยธรรมชาติ ทำให้พานาโซนิคมุ่งมั่นที่จะนำประสบการณ์ที่มีมาช่วยแก้ปัญหาสังคมที่คล้ายคลึงกัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของคนในอาเซียนให้ดียิ่งขึ้น
“ผลงานล่าสุดของกลุ่มธุรกิจวัสดุและอุปกรณ์ไฟฟ้า คือการที่พานาโซนิคได้นำโซลูชั่นต่างๆ มาใช้ในสนามกีฬาที่จะใช้ในการแข่งขันโอลิมปิก Tokyo 2020 ไม่ว่าจะเป็นระบบภาพ เสียง และแสง เพื่อให้ผู้มาใช้บริการได้รับชมกีฬาที่ได้อรรถรสที่แตกต่างกัน ประทับใจ และรู้สึกปลอดภัยแม้จะอยู่ในพื้นที่สาธารณะ”
Ukon กล่าวว่า กลยุทธ์ของธุรกิจวัสดุอุปกรณ์ไฟฟ้าพานาโซนิคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ความมุ่งมั่นที่จะเพิ่มจำนวนผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในอาเซียนให้มีมากยิ่งขึ้นด้วยการนำผลิตภัณฑ์ที่มีในประเทศญี่ปุ่นเข้ามาเสริมทัพให้ครบวงจรในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์
“นอกจากนี้ จะรักษาจุดแข็งทางธุรกิจด้วยการควบคุมฐานของตลาด รักษาความสามารถในการแก้ปัญหา คุณภาพสินค้า และทักษะในการนำเสนอ และท้ายที่สุดคือการถ่ายทอดทักษะ ความชำนาญ และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดไปสู่พาร์ทเนอร์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะการสร้างบุคลากรหนุ่มสาวให้มีความรู้ความสามารถเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง” Ukon กล่าวทิ้งท้าย
อ่านเพิ่มเติมไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine