บิวเทรี่ยม ผนึก The 1 Card สะสม-แลกแต้มได้ หวังจูงใจลูกค้าต้านสภาวะตลาดบิวตี้ชะลอตัว - Forbes Thailand

บิวเทรี่ยม ผนึก The 1 Card สะสม-แลกแต้มได้ หวังจูงใจลูกค้าต้านสภาวะตลาดบิวตี้ชะลอตัว

บิวเทรี่ยมงัดกลยุทธ์ดึงลูกค้า ผนึก The 1 Card เครือข่าย CRM ฐานสมาชิก 15 ล้านราย สามารถสะสม-แลกแต้มได้ที่ร้าน ตั้งเป้าช่วยดันยอดขายโต 40% หลังจากกระแสตลาดความงามปีนี้ฝืดตัว

จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด  เปิดเผยว่า บริษัทได้ตกลงร่วมมือเป็นพันธมิตรกับ The 1 Card (เดอะ วัน การ์ด) เครือข่าย CRM (Customer Relationship Management) ในเครือเซ็นทรัล ซึ่งจะทำให้ลูกค้าที่ซื้อสินค้าผ่านบิวเทรี่ยมสามารถสะสมแต้มและแลกแต้มใน The 1 Card ได้

นับเป็นการเสริมประโยชน์ให้ซึ่งกันและกัน เพราะบิวเทรี่ยมมีฐานลูกค้าราว 1 แสนราย แบ่งสัดส่วนเป็นวัยมัธยมปลายจนถึงมหาวิทยาลัยและวัย first jobber ไม่เกิน 25 ปี กลุ่มละ 50% ในขณะที่ลูกค้า The 1 Card ส่วนใหญ่เป็นวัยทำงาน จึงน่าจะทำให้แต่ละฝ่ายได้ขยายฐานลูกค้ามากขึ้น

ด้าน อติโรจน์ โรจน์รัตนวลี กรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด กล่าวเสริมว่า สำหรับลูกค้าที่สะสมแต้มอยู่กับระบบ CRM ของบิวเทรี่ยมจะสามารถโอนแต้มเข้าไปใน The 1 Card ได้ โดยบริษัทตัดสินใจร่วมมือกับเซ็นทรัลเพราะพบว่าค่าใช้จ่ายถูกกว่าการลงทุนระบบเอง ซึ่งเบื้องต้นมีการทำสัญญากันในระยะ 5 ปี

(ที่ 2 จากซ้าย) ระวี พัวพรพงษ์ Head of The 1 Business บริษัท เดอะวันเซ็นทรัล จำกัด, (ที่ 2 จากขวา) จิรวุฒิ โรจน์รัตนวลี ประธานกรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด, (ที่ 1 จากขวา) อติโรจน์ โรจน์รัตนวลี กรรมการบริหาร บริษัท บิวเทรี่ยม จำกัด

ขณะที่ ระวี พัวพรพงษ์ Head of The 1 Business บริษัท เดอะวันเซ็นทรัล จำกัด กล่าวว่า The 1 Card มีสมาชิกอยู่ 15 ล้านรายและมีการเติบโตเฉลี่ยปีละ 2 ล้านราย โดย 70% ของจำนวนนี้เป็นผู้หญิง การผนึกกำลังกับบิวเทรี่ยมซึ่งเป็นร้านค้าเครื่องสำอางจึงน่าจะเหมาะสมกับฐานลูกค้าเดิม

ระวีกล่าวด้วยว่า The 1 Card กำลังเริ่มขยายการบริการด้าน CRM ออกไปนอกเหนือจากบริษัทในเครือเซ็นทรัลให้มากขึ้น โดยปัจจุบันมีพันธมิตรระดับองค์กรขนาดใหญ่อยู่ 30-40 ราย ซึ่งตั้งเป้าเพิ่มเป็น 50 ราย และพันธมิตรร้านค้าท้องถิ่น 900 ราย ที่ตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1,000 รายในปีนี้ รวมถึงการพัฒนาแอพพลิเคชั่น The 1 ให้รองรับสมาชิกในระบบได้มากและมีประสิทธิภาพ

ทั้งนี้ Forbes Thailand รายงานว่า ในตลาดร้านเครื่องสำอางแบบมัลติแบรนด์และดรักสโตร์มักจะมีระบบสมาชิกเพื่อสะสมแต้มและรับส่วนลดของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น อีฟ แอนด์ บอย, เซโฟร่า, บู๊ทส์, วัตสัน หรือมัตสึโมโตะ คิโยชิซึ่งใช้ระบบของ The 1 Card เช่นกันเนื่องจากเป็นพันธมิตรของเซ็นทรัลในการเปิดสาขาไทย

 

ปี 2562 ตลาดความงามแผ่ว

อติโรจน์กล่าวต่อว่า ปี 2562 นี้บิวเทรี่ยมตั้งเป้ายอดขายเติบโตเพียง 40% จากปกติจะโต 100% มาตลอดหลังจากก่อตั้งร้านแรกเมื่อ 7 ปีก่อน โดยปี 2561 บริษัททำยอดขายไป 500 ล้านบาท

เรามีการประเมินสภาพตลาดสม่ำเสมอ ซึ่งจาก 5 เดือนแรกเราพบว่าตลาดได้รับผลกระทบทั้งการเมืองไม่นิ่ง เศรษฐกิจยังผันผวน ลูกค้านักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนจะมีปัญหาจากสงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ทำให้ลูกค้าอาจจะซื้อน้อยลงเพราะมองในบางมุมเครื่องสำอางก็ยังเป็นสินค้าฟุ่มเฟือย เราจึงปรับเป้าเติบโตลดลง จากเดิมคาดหวังรายได้ 1 พันล้านในปีนี้ เหลือเพียง 700 ล้านบาทอติโรจน์กล่าว

บิวเทรี่ยม แฟลกชิปสโตร์ สาขาสยามสแควร์ เปิดตัวเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2562
บิวเทรี่ยม แฟลกชิปสโตร์ สาขาสยามสแควร์ เปิดตัวเมื่อปลายเดือนมีนาคม 2562

โดยลูกค้าชาวจีนของบิวเทรี่ยมมีราว 10% ของลูกค้าทั้งหมด แต่หากเป็นสาขาในแหล่งท่องเที่ยว ได้แก่ เอเชียทีค เซ็นเตอร์พอยท์-สยามสแควร์ สยามสแควร์-แฟลกชิปสโตร์ และอัมรินทร์พลาซ่า นักท่องเที่ยวจะมีสัดส่วนสูง และในช่วง 5 เดือนแรกเห็นผลกระทบ โดยเฉพาะที่เอเชียทีคซึ่งยอดขายลดลงเล็กน้อย

ระวีเสริมว่า ในมุมของ The 1 Card เห็นผลกระทบเช่นกันเนื่องจากพบว่าลูกค้ามีการจับจ่ายสินค้าเสื้อผ้าแฟชั่นและเครื่องสำอางลดลง เทียบกับสินค้าอุปโภคบริโภคที่ยังมียอดขายปกติ

 

เปิดสาขาใหม่ สร้างยอดขายอี-คอมเมิร์ซ

อย่างไรก็ตาม บิวเทรี่ยมยังคงมีการลงทุนเพื่อกระตุ้นยอดขายทั้งการลงทุนร้านสาขาใหม่ การขายออนไลน์ และกิจกรรมการตลาด

จิรวุฒิกล่าวว่า ปีนี้บริษัทใช้งบลงทุน 150 ล้านบาทเพื่อเปิดสาขาใหม่ 3 แห่ง ที่เปิดตัวแล้วเมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมาคือ แฟลกชิปสโตร์ในตึก stand alone 4 ชั้นบริเวณสยามสแควร์ พื้นที่ใช้สอย 1,000 ตารางเมตร ส่วนอีก 2 สาขาที่จะเปิดเพิ่มเติมอยู่ในเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า และ เซ็นทรัล เวสต์เกต ทำให้ปีนี้ บิวเทรี่ยมจะมีสาขาครบ 10 สาขา และยังคงเป้าหมายเปิดเพิ่มปีละ 3-4 สาขาต่อไป

นอกจากนี้ บิวเทรี่ยมยังเริ่มจำหน่ายออนไลน์เมื่อปลายปี 2561 ทั้งช่องทางเว็บไซต์ของร้านเอง และ marketplace ต่างๆ ได้แก่ Shopee, Lazada, JD.central ซึ่งจิรวุฒิเปิดเผยว่า ได้รับผลตอบรับเกินคาด ปัจจุบันมียอดขาย 1 ล้านบาทต่อเดือน คาดว่าจนถึงสิ้นปีจะมียอดขายเพิ่มเป็น 10 ล้านบาทต่อเดือน