“เอกา โกลบอล” มุ่งหน้าลุยเมกะเทรนด์ “Pet Parents” และ “ธุรกิจเพื่อความยั่งยืน” - Forbes Thailand

“เอกา โกลบอล” มุ่งหน้าลุยเมกะเทรนด์ “Pet Parents” และ “ธุรกิจเพื่อความยั่งยืน”

FORBES THAILAND / ADMIN
22 Aug 2023 | 09:00 AM
READ 507

“เอกา โกลบอล” ผู้นำเทรนด์บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร เล็งรับทรัพย์คำสั่งซื้อพุ่ง ประเมิน Q3/2566 ตลาดบรรจุภัณฑ์บรรจุอาหารขยายตัวต่อเนื่อง รับประโยชน์ตลาดเข้าสู่ช่วงเริ่มต้นฤดูกาลของภาคธุรกิจส่งออกอาหาร ขณะที่เทรนด์ผู้บริโภคทั่วโลก มุ่งหน้าสู่เมกะเทรนด์ธุรกิจเพื่อความยั่งยืนและเมกะเทรนด์ “Pet Parents” เป็นแรงกระตุ้นดีมานด์บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารกลุ่มอาหารพร้อมรับประทานและอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม ล้นทะลัก

    

    ชัยวัฒน์ นันทิรุจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอกา โกลบอล จำกัด (EKA GLOBAL) ผู้นำตลาดนวัตกรรมบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร (Longevity Packaging) เปิดเผยว่า ประเมินทิศทางตลาดบรรจุภัณฑ์สำหรับบรรจุอาหารในไตรมาสที่สามของปี 2566 คาดว่าจะยังคงได้รับประโยชน์อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นช่วงเริ่มต้นฤดูกาล หรือ ไฮซีซั่น ของธุรกิจส่งออกอาหาร ทั้งกลุ่มอาหารทะเลแปรรูป อาหารแช่แข็ง 


    ตลอดจนถึงอาหารพร้อมรับประทาน (Ready-To-Eat) แต่มีประเด็นที่น่าติดตาม คือ พฤติกรรมของผู้บริโภคทั่วโลก ในประเทศที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯ ได้แก่ สหรัฐอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น จีน และอินเดีย รวมถึงตลาดในประเทศไทยเอง ต่างกำลังมุ่งหน้าไปสู่สองเมกะเทรนด์ธุรกิจโลกอย่างเข้มข้น ได้แก่ เมกะเทรนด์ธุรกิจสีเขียวเพื่อความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และโดยเฉพาะเมกะเทรนด์ Pet Humanization หรือ การเลี้ยงสัตว์ของคนรุ่นใหม่ที่เจ้าของสัตว์เลี้ยงทั่วโลกเริ่มกลายเป็นพ่อแม่สัตว์เลี้ยง หรือ “Pet Parents” ซึ่งจะใส่ใจและให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของสัตว์เลี้ยงมากขึ้น นับตั้งแต่การเลือกอาหาร สินค้า การรักษาโรคสัตว์เลี้ยง และยังรวมถึงการมองหาที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ด้านการเลี้ยงสัตว์

    ทั้งนี้ มีรายงานผลสำรวจพฤติกรรมกลุ่มผู้เช่าที่อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาจะให้ความนิยมเช่าที่อยู่อาศัยที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุก ๆ ปี ขณะที่ตัวเลขในประเทศไทย พบว่า Pet Humanization จะเป็นเมกะเทรนด์ที่สำคัญ เพราะแนวโน้มประชากร Gen Z, Gen Y และประชากรผู้สูงอายุ รวมถึงแนวโน้มครอบครัวขนาดเล็กที่มีบุตรน้อยลง หรือ ไม่มีบุตร มีความนิยมเลี้ยงสัตว์เพิ่มสูงขึ้น โดยในปีที่ผ่านมา คนไทยนิยมเลี้ยงน้องหมาน้องแมวเพิ่มสูงขึ้นเป็น 37% ของจำนวนครัวเรือนไทยทั้งประเทศ และคาดว่าในปีนี้จะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอีก


    ทางด้านภาคธุรกิจไทย หลายๆ ธุรกิจ ต่างปรับกลยุทธ์หันมาออกผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงแบบเจาะจงมากขึ้น ซึ่งจะได้เห็นแล้วไม่ว่าจะเป็นกระแสการแข่งขันกันของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่หันมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและคอนโดมิเนียม เน้นรองรับกลุ่มคนเลี้ยงสัตว์โดยเฉพาะ หรือแม้แต่การเปิดตัวโรงภาพยนตร์ PET Friendly แห่งแรก เป็นต้น

    “สำหรับบรรจุภัณฑ์อาหาร โดยเฉพาะบรรจุภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติช่วยยืดอายุอาหาร เป็นเสมือนผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของธุรกิจอาหาร และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม หากทั้งสองอุตสหกรรมโต ตลาดบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร ก็จะเติบโตควบคู่ไปด้วย ซึ่งบริษัทฯ ถือว่าได้รับผลบวกโดยตรงจากทั้งสองเมกะเทรนด์นี้ เรามีผลิตภัณฑ์บรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหารที่ตอบโจทย์ความต้องการของตลาดโลก ไม่ว่าจะเป็นสินค้ากรีนโปรดักต์ หรือ อาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม ซึ่งสะท้อนถึงคำสั่งซื้อเข้ามามากจนเต็มกำลังการผลิตแล้วในขณะนี้”


    ชัยวัฒน์ กล่าวว่า ภายใต้สัญญาณการเติบโตของตลาดบรรจุภัณฑ์ยืดอายุอาหาร ทั้งในกลุ่มอาหารพร้อมรับประทาน และอาหารสัตว์เลี้ยงพรีเมียม ซึ่งมีแรงผลักดันมาจากการบริโภคในประเทศ การท่องเที่ยว และเป็นช่วงฤดูกาลของการส่งออกอาหาร ยังมีปัจจัยที่ต้องเฝ้าดู คือ ผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง จะมีผลต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคมีความจำกัดและจะระมัดระวังการใช้จ่ายมากน้อยเพียงใด

    สำหรับสถานการณ์ต้นทุนของธุรกิจโดยรวม ไม่ว่าจะเป็น ค่าขนส่งทางเรือและค่าตู้บรรจุสินค้า และราคาต้นทุนวัตถุดิบและพลังงาน คาดว่าจะเริ่มเห็นสัญญาณการปรับตัวที่ดีขึ้นได้บ้าง

    

    อ่านเพิ่มเติม : ยูโอบีร่วมพันธมิตร ปลดล็อคธุรกิจ เข้าถึงเทคโนโลยี ฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม เชื่อมโยงระบบนิเวศสร้างอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแบบยั่งยืน

    ​ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine