พิรดา อิงค์ธเนศ ผุด "ดิจิเทค วัน" ชูแพลตฟอร์มด้านความปลอดภัย ต่อยอดตอบโจทย์ SVOA Group - Forbes Thailand

พิรดา อิงค์ธเนศ ผุด "ดิจิเทค วัน" ชูแพลตฟอร์มด้านความปลอดภัย ต่อยอดตอบโจทย์ SVOA Group

FORBES THAILAND / ADMIN
06 Jan 2021 | 07:59 PM
READ 2448

พิรดา อิงค์ธเนศ ผุด ดิจิเทค วัน ชูแพลตฟอร์มด้านความปลอดภัย ในธุรกิจธนาคาร - ประกันภัย - สถาบันสุขภาพ และเตรียมความพร้อม SVOA Group เดินหน้าในยุค Digital Transformation

พิรดา อิงค์ธเนศ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดิจิเทค วัน จำกัด  บริษัทในเครือ บริษัท SVOA Group ซึ่งแยกออกมาเพื่อให้บริการโซลูชั่นสำหรับองค์กรธุรกิจ เผยกลยุทธ์ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง ในรูปแบบบริการโซลูชั่นเฉพาะกลุ่ม SaaS Business Model (Software as a Service) การให้บริการด้านความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นสถาบันการเงิน การธนาคาร ประกันภัย สถาบันสุขภาพ และหน่วยงานภาครัฐ เพื่อช่วยพลิกโฉมองค์กรธุรกิจในยุค Digital Disruption พิรดาเผยว่า ธุรกิจของบริษัทฯ เกิดจากการที่ บริษัท เอสวีโอเอ จำกัด (มหาชน) ต้องการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้มีความแข็งแกร่งในยุคที่เทคโนโลยีมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เพื่อที่บริษัทฯ จะยืนหยัดในธุรกิจไอทีได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยเฉพาะ Digital Transformation ซึ่งมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการนำ Digital Technology มาปรับใช้กับทุกส่วนของธุรกิจ ทาง SVOA Group จึงได้มีการลงทุน 100 % ใน “ดิจิเทค วัน” ดังกล่าวเพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เข้าไปตอบโจทย์ให้กับองค์กรธุรกิจที่จะต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการทำงานในยุค Digital Disruption ด้วยการนำแพลตฟอร์มด้านความมั่นคงปลอดภัยสำหรับองค์กรธุรกิจเข้าไปให้บริการในกลุ่มเป้าหมายไม่ว่าจะเป็น กลุ่มสถาบันการเงิน การธนาคาร ประกันภัย สถาบันสุขภาพ และหน่วยงานภาครัฐ เป็นปัจจัยทำให้บริษัทฯมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าในปี 2021 จะมียอดขายประมาณ 150 ล้านบาท กลุ่มธุรกิจที่หนึ่งคือ การให้บริการแพลตฟอร์มของบริษัทโดยใช้กลยุทธ์ SaaS Business Model (Software as a Service) เพื่อให้การทำงานของผู้ประกอบการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบเซ็นและอนุมัติเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงระบบจัดการเอกสารทางภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ด้วยระบบเทคโนโลยีที่ช่วยให้การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างองค์กรมีความปลอดภัย ผู้ประกอบการสามารถใช้เทคโนโลยีปรับปรุงบริการให้ดียิ่งขึ้นในลักษณะของการนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมมาวิเคราะห์จะช่วยให้การตัดสินใจมีความแม่นยำยิ่งขึ้น สำหรับ SaaS Business Model บริษัทฯ พร้อมนำเสนอโซลูชั่นที่เหมาะสมกับทุกองค์กรธุรกิจทั้งรายใหญ่ และรายย่อย และด้วยระบบที่แข็งแกร่งสำหรับการประมวลผลข้อมูลจำนวนมาก จึงเหมาะกับองค์กรธุรกิจที่กำลังเจริญเติบโต กลุ่มธุรกิจที่สองคือ การให้บริการทางไซเบอร์ซิเคียวริตี้แบบครบวงจร ปัจจัยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจนี้ ได้แก่ การที่เกิด Digital Disruption ในองค์กรชั้นนำต่างๆ ทำให้มีการนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในองค์กรมากขึ้น รวมถึงเทรนด์การใช้ระบบคลาวด์ที่แพร่หลาย ทำให้องค์กรธุรกิจหันมาให้ความสำคัญต่อการปกป้องข้อมูลที่มีความสำคัญภายในองค์กรจากการถูกเจาะและรั่วไหลโดยผู้ไม่ประสงค์ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลส่วนบุคคล (Personal Data) ที่องค์กรต้องคุ้มครองภายใต้กฎหมายด้านการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล สิ่งเหล่านี้ทำให้บริษัทฯ มีความเชื่อมั่นในการเข้าไปให้บริการและให้คำปรึกษา รวมถึงออกแบบโซลูชั่นที่สอดคล้องกับ พ.ร.บ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 หรือ Personal Data Protection Act (PDPA) นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีขีดความสามารถในการให้บริการและให้คำปรึกษา รวมถึงออกแบบโซลูชั่นที่สอดคล้องกับ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์ พ.ศ. 2562 ที่มีการกำหนดให้หน่วยงานเอกชนและภาครัฐที่ถูกกำหนดให้เป็นหน่วยงานโครงสร้างพื้นฐานสำคัญทางสารสนเทศ (Critical Information Infrastructure : CII) ซึ่งมีความสำคัญเชิงเศรษฐกิจและความมั่นคงของประเทศ จะต้องยกระดับในการเฝ้าระวัง ป้องกัน รับมือและลดความเสี่ยงจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ องค์กรที่ถูกกำหนดให้เป็น CII ตาม พ.ร.บ. ได้แก่ กลุ่มความมั่นคงและบริการภาครัฐที่สำคัญ กลุ่มการเงินการธนาคาร กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและโทรคมนาคม กลุ่มการขนส่งและโลจิสติกส์ กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค กลุ่มสาธารณสุข กลุ่มธุรกิจที่สามคือ การให้บริการเช่าใช้แพลตฟอร์มโซลูชั่นเฉพาะกลุ่ม เช่น กลุ่ม non-banks กลุ่มฟินเทค กลุ่มธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ซึ่งบริษัทฯ จัดทำแพลตฟอร์มสำเร็จรูปไม่ว่าจะเป็น E-KYC, digital ID และ การขอสินเชื่อออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชั่นสำเร็จรูปที่พร้อมให้บริการ โดยมุ่งหวังว่าจะเป็นเพื่อนที่คอยช่วยให้เส้นทางธุรกิจขององค์กรต่างๆ ราบรื่นและเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยทีมงานผู้เชี่ยวชาญการพัฒนาแอพพลิเคชั่นแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีการยืนยันตัวตนเพื่อให้องค์กรสามารถตอบสนองโจทย์และพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว “จุดแข็งของดิจิเทค วัน คือ ลูกค้าเป็นศูนย์กลาง พร้อมรับฟังความคิดเห็นของลูกค้า และทำให้ดีที่สุด เน้นความปลอดภัย เนื่องจากเรามีพื้นฐานภาคธุรกิจธนาคาร ทำให้การออกแบบโซลูชั่นได้ดีมีความยืดหยุ่นในการเชื่อมต่อระบบต่างๆ ซึ่งมีการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์อย่างใกล้ชิด คำนึงถึงประสบการณ์ของผู้ใช้งาน เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดี” พิรดา กล่าวทิ้งท้าย อ่านเพิ่มเติม: ชวลิต ถนอมถิ่น แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ของ RT

ไม่พลาดเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ของเรา ติดตามเราได้ที่ เพจเฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine