ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ วางเป้า "ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย" ผนึกรัฐ-เอกชน ยกระดับมาตรฐานเทคโนโลยี - Forbes Thailand

ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ วางเป้า "ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย" ผนึกรัฐ-เอกชน ยกระดับมาตรฐานเทคโนโลยี

ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ วางเป้าหมายปีที่ 4 การทำงานนำ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ให้เป็น “ปีแห่งการเดินหน้า” ร่วมสร้างหนทางใหม่ให้คนไทย องค์กรไทย และสังคมไทยได้เดินหน้ากันต่อไปจากสถานการณ์ในปัจจุบัน ในยุคของการใช้ชีวิตและทำงานในแบบรีโมท ที่แทบทุกอย่างต้องมีดิจิทัลเข้ามาเกี่ยวข้อง

ธนวัฒน์ สุธรรมพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย วางเป้าหมายปีที่ 4 การทำงานให้ไมโครซอฟท์ ประเทศไทย เป็นปีแห่งการเดินหน้าเพื่อสังคมไทย ผ่านความร่วมมือกับภาครัฐและภาคเอกชน สร้างมาตรฐานใหม่ด้านเทคโนโลยี ยกระดับทักษะใหม่โดยเฉพาะทักษะด้านดิจิทัลในคนไทย จากผลิตภัณฑ์และบริการที่สอดคล้องในการสร้างธุรกิจและการทำงานท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ที่บังคับใหม่องค์กรและคนทำงานเตรียมพร้อมสู่โลกใหม่ หลายปีที่ผ่านมาไมโครซอฟท์ ประเทศไทย ได้ร่วมงานกับหลายภาคส่วนในประเทศไทยเพื่อยกระดับมาตรฐานทางเทคโนโลยีสำหรับปัจจุบันและอนาคต ให้ทุกภาคส่วนได้เดินหน้าและเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคง ตั้งเป้าหมายสร้างทักษะดิจิทัลให้กับคนไทยเกินกว่า 10 ล้านคนในทุกระดับ นับตั้งแต่นักเรียน นักศึกษา ไปจนถึงคณาจารย์และคนทำงานในอุตสาหกรรมต่างๆ โดยในรอบปีที่ผ่านมาได้ให้ความร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการได้ก่อให้เกิดการกระจายความรู้และทักษะเชิงดิจิทัลผ่านเครือข่ายบุคลากรครู 470,000 คน ซึ่งครอบคลุมนักเรียนกว่า 6,650,000 คน พร้อมด้วยนักเรียนอาชีวะอีกหนึ่งล้านคนทั่วประเทศไทย รวมกว่า 8.12 ล้านคน นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ ยังให้ความร่วมมือกับทางที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) และกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) พัฒนาหลักสูตรด้านทักษะของไมโครซอฟท์จาก LinkedIn Learning และ Microsoft Learn for Educators ถูกผสานเข้ากับแผนการสอนในมหาวิทยาลัยทั่วประเทศ ครอบคลุมนักศึกษาและคณาจารย์รวมถึง 2,300,000 คน รวมถึงการช่วยให้แรงงานไทยกว่า 4 ล้านคน ผ่านกระทรวงแรงงานให้เข้าถึงเนื้อหาการเรียนการสอนด้านทักษะดิจิทัลในหลายระดับ ผ่านทางเว็บไซต์ของกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน โดยไมโครซอฟทได้เปิดหลักสูตรการสอนทักษะคลาวด์ ทั้ง Azure Cloud, Azure Data & AI และ Power BI พร้อมด้วยการสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรรับรองทักษะสำหรับการทำงานต่อไป โดยปัจจุบันมีคนทำงานสายไอทีเข้าร่วมเรียนในหลักสูตรดังกล่าวแล้วกว่า 30,000 คน ไมโครซอฟท์ยังคงเปิดให้คนทำงานสายไอทีเข้ามาเรียนรู้และวัดระดับทักษะของตัวเองผ่านการสอบเพื่อรับประกาศนียบัตรรับรองทักษะในด้านต่างๆ โดยจากเดิมที่เปิดสอบในประเทศไทยอยู่แล้วใน 4 หลักสูตร จะเพิ่มมาอีกหนึ่งหลักสูตรในเดือนตุลาคมนี้ ได้แก่  AZ-900 (Azure Fundamentals), AI-900 (Azure AI Fundamentals), DP-900 (Azure Data Fundamentals), PL-900 (Power Platform Fundamentals) และล่าสุด SC-900 (Security, Compliance, and Identity Fundamentals) โดยมีอีกหนึ่งโครงการสำคัญคือโครงการ Enterprise Skills Initiative (ESI) เข้ามาเปิดตัวในประเทศไทยในปี 2564 นี้ เพื่อมุ่งยกระดับทักษะด้านเทคโนโลยีเชิงลึกของบุคลากรในองค์กรขนาดใหญ่ ธนวัฒน์เผยด้วยว่าในยุคปัจจุบันจากมุมมองของไมโครซอฟท์ แนวทางในการสร้างนวัตกรรมใหม่ทั้งทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมประกอบไปด้วยหลักคิด 8 มุมใหม่ดังต่อไปนี้ Anywhere, Everywhere: การที่เราจะทำอะไรก็ได้ ที่ไหนก็ได้ ผ่านระบบดิจิทัล ไม่ว่าจะเป็นการเรียน การเล่น การติดต่อสื่อสาร หรือการใช้ชีวิต Digital First World: การที่ทุกอย่างเป็นดิจิทัล ทำให้ระบบทุกอย่างจะถูกออกแบบมาเพื่อการนี้ รวมไปถึงโมเดลธุรกิจที่ต้องมีดิจิทัลเป็นหัวใจ Cloud Economy: การมาอย่างรวดเร็วและยิ่งใหญ่ของระบบเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยคลาวด์ New Gen of Business & Intelligence: ก้าวต่อไปของการยกระดับธุรกิจด้วยข้อมูล Strategic Economy Partnership: สร้างความร่วมมือด้วยจุดมุ่งหมายและกลยุทธ์ที่ชัดเจน มุ่งสู่ความสำเร็จได้ดียิ่งขึ้น Citizen Developers: พลเมืองนักพัฒนา เมื่อทุกคนสามารถนำเทคโนโลยีมาพัฒนางานของตัวเองได้ Economy of Trust: เมื่อความไว้วางใจต้องมาก่อน เป็นรากฐานในการออกแบบทุกผลิตภัณฑ์และบริการ ให้ทุกภาคส่วนได้ประโยชน์ไปด้วยกัน และ Sustainable Development Goal: ตั้งเป้าหมายในด้านสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปกับการทำธุรกิจแบบยั่งยืน

เปิดตัวผลิตภัณฑ์สอดรับวิถีที่เปลี่ยนไป

สำหรับด้านธุรกิจ ปี 2564 ไมโครซอฟท์เตรียมนำผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ เข้ามาตอบสนองต่อความต้องการและวิถีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป ให้สอดรับกับทั้งสถานการณ์ปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคต อาทิ กลุ่มผลิตภัณฑ์และบริการในกลุ่ม Power Platform ที่เป็นส่วนสำคัญในการจุดประกายให้คนทำงานนอกสายไอทีที่ผันตัวเองมาเป็นนักพัฒนาประเภท “Citizen Developers” ได้ลงมือสร้างสรรค์เครื่องมือหรือวิเคราะห์ข้อมูลด้วยตัวเองให้ตอบโจทย์กับเนื้องานที่ทำอยู่ บริการใหม่จาก Windows 365 มอบประสบการณ์ Windows ที่คุ้นเคยแบบส่งตรงจากคลาวด์ ให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงแอป ข้อมูล คอนเทนต์ และการตั้งค่าทุกอย่างของเครื่องพีซีในองค์กรได้จากอุปกรณ์ใดก็ได้ ที่ไหนก็ได้ จึงทำให้สามารถทำงานได้จากทุกที่อย่างมั่นใจ และที่สำคัญคือมีเครื่องมือพร้อมความปลอดภัยครบครันครอบคลุมทุกดีไวซ์ ทั้งนี่้ Microsoft Teams และ Microsoft 365 ได้ผ่านการตรวจประเมินมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศของระบบควบคุมการประชุม โดยสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ไปเมื่อปีที่ผ่านมา จึงรองรับการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์อย่างสมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องทั่วไปหรือเรื่องลับขององค์กร "ไมโครซอฟท์มีผลิตภัณฑ์ บริการ และมาตรการสนับสนุนครบครันสำหรับองค์กรไทยที่ต้องการยกระดับมาตรฐานด้านความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของข้อมูล โดยเฉพาะกับการรองรับมาตรฐานใหม่ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของไทย แม้ว่ากฎหมายฉบับดังกล่าวจะมีการเลื่อนบังคับใช้เต็มรูปแบบออกไปเป็นวันที่ 31 พฤษภาคม 2565 ก็ตาม" นอกจากนี้ไมโครซอฟท์ นำเทคโนโลยี AI ร่วมมือกับนักวิชาการและหน่วยงานภาครัฐในการให้คำปรึกษาเพื่อกำหนดกรอบและทิศทางการใช้ AI ให้เกิดประโยชน์กับคนไทยอย่างแท้จริง จนเกิดเป็นแผนงาน Responsible AI Framework ที่ทางคณะรัฐมนตรีได้ลงมติรับรองเพื่อนำไปบังคับใช้ไปในปีนี้ สำหรับด้านแพลตฟอร์มคลาวด์ Azure ก็มีโซลูชั่นที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์เฉพาะตัวของแต่ละอุตสาหกรรม ทั้งในด้านของการทำงานและการตอบรับกับมาตรฐานต่างๆ ในแต่ละอุตสาหกรรม โดยมีทั้งคลาวด์ Azure เพื่อสถาบันการเงิน เพื่อการแพทย์ เพื่อภาคการผลิต เพื่อองค์กรไม่แสวงหาผลกำไร และเพื่อกลุ่มค้าปลีก สำหรับอุตสาหกรรมไอทีไทยในปีนี้ ธนวัฒน์คาดว่าจะมีการใช้จ่ายในภาพรวมเพิ่มสูงขึ้นราวร้อยละ 4.9 ขณะที่การใช้จ่ายกับบริการคลาวด์สาธารณะ (public cloud) มีแนวโน้มจะขยายตัวขึ้นถึงร้อยละ 31.7 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั่วโลกที่อยู่ที่ร้อยละ 23.1 โดยมีผลิตภัณฑ์และบริการในกลุ่ม Power Platform, Intelligent Endpoint, Data & AI, Microsoft Teams, Azure, Dynamics และโซลูชั่นเพื่อความปลอดภัย มีแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง อ่านเพิ่มเติม: ลาซาด้า เปิดอินไซต์ “นักช้อปออนไลน์” เผยเทรนด์สำคัญอีคอมเมิร์ซไทย
ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine