แว่นท็อปเจริญ จับมือ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ จัดตั้ง ‘วิทยาลัยทัศนมาตรศาสตร์’ ปั้นเด็กไทยเติบโตเป็น ‘หมอสายตา’ สู่อาเซียน - Forbes Thailand

แว่นท็อปเจริญ จับมือ ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ จัดตั้ง ‘วิทยาลัยทัศนมาตรศาสตร์’ ปั้นเด็กไทยเติบโตเป็น ‘หมอสายตา’ สู่อาเซียน

หมอสายตาในไทยขาดแคลน! แว่นท็อปเจริญ MOU ม.ธุรกิจบัณฑิตย์ จัดตั้ง “วิทยาลัยทัศนมาตรศาสตร์@ท็อปเจริญ” โดย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ตั้งเป้าผลิตนักทัศนมาตรหรือหมอสายตาที่เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านสายตาและระบบการมองเห็น ในสาขาวิชาทัศนมาตรศาสตรบัณฑิต (Doctor of Optometry, O.D.) หลักสูตร 6 ปี หวังสร้างโอกาสให้เด็กไทยมีทางเลือกเรียนเป็นหมอสายตาและมีอาชีพที่มั่นคง


    นพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ แว่นท็อปเจริญ เปิดเผยว่า “ปัจจุบันผู้คนหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพสายตาเพิ่มมากขึ้น และประชาชนในประเทศไทยได้ก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงวัยอย่างเต็มรูปแบบ รวมถึงในยุคดิจิทัลที่มีการใช้ดวงตากับหน้าจออุปกรณ์ในการดำเนินชีวิตเป็นเวลานานในทุกช่วงอายุ จึงเป็นความตั้งใจของแว่นท็อปเจริญที่ต้องการพัฒนาการดูแลสายตาคนไทยให้ดีมีคุณภาพ และเล็งเห็นว่าคุณภาพสายตาที่ดีของคนเริ่มต้นจากการดูแลตรวจวัดโดยบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

นพศักดิ์ ตรีพรชัยศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ร่วมเจริญพัฒนา จำกัด (มหาชน) เจ้าของแบรนด์ แว่นท็อปเจริญ


    “เราจึงมุ่งมั่นที่จะผลักดันสาขาทัศนมาตรศาสตร์ของไทยให้เติบโตยิ่งขึ้น หวังปั้นเด็กไทยเป็นหมอสายตาหรือนักทัศนมาตรให้มีจำนวนเพียงพอต่อความต้องการในตลาดวิชาชีพนี้ รวมถึงในปัจจุบันแว่นท็อปเจริญเรามีนักทัศนมาตรจำนวนมากประจำอยู่หลากหลายสาขาแล้ว แต่ยังต้องการให้มีนักทัศนมาตรประจำครบทุกสาขากว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ จึงเป็นที่มาของความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ ในการจัดตั้ง วิทยาลัยทัศนมาตรศาสตร์@ท็อปเจริญ โดย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์”


    หากพูดถึงวิชาชีพ “ทัศนมาตรศาสตร์” (Optometrist) ถือได้ว่าเป็นหมอทางด้านสายตาที่เมื่อสำเร็จการศึกษาครบหลักสูตรแล้ว สามารถขอใบประกอบวิชาชีพ “หนังสืออนุญาตให้ทำการประกอบโรคศิลปะโดยอาศัยทัศนมาตรศาสตร์” จากกระทรวงสาธารณสุขได้ โดยสามารถใช้ทักษะความรู้ความสามารถในการดูแลรักษาคนไข้ได้เทียบเท่าแพทย์ทั่วไป แต่มีความชำนาญเฉพาะทางด้านสายตา ระบบการมองเห็น และความผิดปกติของกล้ามเนื้อดวงตา (ที่ไม่ใช่การผ่าตัดดวงตา)

    ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในอาชีพที่มีบทบาทสำคัญต่อประชาชนในสังคมไทย และระบบสาธารณสุขของไทยในระดับปฐมภูมิ และยังเป็นด่านแรกในการดูแลสุขภาพดวงตาและคัดกรองปัญหาสายตาเบื้องต้นที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย ตลอดจนยังช่วยป้องกันและรักษาก่อนที่จะเกิดอาการรุนแรงหรือลุกลามได้


    “อย่างไรก็ดี การจัดตั้งวิทยาลัยทัศนมาตรศาสตร์@ท็อปเจริญ โดย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ แห่งนี้ขึ้น นอกจากจะเป็นการส่งเสริมให้ระบบการศึกษาวิชาชีพเฉพาะด้านสายตาได้ถูกพัฒนาต่อไปอีกขั้นทั้งในไทยและอาเซียนแล้ว ยังมีส่วนสำคัญในการเพิ่มโอกาสให้เด็กไทยมีทางเลือกเรียนเป็นหมอสายตาและมีอาชีพที่มั่นคง สามารถต่อยอดในเส้นทางอาชีพที่หลากหลาย

    “ไม่ว่าจะเป็นการตรวจวัดสายตาประจำสถานพยาบาล การศึกษาวิจัยร่วมกับหน่วยงานรัฐหรือเอกชน การคัดกรองสุขภาพสายตาเบื้องต้นที่ร้านแว่นตา หรือการเข้าทำงานกับบริษัทผลิตเลนส์สายตา คอนแทคเลนส์ และบริษัทเครื่องมือแพทย์ รวมทั้งยังสามารถต่อยอดองค์ความรู้สู่ผู้เชี่ยวชาญหรืออาจารย์ในสถาบันการศึกษาได้” นพศักดิ์ กล่าวทิ้งท้าย

    ด้าน ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU) กล่าวว่า “มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ ‘แว่นท็อปเจริญ’ ในการจัดตั้ง ‘วิทยาลัยทัศนมาตรศาสตร์@ท็อปเจริญ โดย มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์’ ขึ้น เพื่อพัฒนาหลักสูตรทัศนมาตรศาสตรบัณฑิต ภายใต้การผสานความร่วมมือกัน ระหว่างความแข็งแกร่งด้านการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนที่ทันสมัยของ DPU ผนวกกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีการดูแลสุขภาพสายตาที่เชี่ยวชาญของแว่นท็อปเจริญ เพื่อผลิตบัณฑิตสาขาวิชาทัศนมาตรศาสตร์ ที่มีองค์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์สุขภาพเฉพาะทางสายตาและระบบการมองเห็น ตลอดจนมีความเชี่ยวชาญในการตรวจวัดวินิจฉัยสายตาและโรคทางตา เพื่อร่วมขับเคลื่อนระบบการศึกษาวิชาชีพเฉพาะทางระดับมหาวิทยาลัย ให้พร้อมรับมือกับความท้าทายในการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยอย่างยั่งยืน”

ดร.ดาริกา ลัทธพิพัฒน์ อธิการบดี มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ (DPU)


    “โดยมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์จะเป็นผู้รับผิดชอบในการบริหารจัดการหลักสูตรอย่างครอบคลุม ตั้งแต่การคัดเลือกนักศึกษา การจัดสถานที่การเรียนการสอนอันทันสมัย ตลอดจนการควบคุมคุณภาพและมาตรฐานการศึกษา โดยเป้าหมายของเราไม่ใช่เพียงการสร้างบัณฑิตที่มีคุณภาพเท่านั้น แต่ยังต้องการเป็นแหล่งบ่มเพาะความรู้ความสามารถ การสร้างสรรค์งานวิจัยและนวัตกรรมต่างๆ ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของสังคมในระยะยาว และตอบสนองความต้องการของตลาดแรงงานวิชาชีพที่มีดีมานด์สูงในปัจจุบัน” ดร.ดาริกา กล่าวทิ้งท้าย



เรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ : ‘แว่นท็อปเจริญ’ แปรสภาพเป็นบริษัท ‘มหาชน’ แล้ว เตรียมขยายสาขาสู่อาเซียนปีนี้

ไม่พลาดบทความและเรื่องราวน่าสนใจอื่นๆ ติดตามเราได้ที่เฟซบุ๊ก Forbes Thailand Magazine